1
จิ้งจกหางกุดหน้าตาหล่อเหลาไว้ผมทรงมหาดไทยไว้หนวดหยิม คลานด๊อกแด๊กเอาพุงแนบฝาเอาหน้าแนบ แนบ แนบอะไรดี ก็ฝาอีกนั่นแหละ มันยกขาซ้าย แล้วหันมาถาม
"ขาหน้ารึขาหลัง?"
"เอ่อ..หน้ารึหลังก็ได้ ไม่เห็นจะแตกต่าง" คนเขียนบอก
"ต่างเซ่" เจ้าจิ้งจกหนวดหยิมเถียง "ก็หากหน้ายกแล้วหลังไม่ยอมยก จะเดินได้ไง?"
"งั้นก็ยกทั้งหน้าหลัง" คนเขียนตัดบท
"ยกพร้อมกันรึยกทีละข้าง?" เจ้าจิ้งยกยังสงกาไม่เลิก
"อุบ๊ะ!" คนเขียนชักยัวะ "ต้องคิดให้ทุกเรื่องรึไง แค่คิดเขียนเนี่ยก็กลุ้มกบาลพอแระ ยังต้องมาคิดท่าเดินด้วยเรอะ เรื่องมากเดี๋ยวปั๊ด!"
พูดจบเงื้อมือตั้งท่าจะเอานิ้วจิ้มลูกตา เจ้าจิ้งจกผมทรงมหาดไทยรีบคลานด๊อกแด๊ก ด๊อกแด๊กโดดเกาะคานเพดาน มิวายไว้ลายจิ้งจกไทยพันธุ์แท้ มันกระดกหางกุดปล่อยขี้ก้อนดำมะเมี่ยมประดับติ่งขาวไว้พอตัดค่าน้ำหนักสีให้ดูดีมีศิลปะ
ปุ๊ด!
ขี้เจ้าจิ้งจกลอยลิ่วพลิกตัวสามตลบแล้วหมุนควง รูปทรงโค้งมนลดแรงโน้มถ่วงพุ่งลงอย่างรวดเร็วดุจระเบิดโทมาฮ็อก พุ่งลงบนลานขาวละออตา เสียงดัง
เป๊ะ!
เฉียดมือเบี้ยวไปนิดเดียว เบี้ยวขมวดคิ้วแหงนมองเพดาน เจ้าจิ้งจกยักคิ้วส่งเสียง จ๊ก จ๊ก แล้วรีบคลานกระด๊อกกระแด๊กเผ่นหนีโดยไม่ต้องถามว่าจะยกขาไหนก่อน มันรู้ดีขืนรอช้าเป็นโดนเขวี้ยงด้วยพู่กันแน่ หนก่อนโดนเข้าเต็มเหนี่ยวปลดหางทิ้งหนีแทบไม่ทัน หมดหล่อจีบสาวไม่ติดไปหลายวัน
เบี้ยวถอนใจ ใช้โคนพู่กันเขี่ยขี้จิ้งจกทิ้ง โชคดีที่เป็นขี้แห้งหากเป็นขี้เปียกล่ะภาพที่เบี้ยวเขียนมาแต่เช้าคงเละ กระนั้นก็ยังทิ้งรอยเปื้อนดำไว้บนภาพ เบี้ยวถอนใจอีกครั้ง ชีวิตคงเป็นอย่างนี้เอง ต่อให้บรรจงวาดสักเท่าใดก็ไม่มีวันเป็นอย่างใจ ต้องมีเหตุบังเอิญเหตุสุดวิสัยให้ต้องแก้ต้องปรับตลอดเวลา เบี้ยวเบื่อบ้านที่มีจิ้งจกเต็มทน พวกมันมาอยู่ร่วมชายคาทั้งไม่ได้เชื้อเชิญซึ่งก็ไม่ได้คิดรังเกียจรังงอน แต่พฤติกรรมสุดทานทน วัน ๆ เอาแต่ส่งเสียงจ๊กจ๊กจีบกันแล้วมุดหาที่วางไข่ จะว่ามีประโยชน์ช่วยกำจัดแมลง แต่แมลงก็ไม่ได้มากจนต้องกำจัด อีกอย่างบ้านก็ไม่ใช่เกมโชว์ ไม่ทำประโยชน์อะไรแก่คนร่วมอาศัยไม่ว่ากลับขี้เช้าขี้เย็นให้ต้องกวาดเหมือนนรกส่งเบี้ยวมาเกิดเป็นพนักงานกวาดขี้พวกมันโดยเฉพาะ เท่าที่สังเกตก็หน้าเดิม ๆ ไอ้หนวดหยิมนี่จำหน้ามันได้โดนเขวี้ยงด้วยพู่กันไปที สลัดหางหนีแทบไม่ทันไม่ยักเข็ด ขี้อีกแล้ว
'ย้ายบ้านก็ดี' เบี้ยวคิด 'จะได้คัดเลือกแต่จิ้งจกนิสัยดี ๆ มาอยู่ด้วย คัดแต่จิ้งจกเอาจริงเอาจังที่จะฝึกร้องเสียงอัลโตโซปลาโนประสานเป็นท่วงทำนองคลาสสิกขับกล่อมคนร่วมอยู่อาศัยให้อารมณ์วิไลย ไม่ใช่เอาแต่ส่งเสียงจ๊กจ๊กเป็นตลกคณะหม่ำอยู่อย่างนี้ หากพวกจิ้งจกมันฝึกกันหนัก ๆ แล้วบรรลุขั้นส่งเสียงร้องไพเราะอย่างนกได้บ้านก็คงน่าอยู่น่าอาศัย
'ท่าจะบ้า' เบี้ยวคิดต่อ
สงสัยถูกพฤติกรรมจิ้งจกครอบงำจนเพี้ยน มีอย่างที่ไหนคิดเลือกจิ้งจกเข้าบ้านไม่ใช่เวทีคอนเสิร์ตที่ต้องถือบัตรจึงจะเข้างานได้ คงต้องผจญกับพวกมันไปอย่างนี้เหมือนอนันดากับน้องพลอยชั่วฟ้าดินสลาย
'สักวันเหอะ ข้าจะเผาบ้านให้พวกเอ็งเป็นจิ้งจกย่างให้หมด'
เบี้ยวคิดอีก แต่ก็รู้ดี เป็นเพราะจิตด้านร้ายบงการ จิตที่พยายามครอบงำยึดครองสำนึก เพราะหมั่นไส้จิตด้านดีงามที่ยึดสำนึกไว้ข้างเดียวไม่เคยคิดแบ่ง เหมาเท่ไว้ฝ่ายเดียวราวกับว่าไม่มีจิตด้านร้ายอยู่ในโลกทั้งที่นั่งติดกันยังกะเก้าอี้ในโรงหนังเอเพ็ก บ่อยครั้งที่จิตด้านร้ายอยากแสดงตัวบ้าง อย่างน้อยให้ใคร ๆ ได้เห็นว่าฉันก็มีตัวตนนะ ไม่คิดอวดโอ่ กระมิดกระเมี้ยนด้วยซ้ำ อยากขอแค่ที่ยืนเล็ก ๆ ไม่ใช่เบียดเสียตกท้องร่องหรือแกล้งลืมว่าโลกไม่มีฉันเช่นนี้
'จะว่าไปเราเองทำอะไรเป็นประโยชน์ให้พวกจิ้งจกมันบ้าง นอกจากคอยเขวี้ยงพู่กันหยั่งงี้' เบี้ยวรำพึงในใจ ไม่เลยนี่นา เราเองก็เอาแต่เขียนรูปทุกวี่ทุกวัน ไม่สนใจจิ้งจกตัวไหนจะมาตัวไหนจะไป สงสัยแล้วเชียวเวลาพวกมันคุยกันจ๊กจ๊กบางครั้งมีกระซิบ คงนินทาไม่ก็กำลังหาทางกำจัดเราออกจากบ้านของพวกมัน ตกลงนี่มันบ้านใครกันแน่ เจ้าบ้านตัดสินที่จำนวนหรือที่คนจ่ายค่าเช่า
'ต้องคนจ่ายค่าเช่าสิ' เบี้ยวไม่ค่อยมั่นใจ แต่ยังรำพึงต่อไป ไม่แน่พวกมันก็อาจเห็นว่าเราทำตัวไม่มีประโยชน์ ซ้ำยังคอยรังควานรบกวนเวลาขี้ของพวกมันทำให้พวกมันตกอกตกใจไม่เป็นอันขี้ปี้นอน จึงลงมติเห็นสมควรอัปเปหิเราออกจากบ้าน เอ่..หรือว่าเราเป็นจิ้งจก เป็นจิ้งจกของพวกมัน
คิดไปคิดมาเหลือบมองมือถือพู่กันนิ้วเริ่มเปลี่ยนเป็นบวมพองปลายป่อง มีฝาชีใบเล็กละเอียดยิบอยู่ด้านล่าง ปลายเล็บเปลี่ยนเป็นจงอยดำ หลังมือเริ่มเป็นเกล็ดไล่เรื่อย ๆ จากโคนเล็บ เบี้ยวสะดุ้งโหยง
"เฮ้ย!"
รีบสะบัดมือถือพู่กัน มือกลับเป็นมือเหี่ยว ๆ อย่างเก่า
"หวิดไป" พูดกับตัวเอง "พอแล้ว!" หันโวยคนเขียน
"เห็นเปล่าผลเป็นไง เอาแต่กระแสสำนึกนั่งงึมงำรำพึงอยู่คนเดียว เกลียดจริง ๆ พวกเขียนแนวนี้ มีมนุษย์ที่ไหนกันเอาแต่นั่งรำพึงเป็นตุเป็นตะอยู่คนเดียวไม่คิดทำอะไรสักอย่าง คนบ้าว่าไปอย่าง มีที่ไหนนั่งบ่น ๆ อยู่สามสี่หน้าถึงบรรทัดสุดท้ายพูดคำเดียวจบ เห็นมั้ยผลเป็นไง?" เบี้ยวใส่ยัวะ "เกือบกลายเป็นตุ๊กแก"
"เอานาอีกแป๊บเดียวเดี๋ยวไอ้จูกำลังเดินมา ขอบ่นจิ้งจกอีกหน่อย" คนเขียนต่อรอง
"ไม่เอาแระ" เบี้ยวปัดพู่กันในมือ จุ่มลงถังน้ำล้าง "อยากบ่นเชิญบ่นตามสบาย แต่ผมไม่ยุ่งแล้ว เขียนรูปดีกว่ายังไม่อยากบ้าบอ"
วันนี้มันยังไง (คราวนี้คนเขียนกระแสสำนึกบ้าง) เจอะเจ้าจิ้งจกหนวดหยิมกวนตั้งแต่ย่อหน้าแรก ยังมาเจอนายเบี้ยวอารมณ์บ่จอย ยังเหลือไอ้จูอีกคน (ไอ้จูกำลังย่องเข้ามาในบ้าน กะจะต๊ะแก! ให้เบี้ยวตกใจ สงสัยมีซิกเซ้นต์ได้ยินเสียงบ่นถึงเลิกคิ้วซ้ายเหลือกตาขวามองคนเขียน แล้วย่องเข้าไปด้านหลังเบี้ยว
"ต๊ะแก!"
เบี้ยวนั่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน ไอ้จูหมดอารมณ์สนุก
"ไม่ตกใจไม่เห็นเป็นไร ช่วยกันเล่นหน่อยก็ไม่ได้" ไอ้จูบอก ดีดตัวเหยียดยาวลงบนโซฟาแดง เสียงสปริงลั่นเอี๊ยด ๆ ๆ ๆ
เบี้ยวก้มหน้าก้มตาลงสี ไอ้จูแหงะคอดู ปลายเท้ากระดิกจังหวะเพลงของบอดีสแลม ดัดเสียงให้น่ารักสุด ๆ
"มีข่าวดีมาบอก"
เบี้ยวไม่หันมอง ผิดคาด จูอ้าปากค้างพึมพำ
"สมาธิปานนั้นเชีย"
"ข่าวดีอะไร?" เบี้ยวจุ่มพู่กันในจานสี
"มีทั้งข่าวดีข่าวร้ายพี่จะฟังข่าวไหนก่อน?"
"มุขเก่า"
"นา" ไอ้จูงอเข่ายกตัวทิ้งปลายเท้าลงพื้นเอนหลังพิงพนักโซฟาเคาะหัวแม่เท้าเป็นจักหวะกลอง "เล่นหน่อยนา"
"ข่าวดี" เบี้ยวบอก
"คุณปิ๊กกลับมาแล้ว" พูดจบจ้องเบี้ยวเขม็ง อยากเห็นอาการลิงโลดยินดี ใบหน้าแย้มยิ้ม ลีลายิงเข้าประตูสะเด็ดสะเด่าของยอดศูนย์หน้าซอยตำแย เปล่า ไม่เป็นไปตามคาด เบี้ยวนั่งระบายสีเฉยเหมือนได้ยินเสียงจิ้งจกร้อง คุณปิ๊กกลับมาเชียวนา ข่าวนี้ธรรมดาเสียที่ไหน อะไรกันทำเป็นไม่สนใจ
"คุณปิ๊กกลับมาแล้ว" ไอ้จูบอกซ้ำ
"แล้วไง" เบี้ยวหันมอง สีหน้าเอือมระอา
"บ๊ะ!" ไอ้จูชักมีรมณ์ "ทีตอนคุณปิ๊กหายไปทำท่าจะเป็นจะตายข้าวปลาไม่ยอมกิน พอคุณปิ๊กกลับมาทำเป็นเฉยเมย มันยังไงกันเพ่"
เบี้ยวปล่อยพู่กันลงถังน้ำล้าง เอื้อมหยิบเบอร์สองจากแก้วใส่ สีหน้าเหมือนท้องผูกมาสามวันเจ็ดวัน สะกิดปลายพู่กันบนเนื้อสีก้มเล็งภาพ ไอ้จูประสานมือรองหัวตะเบ็งเสียง
"มันยังไงกันเว้ยครับ!?"
เบี้ยวหันมองด้วยดวงตามิสเตอร์บีน กล่าวเสียงอาฉี
"เลิกกันแล้ว"
"ฮ้า!" ไอ้จูยันตัวพรวด "เลิกกันแล้ว"
"อืมม์..เลิกกันแล้ว" เบี้ยวย้ำ
มันยังไงกัน มันยังไงกัน ไอ้จูอุทานลั่นในใจ ซอยห้าซอยตำแยเงียบเหงามาตั้งนานตั้งแต่คุณปิ๊กจากไป พี่เบี้ยวที่มันเคยยิงมุขหยอกหัวชวนหัวเราะเฮฮาทั้งวันกลายเป็นเงียบขรึมไม่ต่างสากกะเบือเดินได้ พวกลูกน้องที่เคยส่งเสียงเห่าลั่นซอยก็มาพลอยหางหดตดหายหมอบจ๋อยกันไปหมดตลอดหัวซอยท้ายซอย รู้ข่าวคุณปิ๊กกลับมาอุตส่าห์รีบคาบมาบอก พี่เบี้ยวจะได้หัวเราะเสียที มาเป็นยังงี้ได้ไง ไอ้จูกระสับกระส่ายมองลูกพี่เบี้ยวหมายคาดคั้นให้รู้เรื่องแต่อาการเบี้ยวเหมือนอุจจาระอั้นทวารอย่างนี้เห็นทีพูดกันไม่รู้เรื่อง
"อย่ามามุขนา" ไอ้จูใส่หวัวหึหึ "เลิกเลิ่งอะไรกัน ดีใจแต่ไม่แสดงออกใช่ป่าว?"
เบี้ยวไม่เล่นด้วย ไอ้จูไม่ละความพยายาม
"ชื่อคุณปิ๊กเนี่ยน่าหวาดเสียวนะเพ่"
"ยังไง?" เบี้ยวถาม
"พี่ลองคิดดูดิ" จูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ชวนเบี้ยวพูดคุยสำเร็จแล้ว "หากมีใครสักคนพิมพ์ตกหล่น ก.ไก่เกิดหายไปล่ะหวาดเสียวแย่"
เบี้ยวเลิกคิ้วคิดตามสหายน้องบอก
"ทะลึ่ง!" หันสนใจภาพเขียนต่อ "ข่าวร้ายล่ะ?"
"ข่าวร้ายอะไร" ไอ้จูไม่ทันตั้งตัว
"ก็ว่ามีสองข่าว"
"อ้อ" คิดขึ้นได้ "ไอ้ป๊อดช็อปเปอร์ก็กลับมาด้วย"
"ไม่เกี่ยวกับเรา" เบี้ยวพูดทั้งก้มระบายภาพ
"อะไรของพี่กันนะ" ไอ้จูอึดอัดขัดใจ ไม่อยากเห็นสภาพอย่างที่เป็นมาเมื่อหลายวันก่อนอีก พบหน้าไม่เคยพูดจา เดินสวนกันไปสวนกันมาเหมือนคนไม่รู้จัก ทักสักคำก็ไม่มี ยามนั้นทั้งซอยไม่ต่างป่าช้า แต่นี่ คุณปิ๊กกลับมาแล้ว ไอ้จูอยากได้ยินเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะอย่างครั้งเก่า หากเจ้านักเขียนก้นซอยหน้าทื่อคนนั้นกลับมาด้วยก็ยิ่งดี ถึงจะถือเป็นศัตรูหัวใจพี่เบี้ยวตัวฉกาจแต่ศัตรูตัวร้ายก็คือสหายใกล้ชิด ไอ้จูจำมาจาก 'ไม่มีน้ำตาวีระบุรุษ' นิยายกำลังภายในของจอมยุทธ์โกว อีกอย่าง ไอ้จูไม่มีพี่ชาย มันถือพี่เบี้ยวเป็นพี่ชายบังเกิดเกล้า และมันก็อยากมีคุณปิ๊กเป็นพี่สะใภ้ ไม่ได้ เลิกกันไม่ได้ ไอ้จูทะลึ่งพรวด
"ผมจะไปถามคุณปิ๊กให้รู้เรื่อง!"
เบี้ยวยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อน ไอ้จูกระฟัดกระเฟียดเดินกระแทกเท้าเปิดประตูบ้าน หันมาบอก
"อย่าว่าแต่" ไอ้จูฉีกยิ้ม "คุณปิ๊กยังไม่เคยบอกว่าชอบพี่สักคำ จะเลิกกันได้ไง?"
เบี้ยวหันถลึงตาเป็นมิสเตอร์บีสโดนอัดเป้า ไอ้จูเผ่นพรวดออกประตู
2
"เปล่านี่จู" สีหน้าปิ๊กแปลกใจตอนไอ้จูยิงคำถามแบบโรนัลโด้ซัดจุดโทษ "จะเลิกกันทำไม เบี้ยวน่ารักออก เป็นเพื่อนคุยตอนปิ๊กมีเรื่องไม่สบายใจ"
"อ้าว!" ไอ้จูตะลึง "ไหงเป็นงั้นล่ะ"
"เป็นไง?" คนสวยซอยห้าถาม
"ปละ..เปล่าครับ" ไอ้จูงง มันยังไงกันล่ะเนี่ย สะเหร่อเลยตู "เก๊าะพี่เบี้ยว..."
"เบี้ยวทำไม?"
สาวปิ๊กแย้มยิ้ม ยิ่งเห็นใกล้ ๆ ยิ่งคล้ายเซียวเล่งนึง ไอ้จูคิดด้วยฤทธิ์บ้ากำลังภายใน
"มะ..ไม่มีอะไรครับ ผมไปก่อน ลาล่ะครับคุณปิ๊ก" ไอ้จูโบกมือบิดกุญแจเจ้าตั๊กแตนบูรพา ช็อปเปอร์ประกอบเองแล่นได้แต่ในซอยห้าซอยตำแย ขืนออกถนนเป็นโดนซิวเพราะไม่มีป้ายทะเบียน
3
เบี้ยวยังเขียนรูปไม่เสร็จตอนไอ้จูกลับมา
"คุณปิ๊กไม่เห็นรู้เรื่อง พี่อำใช่เปล่า?" ไอ้จูถามตั้งแต่ขาพ้นประตู
เบี้ยวไม่หันมอง "คุณปิ๊กว่าไง?"
"พี่อย่ารู้เลย" ไอ้จูอมไต๋บ้างพูดมากเดี๋ยวพลาดโดนอำจะเสียฟอร์ม "เอาเป็นว่าคุณปิ๊กไม่รู้เรื่องเลิกเลิ่งอะไรของพี่ก็แล้วกัน"
"เลิกกันแล้ว" เบี้ยวย้ำ
"เลิกไร"
"เลิกเป็นเพื่อนกัน"
"อะไรนะ?"
"เลิกเป็นเพื่อนกัน" เบี้ยวไม่หันมอง พูดทั้งมือระบายสี
"พี่หมายความว่า.."
"เราว่าจะเลิกเป็นเพื่อนลองเป็นแฟนสักพัก"
"โอ่มุข" ไอ้จูลากเสียง "เดี๋ยวปั๊ดเหนี่ยว" โผเข้ากอดคอสหายพี่ เบี้ยวเสียหลักเกือบตกเก้าอี้ ไอ้จูเหลือบมองภาพ
"วาดอะไรของพี่เนี่ย?"
"ของขวัญต้อนรับคุณปิ๊กกลับซอยห้า ภาพความหลังเมื่อเราเคยหัวเราะด้วยกัน เดินตากฝนกินกล้วยปิ้งด้วยกัน ไปทะเลด้วยกัน" เบี้ยวเปลี่ยนเป็นเสียงกระซิบ "แม้เราจะคิดไปคนเดียวก็เถอะนะ"
"นั่นผมเหรอ?" จูชี้นิ้ว ภาพตอนทั้งสองแอบมองเจ้านักเขียนก้นซอยยืนคุยกะคุณปิ๊ก
เบี้ยวพยักหน้า ไอ้จูพึมพำ "วาดให้หล่อ ๆ หน่อยเด้" ชี้ไปที่มุมภาพ "แล้วนี่อะไร?"
"อย่ารู้เลย" เบี้ยวเอาคืน
ไอ้จูเลิกคิ้วลูกตาปะหลับปะเหลือก มองเบี้ยวแล้วมองภาพ มองภาพแล้วมองเบี้ยว ในภาพเป็นรูปจิ้งจกบนเพดานกำลังกระดกหางขี้ใส่หัวจิ้งจกนั่งวาดภาพ
@ บางแคร์ซอย 5 ตอน สุขสันต์วัน.../saranya_nok.worm
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น