By : นักทำหนังสือประดาน้ำ - วันนี้คุณ TRY แล้วหรือยัง! (2/2):
by วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
-การค้นพบโลกแห่งการอ่าน สำหรับผมแล้วเปรียบเสมือนนักเดินเรือที่ล่องเรือไปค้นพบทวีปใหม่
-ไม่มีประสบการณ์การเดินทางของใครที่จะซ้ำกับใคร แม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางไปยังสถานที่แห่งเดียวกันและในเวลาเดียวกันก็ตาม
-ไม่ใช่ทุกการเดินทางจะสวยงามน่าประทับใจไปเสียทั้งหมด บางการเดินทางก็น่าเหนื่อยหน่ายและเต็มไปด้วยอุปสรรค
-ก็คงเหมือนกับทุกอย่างในโลกนี้ ที่มีสองด้าน ด้านดีและด้านร้าย มองในแง่บวกคือ ที่สุดแล้วเรายังมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับอะไร และมองในแง่ดี บางครั้ง สิ่งเลวร้ายก็สามารถให้แง่คิดที่มีคุณค่าแก่เราได้เหมือนกัน
-คนทุกคนมีโลกแห่งความฝันบรรจุอยู่ในซอกมุมของชีวิต อยากไปโน่น อยากเป็นนั่น อยากทำนี่ ฯลฯ แต่ในชีวิตจริง ผมพบว่ามีคนจำนวนน้อยกว่าน้อยที่ได้ทำ ได้เป็นและได้ไปตามที่ใจใฝ่ฝัน หลายปีที่ผ่านมา ผมพยายามค้นหาสาเหตุที่กร่อนทำลายให้ความฝันของคนจำนวนมากกลายสภาพเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ได้ตัวผู้ตองหาสำคัญมาคนหนึ่งชื่อ 'ความไม่กล้า'
-ความไม่กล้า เกิดจากส่วนผสมของความกลัวบวกกับความวิตกกังวล เป็นจินตนาการด้านร้ายที่เมื่อสะสมมากเข้าและนานวันเข้า มันจะก่อตัวเป็นกำแพงสูงตระหง่าน ปิดกั้นไม่ให้ความใฝ่ฝันก้าวข้ามไปได้
-ต่อให้คุณโปรดปรานอาหารอะไรสักเมนูมากๆ แล้วลองกินมันทุกมื้อดูเถอะ ผมทำนายได้เลยว่าไม่เร็วก็ช้าคุณต้องเบื่อมันแน่ๆ อาจเบื่อถึงขั้นไม่อยากกินอาหารจานนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
-จงเก็บเงินเสียแต่วันนี้
-ผู้ใหญ่วัยทำงานจำนวนมากในวันนี้มีปัญหาเรื่องการเงิน สาเหตุเพราะเราเรียนรู้มันช้าไป
-ผมเคยคิดว่า การเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างมันยาก ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยากจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่มากเท่าที่คิด
-เมื่อไหร่ควรเปลี่ยน ไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา
-อย่าเอาแต่รอคอยให้ใครมาเปลี่ยนให้เรา หรือสั่งให้เราเปลี่ยน จดจำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิทธิเฉพาะของเรา
-การเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเฉพาะในระดับที่ลงลึกถึงข้างใน
-สิ่งที่หลงเหลือจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เราอาจเรียกมันอีกอย่างว่า ตัวตนที่แท้จริง
-ทัศนคติยากจะเปลี่ยน
-บางครั้งการเปลี่ยนแปลงอาจสร้างความปวดร้าวได้ คิดเสียว่า มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย
-การเปลี่ยนแปลงบางอย่างต้องใช้เวลา แต่บางอย่างก็ทำได้โดยฉับพลัน สิ่งที่ควรใคร่ครวญคือ อย่าเสียเวลามากเกินไป ไปกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สำคัญ
-คนเราทุกคนมีความเก่ง ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอยู่ในตัว
-คนจำนวนมากหยุดที่จะพัฒนาความเก่งของตัวเอง เพราะไปคิด(เอาเอง)ว่า เราคงทำได้มากที่สุดหรือดีที่สุดเพียงเท่านี้ แท้จริงแล้วเชื่อหรือไม่ครับว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในตัวมากกว่าที่เจ้าตัวประเมิน สิ่งสำคัญอยู่ที่การมุ่งมั่นพัฒนาและการฝึกฝนอย่างถูกวิธี
-ผมรู้ว่าการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม และศึกษาเส้นทางที่จะไปให้รู้แจ้งเห็นจริงที่สุดเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับคนที่กำลังจะออกเดินทางไกล
-อย่าละเลยสิ่งที่เราหรือคนอื่นเห็นว่า เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
-อย่าเอาแต่คิดการใหญ่ ลองคิดการเล็กบ้าง
-ทำอะไรเล็กๆ ที่ลงตัว ดีกว่าทำอะไรใหญ่โตมโหฬารแต่เอาไม่อยู่
-เขตคามเล็กๆ ให้ความรื่นรมย์แก่ชีวิตมากกว่าอาณาจักร
-ผมเห็นก้อนความฝันของเด็กบางคนนั้นมีขนาดที่ใหญ่เกินตัว มีปริมาณมากเกินไป และบางทีก็สวยสดงดงามเกินไป ราวกับว่าพวกเขาไม่เผื่อใจไว้สำหรับความไม่สมหวังเลย
-การคิดเชิงบวกในความหมายของ Positive Thinking คือการมองเห็นความจริงที่เป็นอยู่ ซึ่งอาจเป็นสิ่งย่ำแย่เล้วร้าย หากไม่ยอมจำนนจนมุมอยู่ในสภาพย่ำแย่เลวร้ายนั้น แต่พยายามแก้ไข เปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้มันดีขึ้นจากเดิม
-ที่สุดแล้ว นิยามที่แท้ของคำว่า Positive Thinking ในความคิดของผม จึงได้แก่ การที่เรามีสายตามองเห็นโอกาสอยู่เสมอ แม้กระทั่งในสภาวะที่ดูคล้ายว่าสิ้นไร้หนทางที่สุด
-เราไม่ควรหมิ่นแคลนความฝันของใคร และการมีอุดมการณ์นั้นเป็นเรื่องดีที่ควรแก่การชื่นชมด้วยซ้ำ
-เรามีอุดมการณ์ได้ เราเป็นนักอุดมคติได้ หากสิ่งสำคัญคือ เราต้องอย่ายึดมั่นหลงใหลในสิ่งที่เราเชื่อจนหัวปักหัวปำ กระทั่งกลายเป็นดูถูกคนอื่นที่ไม่เชื่ออย่างที่เราเชื่อไปเสียหมด เพราะความเป็นจริงที่ต้องยอมรับคือ โลกนี้มีหลายมิติ คนนั้นมีความแตกต่าง 'สังคมที่แท้' ควรประกอบด้วยความหลากหลายทางความคิดและความเชื่อของผู้คน สังคนจึงจะสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
-โลกความฝันมันสวย ทว่าโลกความจริงนั้นสำคัญ การพักวางความฝันไว้ชั่วคราวเพื่อจัดการกับความจริงที่ปรากฏตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน คือลำดับหน้าที่ที่คนหนุ่มสาวควรกระทำ
-ความรู้คือวิศวกรรม จินตนาการคือการดีไซน์ ขาดอะไรสักอย่างคุณก็ไม่มั่นคงแข็งแรง ไม่โดดเด่นสะดุดตา
-ความพ่ายแพ้มันมีค่ามากมาย เพราะมันสอนอะไรชีวิต ให้อะไรชีวิตหลายอย่าง
-ผมคิดว่าความสำเร็จคือการยกย่องอวรพร ส่วนความพ่ายแพ้ล้มเหลวคือ บทเรียน ถ้าคุณอยากเป็นผู้ชนะที่สมบูรณ์ คุณก็ต้องผ่านการเรียนรู้บทเรียนที่ดี
-ความทะเยอทะยานมี ‘ขนาด’ ของมัน ซึ่งแปรผันไปตามวันและวัยของชีวิต
-ความทะเยอทะยานนั้นแน่นอนว่ามีประโยชน์ มันเป็นเครื่องมือในการผลักดันให้เรามุ่งมั่นต่อสู้เพื่อนำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ
-คนทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตัวเองได้ เพราะโดยธรรมชาติชีวิตมันถูกสร้างมาให้มีอิสระนะครับ เราอาจจะเกิดมาไม่เท่ากัน แต่เราทุกคนสามารถเลือกชีวิตได้จริงๆ ไม่ว่าเราอยากเป็นอะไร
-ผมจึงเชื่อว่าเราทุกคนเลือกชีวิตได้ อยู่ที่ว่าต้องกล้าเลือกและยอมแลก
-การต้องตื่นมาทุกวัน เพื่อจะพบว่าเราไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นมันน่าเศร้านะครับ—ผมอยากให้คุณคิดอย่างนี้ ดังนั้น อย่ามัวปล่อยชีวิตเรื่อยไหลอยู่เลย อะไรบ้างที่เป็นสิ่งที่เราลงมือทำในวันนี้แล้วสามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องตั้งคำถามและให้คำตอบกับตัวเอง
-ผมอยากให้คุณตระหนักถึงคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง ชื่นชมในสิ่งที่คุณเป็นอยู่และมีอยู่ แม้กระทั่งยอมรับให้ได้กับปมด้อยที่ติดตัวมา ผมยุให้คุณลองทำสิ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดทำมาก่อน (สักครั้งหนึ่งในชีวิต)
-พวก ‘Underdog’ จนตรอก ไร้แต้มต่อแต่สามารถลุกขึ้นมาประกาศศักดาในวิถางที่สร้างเองได้ นี่เป็นมนุษย์พันธ์โปรดของผมเลยล่ะ
-ชีวิตที่เป็นแบบอย่างและเป็นบทเรียนให้แก่คนอื่นๆ ได้ ผมถือว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่า
หมายเหตุ: เนื้อหาด้านบนคัดเฟ้นมาจากหนังสือ TRY
ขอบคุณพี่โหน่ง วงศ์ทนง สำหรับหนังสือดีๆ เล่มนี้ครับ:)
by วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
-การค้นพบโลกแห่งการอ่าน สำหรับผมแล้วเปรียบเสมือนนักเดินเรือที่ล่องเรือไปค้นพบทวีปใหม่
-ไม่มีประสบการณ์การเดินทางของใครที่จะซ้ำกับใคร แม้ว่ามันจะเป็นการเดินทางไปยังสถานที่แห่งเดียวกันและในเวลาเดียวกันก็ตาม
-ไม่ใช่ทุกการเดินทางจะสวยงามน่าประทับใจไปเสียทั้งหมด บางการเดินทางก็น่าเหนื่อยหน่ายและเต็มไปด้วยอุปสรรค
-ก็คงเหมือนกับทุกอย่างในโลกนี้ ที่มีสองด้าน ด้านดีและด้านร้าย มองในแง่บวกคือ ที่สุดแล้วเรายังมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะรับหรือไม่รับอะไร และมองในแง่ดี บางครั้ง สิ่งเลวร้ายก็สามารถให้แง่คิดที่มีคุณค่าแก่เราได้เหมือนกัน
-คนทุกคนมีโลกแห่งความฝันบรรจุอยู่ในซอกมุมของชีวิต อยากไปโน่น อยากเป็นนั่น อยากทำนี่ ฯลฯ แต่ในชีวิตจริง ผมพบว่ามีคนจำนวนน้อยกว่าน้อยที่ได้ทำ ได้เป็นและได้ไปตามที่ใจใฝ่ฝัน หลายปีที่ผ่านมา ผมพยายามค้นหาสาเหตุที่กร่อนทำลายให้ความฝันของคนจำนวนมากกลายสภาพเป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ ได้ตัวผู้ตองหาสำคัญมาคนหนึ่งชื่อ 'ความไม่กล้า'
-ความไม่กล้า เกิดจากส่วนผสมของความกลัวบวกกับความวิตกกังวล เป็นจินตนาการด้านร้ายที่เมื่อสะสมมากเข้าและนานวันเข้า มันจะก่อตัวเป็นกำแพงสูงตระหง่าน ปิดกั้นไม่ให้ความใฝ่ฝันก้าวข้ามไปได้
-ต่อให้คุณโปรดปรานอาหารอะไรสักเมนูมากๆ แล้วลองกินมันทุกมื้อดูเถอะ ผมทำนายได้เลยว่าไม่เร็วก็ช้าคุณต้องเบื่อมันแน่ๆ อาจเบื่อถึงขั้นไม่อยากกินอาหารจานนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้
-จงเก็บเงินเสียแต่วันนี้
-ผู้ใหญ่วัยทำงานจำนวนมากในวันนี้มีปัญหาเรื่องการเงิน สาเหตุเพราะเราเรียนรู้มันช้าไป
-ผมเคยคิดว่า การเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่างมันยาก ซึ่งเอาเข้าจริงก็ยากจริงๆ นั่นแหละ แต่ไม่มากเท่าที่คิด
-เมื่อไหร่ควรเปลี่ยน ไม่มีใครรู้ดีเท่าเรา
-อย่าเอาแต่รอคอยให้ใครมาเปลี่ยนให้เรา หรือสั่งให้เราเปลี่ยน จดจำไว้ว่า การเปลี่ยนแปลงเป็นสิทธิเฉพาะของเรา
-การเปลี่ยนแปลงที่ยากที่สุด คือการเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเฉพาะในระดับที่ลงลึกถึงข้างใน
-สิ่งที่หลงเหลือจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เราอาจเรียกมันอีกอย่างว่า ตัวตนที่แท้จริง
-ทัศนคติยากจะเปลี่ยน
-บางครั้งการเปลี่ยนแปลงอาจสร้างความปวดร้าวได้ คิดเสียว่า มันเป็นราคาที่ต้องจ่าย
-การเปลี่ยนแปลงบางอย่างต้องใช้เวลา แต่บางอย่างก็ทำได้โดยฉับพลัน สิ่งที่ควรใคร่ครวญคือ อย่าเสียเวลามากเกินไป ไปกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สำคัญ
-คนเราทุกคนมีความเก่ง ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่งอยู่ในตัว
-คนจำนวนมากหยุดที่จะพัฒนาความเก่งของตัวเอง เพราะไปคิด(เอาเอง)ว่า เราคงทำได้มากที่สุดหรือดีที่สุดเพียงเท่านี้ แท้จริงแล้วเชื่อหรือไม่ครับว่า มนุษย์ทุกคนมีศักยภาพในตัวมากกว่าที่เจ้าตัวประเมิน สิ่งสำคัญอยู่ที่การมุ่งมั่นพัฒนาและการฝึกฝนอย่างถูกวิธี
-ผมรู้ว่าการเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม และศึกษาเส้นทางที่จะไปให้รู้แจ้งเห็นจริงที่สุดเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับคนที่กำลังจะออกเดินทางไกล
-อย่าละเลยสิ่งที่เราหรือคนอื่นเห็นว่า เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
-อย่าเอาแต่คิดการใหญ่ ลองคิดการเล็กบ้าง
-ทำอะไรเล็กๆ ที่ลงตัว ดีกว่าทำอะไรใหญ่โตมโหฬารแต่เอาไม่อยู่
-เขตคามเล็กๆ ให้ความรื่นรมย์แก่ชีวิตมากกว่าอาณาจักร
-ผมเห็นก้อนความฝันของเด็กบางคนนั้นมีขนาดที่ใหญ่เกินตัว มีปริมาณมากเกินไป และบางทีก็สวยสดงดงามเกินไป ราวกับว่าพวกเขาไม่เผื่อใจไว้สำหรับความไม่สมหวังเลย
-การคิดเชิงบวกในความหมายของ Positive Thinking คือการมองเห็นความจริงที่เป็นอยู่ ซึ่งอาจเป็นสิ่งย่ำแย่เล้วร้าย หากไม่ยอมจำนนจนมุมอยู่ในสภาพย่ำแย่เลวร้ายนั้น แต่พยายามแก้ไข เปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้มันดีขึ้นจากเดิม
-ที่สุดแล้ว นิยามที่แท้ของคำว่า Positive Thinking ในความคิดของผม จึงได้แก่ การที่เรามีสายตามองเห็นโอกาสอยู่เสมอ แม้กระทั่งในสภาวะที่ดูคล้ายว่าสิ้นไร้หนทางที่สุด
-เราไม่ควรหมิ่นแคลนความฝันของใคร และการมีอุดมการณ์นั้นเป็นเรื่องดีที่ควรแก่การชื่นชมด้วยซ้ำ
-เรามีอุดมการณ์ได้ เราเป็นนักอุดมคติได้ หากสิ่งสำคัญคือ เราต้องอย่ายึดมั่นหลงใหลในสิ่งที่เราเชื่อจนหัวปักหัวปำ กระทั่งกลายเป็นดูถูกคนอื่นที่ไม่เชื่ออย่างที่เราเชื่อไปเสียหมด เพราะความเป็นจริงที่ต้องยอมรับคือ โลกนี้มีหลายมิติ คนนั้นมีความแตกต่าง 'สังคมที่แท้' ควรประกอบด้วยความหลากหลายทางความคิดและความเชื่อของผู้คน สังคนจึงจะสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
-โลกความฝันมันสวย ทว่าโลกความจริงนั้นสำคัญ การพักวางความฝันไว้ชั่วคราวเพื่อจัดการกับความจริงที่ปรากฏตรงหน้าให้สำเร็จลุล่วงเสียก่อน คือลำดับหน้าที่ที่คนหนุ่มสาวควรกระทำ
-ความรู้คือวิศวกรรม จินตนาการคือการดีไซน์ ขาดอะไรสักอย่างคุณก็ไม่มั่นคงแข็งแรง ไม่โดดเด่นสะดุดตา
-ความพ่ายแพ้มันมีค่ามากมาย เพราะมันสอนอะไรชีวิต ให้อะไรชีวิตหลายอย่าง
-ผมคิดว่าความสำเร็จคือการยกย่องอวรพร ส่วนความพ่ายแพ้ล้มเหลวคือ บทเรียน ถ้าคุณอยากเป็นผู้ชนะที่สมบูรณ์ คุณก็ต้องผ่านการเรียนรู้บทเรียนที่ดี
-ความทะเยอทะยานมี ‘ขนาด’ ของมัน ซึ่งแปรผันไปตามวันและวัยของชีวิต
-ความทะเยอทะยานนั้นแน่นอนว่ามีประโยชน์ มันเป็นเครื่องมือในการผลักดันให้เรามุ่งมั่นต่อสู้เพื่อนำชีวิตไปสู่ความสำเร็จ
-คนทุกคนสามารถเลือกชีวิตของตัวเองได้ เพราะโดยธรรมชาติชีวิตมันถูกสร้างมาให้มีอิสระนะครับ เราอาจจะเกิดมาไม่เท่ากัน แต่เราทุกคนสามารถเลือกชีวิตได้จริงๆ ไม่ว่าเราอยากเป็นอะไร
-ผมจึงเชื่อว่าเราทุกคนเลือกชีวิตได้ อยู่ที่ว่าต้องกล้าเลือกและยอมแลก
-การต้องตื่นมาทุกวัน เพื่อจะพบว่าเราไม่ได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นมันน่าเศร้านะครับ—ผมอยากให้คุณคิดอย่างนี้ ดังนั้น อย่ามัวปล่อยชีวิตเรื่อยไหลอยู่เลย อะไรบ้างที่เป็นสิ่งที่เราลงมือทำในวันนี้แล้วสามารถเปลี่ยนชีวิตตัวเองได้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องตั้งคำถามและให้คำตอบกับตัวเอง
-ผมอยากให้คุณตระหนักถึงคุณค่าที่มีอยู่ในตัวเอง ชื่นชมในสิ่งที่คุณเป็นอยู่และมีอยู่ แม้กระทั่งยอมรับให้ได้กับปมด้อยที่ติดตัวมา ผมยุให้คุณลองทำสิ่งที่ไม่เคยแม้แต่จะคิดทำมาก่อน (สักครั้งหนึ่งในชีวิต)
-พวก ‘Underdog’ จนตรอก ไร้แต้มต่อแต่สามารถลุกขึ้นมาประกาศศักดาในวิถางที่สร้างเองได้ นี่เป็นมนุษย์พันธ์โปรดของผมเลยล่ะ
-ชีวิตที่เป็นแบบอย่างและเป็นบทเรียนให้แก่คนอื่นๆ ได้ ผมถือว่าเป็นชีวิตที่มีคุณค่า
หมายเหตุ: เนื้อหาด้านบนคัดเฟ้นมาจากหนังสือ TRY
ขอบคุณพี่โหน่ง วงศ์ทนง สำหรับหนังสือดีๆ เล่มนี้ครับ:)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น