.โรงบ่มฯ : ..ชายผู้ขังตัวเองในห้องสีขาวและหญิงสาวผู้มีท้องฟ้าในดวงตา...:
ตั้งแต่ที่ท้องฟ้าขมุกขมัวและครึ้มไปด้วยเมฆฝน

เขาก็กักขังตัวเองอยู่ในห้องสีขาว

ที่มีประตูสีแดงบานเล็กเป็นตัวเชื่อมสู่โลกภายนอก







แม้จะเป็นเพียงห้องเล็ก ๆ

แต่เขาก็ยินดี



ในห้องสีขาวเขารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่น

" อย่างน้อยก็ยังดีกว่า

อยู่ภายใต้ฟ้ากว้างที่หม่นหมอง "

ทุกครั้งที่คิด

ตัวเขาก็จะโตขึ้นทีละน้อย ๆ







ไม่นาน...

ตัวเขาก็โต...

โตจนเกินกว่าจะออกมาจากห้องนั้น

ด้วยประตูบานเดิม



" อย่างน้อยก็ยังดีกว่า

อยู่ภายใต้ฟ้ากว้างที่หม่นหมอง "



เขาคิดเช่นนั้นเรื่อยมา

กระทั่งประตูสีแดงถูกเปิดออก

และหญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทีอยากรู้







" ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนอยู่ในนี้

ฉันคิดไม่ผิดจริง ๆ "

เธอเอ่ยเสียงใส

" ชายตัวโตเธอมัวทำอะไรในห้องสีขาวที่คับแคบ

ทั้งที่โลกแสนสดใสอยู่ห่างจากเธอเพียงแค่ประตูบาง ๆ กางกั้น "

น้ำเสียงเธอเปลี่ยนเป็นสงสัย



" หญิงสาวเอย...เธอเอาอะไรมาพูด

ไม่มีที่ไหนในโลกที่ฉันเคยพบเจอ

จะสดใสไปกว่าในห้องสีขาวห้องนี้อีกแล้ว "

น้ำเสียงของเขายิ่งสงสัยไม่ต่างกัน



" นอกห้องมีแต่ฟ้าที่หมองหม่น

ที่ทำให้ผู้คนสิ้นหวัง

ฟ้าที่เต็มไปด้วยเมฆฝนและพายุกระหน่ำ

ฟ้าที่ทำให้ฉันหวาดกลัว "

เขาพูดเสียงสั่น
หญิงสาวขมวดคิ้วปมโตจ้องหน้าชายหนุ่ม

" ฉันไม่เคยเห็นท้องฟ้าอย่างที่เธอพูดมาแม้แต่น้อย...

ไม่เว้นแม้แต่เวลานี้ "

เธอพูดอย่างฉุนเฉียว

และพยายามยื้อชายหนุ่มไปที่ประตูบานเล็ก



ชายหนุ่มก้มมองลอดผ่านช่องประตู

ท้องฟ้าที่เขาเห็นยังคงหมองหม่น

และเต็มไปด้วยเมฆฝนไม่ต่างจากเคย



" เป็นไปไม่ได้

ไม่มีเวลาไหนที่ฉันจะเคยเห็นท้องฟ้าสดใส

มากไปกว่าเวลานี้อีกแล้ว "

หญิงสาวก้าวออกไปนอกห้อง
แหงนหน้ามองท้องฟ้าและยืนยัน



" มันต้องมีอะไรผิดปกติ "

เธอพูดพลางจ้องเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่ม







เธอมองเห็นแววตาหมอง

มองเห็นเมฆฝน

มองเห็นท้องฟ้าหม่นในดวงตาเขา



" ฉันว่าฉันเริ่มจะเข้าใจแล้ว

ไม่ใช่ท้องฟ้าหรอกที่หม่นหมอง "

เธอเปิดประตูและก้าวออกไปข้างนอก

" ฉันจะช่วยให้ท้องฟ้าของเธอสดใสเอง "



เมื่อประตูสีแดงบานเล็กถูกปิดลง

ความเงียบก็กลับเข้าครอบคลุมอีกครั้ง

ชายผู้ขังตัวเองในห้องสีขาว

ถอยหลังกลับไปที่มุมหนึ่งของห้องและทรุดตัวลงนั่ง



" อย่างน้อยก็ยังดีกว่า

อยู่ภายใต้ฟ้ากว้างที่หม่นหมอง "

เขาตัวโตขึ้นอีกนิด...



เวลาผ่านไปนานนับปี

ประตูบานเดิมก็ถูกเปิดอีกครั้ง

หญิงสาวโผล่หน้าเข้ามา

และเอ่ยด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว

" ฉันเดินทางไปทั่วทุกหนแห่ง...

ทุกหนแห่งที่มีท้องฟ้าที่สดใส

และฉันเก็บมันมาให้เธอ "



ชายหนุ่มจ้องมองไปที่หญิงสาวอย่างแปลกใจ

แต่เมื่อเขามองลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ

เขาก็เริ่มเข้าใจ...







ในดวงตาของเธอเต็มไปด้วยท้องฟ้าที่สดใส

เป็นท้องฟ้าที่เขาไม่เคยพบเห็น

เขาจ้องมองดวงตาของเธออย่างหลงใหล

ทั้งคู่จ้องมองตากันเนิ่นนาน

นานเท่าที่ใครคนหนึ่งจะจ้องมองตาใครคนหนึ่งทั้งชีวิต

นานเท่าที่ในดวงตาของเขาจะถักทอประกายสีฟ้าใส



ฉับพลัน...

ชายหนุ่มก็หลับตาลง

" ฉันว่าเธอควรออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว "

เขาเอ่ยเสียงเข้ม



" พูดอะไรอย่างนั้น

ทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดี

ท้องฟ้าของเธอกำลังจะกลับมาสดใส "

หญิงสาวกล่าวอย่างแปลกใจ



เขาเปิดประตู

และผลักเธอออกไปจากห้องสีขาว

อย่างไร้คำตอบ
ประตูบานเดิมถูกปิดลงอีกครั้ง
และมันแน่นหนากว่าเดิม

เมื่อทั้งห้องกลับสู่ความเงียบงัน

เขาก็ทรุดตัวลงนั่งที่มุมหนึ่ง
ร่างกายเขาเล็กลงเล็กน้อย
ในขณะที่เปลือกตายังคงปิดสนิท

ไม่นานหยดน้ำใสก็เริ่มไหลออกมาจากดวงตา

เป็นหยดน้ำที่เกิดจากเมฆฝน...

เมฆฝนในดวงตาของเขา
ท้องฟ้าในดวงตาเขากลับมาหมองหม่นอีกครั้ง

เขานั่งยิ้มท่ามกลางสายฝนในดวงตา



" อย่างน้อยก็ยังดีกว่า..."


ทว่าตัวเขาไม่ได้โตขึ้นกว่าเดิมอีกแล้ว




หลังประตูสีแดงบานเล็ก

หญิงสาวผู้มีท้องฟ้าในดวงตา

ยังคงแปลกใจ...

แปลกใจที่จู่ ๆ ชายหนุ่ม

ก็ผลักไสให้เธอออกจากห้องสีขาวห้องนั้น



เธอหันหลังและแหงนมองท้องฟ้า

บนท้องฟ้าเริ่มมีเมฆฝนประปราย

และหากสังเกตเพียงนิด

จะพบว่าร่างกายของเธอโตขึ้นกว่าเดิม...







หญิงสาวค่อย ๆ เดินจากไป...
จากไป...
พร้อม ๆ กับสายฝนที่เริ่มโปรยปราย...
โปรยปรายมาจากท้องฟ้าในดวงตาของเธอ







ศุกร์ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
ดินสอและสีน้ำบนกระดาษ ๓๐๐ แกรม
ขนาด ๒๘x๓๘ ซม.