๑๏ ที่ปลายนาเนินร้างข้างกอกก
มีหญ้ารกทอดย่านเป็นลานหญ้า
มะยมโยนริ้วใบอยู่ไปมา
มะพร้าวอ้าแขนกางแล้ววางเงา๒๏ ยอดกกล้อลมโชยอยู่เฉื่อยช้า
ร่มระย้าไทรย้อยชวนหงอยเหงา
เย็นลมทุ่งพัดรางมาบางเบา
หอมคละเคล้ากระดังงาจำปาพรรณ๓๏ เสียงเขาคูจุ๊กกรูอยู่พร่ำพรอด
กระจิบดอดโดดดุ๊งดูผลุงผลัน
กระยางย่องริมคูอยู่เงียบงัน
กางเขนชันหางชูอวดคู่คลอ๔๏ ตาลใบอ่อนชอนหญ้าอ้าใบออก
กระจิบหยอกเย้ายินแล้วบินปร๋อ
ผักบุ้งทอดยอดโยนโคนกกกอ
ตำลึงล้อลมโรยอยู่โชยชาย๕๏ จะลงรากปักใจไว้ที่นี่
จะปลูกชีวีใหม่อย่างใจหมาย
ด้วยดินฉ่ำน้ำชุ่มคอยคุ้มกาย
เพาะกล้าไม้นานาพฤษาพันธุ์๖๏ ชีวิตง่ายในงามธรรมชาติ
เติมแต้มวาดด้วยสองมือคือใจฝัน
กินอยู่อย่างพอสุขเพียงทุกวัน
หลับตื่นกับเงาจันทร์ตะวันกราย๗๏ เช้าฟังเสียงเขาคูจุ๊กกรูร้อง
ร่ายทำนองเรื่อยคำพอย่ำสาย
รอยลิขิตขีดเขียนเวียนเรื่องราย
ร้อยนิยายยาวนานงานชีวิต๘๏ จนเย็นย่ำย้อมดวงสุรีย์แสง
เรื่อฟ้าแดงแรงรอนคลายร้อนจิต
รดน้ำผักเพาะพืชพันธุ์วันละนิด
อย่างใจคิดอยู่เย็นให้เป็นจริง๙๏ ตกค่ำน้ำค้างโปรยมาโชยชื่น
หอมระรื่นแก้วกรุ่นอุ่นดาวผิง
นั่งนอกชานขนำน้อยค่อยพักอิง
ระบำหิ่งห้อยลอยพลอยราตรี๑๐๏ ผ่านค่ำคืนสงัดงันเพ็ญจันทร์ผ่อง
มีหรีดร้องเพรียกไพรไร้แสงสี
มีสุขสมถะธรรมนำชีวี
หนอจะมีบ้างไหม..สาวใดแล..ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น