๏ เห่เอย..เจ้าขวัญแก้ว....สูญสิ้นแล้วเลิศมณี
ชีพกายมลายพลี............สดุดีพิรญาณ
สองมือเจ้าเนียนนุ่ม.........กอบมือกุมก็กรุ่นกานต์
สองตาผิแต้มตาล...........กุสุมาลย์วิไลเรียง
สองแขนสิแสนอ่อน........อุ่นอกอ้อนประอรประเอียง
สองเท้าก็ก้าวเพียง..........ประพิมพ้นบิดาพิมาน
เพียงใจเจ้ากล้าแกร่ง.......จะยิ่งกว่าศิลามิปาน
หาญห้าวผิชายชาญ.........บ่มิเปรียบมิเทียบทัน
สองมือเจ้าว่างเปล่า.........กับสองเท้าเข้าประจัญ
หนึ่งกายก็สามัญ............ไหนอาจสู้ประยุทธ์ประลัย
จึงเลือดละเลงหยาด........ย้อมหยดสาดหทัยไท
แยกร่างพิราลัย..............พิฆาตเธอผู้เทิดธรรม์ ฯ
๏ เสียงร้องเจ้าผ่าวแผ่วแล้วเลือนลับ
สิ้นสดับลาแล้วเจ้าแก้วขวัญ
เจ็บหัวใจปวดปร่าในจาบัลย์
หมื่นแสนกันแสงโศกวิโยกครวญ
อกพ่อเอ๋ย..
ต่อแต่นี้คงมีแต่เทวษ
จะนองเนตรน้ำตาอาลัยหวน
เคยหยอกเย้ายอยิ้มเจ้านิ่มนวล
แต่ตัวน้อยต้อยชวนชะอ้อนชม
นิ้วเจ้ายังแหย่ยื้อในมือพ่อ
พ่อก็คลอรอเย้าเฝ้าประหงม
เจ้าตัวน้อยค่อยเติบใหญ่พิไลภิรมย์
หวังคอยชมเจ้าเพลินจำเริญวัย
โอ้ว่า..อนิจจามาลาลับ
จะนานนับโศกทนจนปัจฉิมสมัย
นานนองร่ำสายน้ำตาโศกาลัย
ปิ่มหัวใจจะขาดแล้วเจ้าแก้วเอย ฯ
Picture : http://www.oknation.net/blog/waranin
Tags: ชักม้าชมเมือง
, poem