เดือนมืดฟ้าหม่นสวัสดิ์ขอรับ
ขอบคุณที่คลิกต่อมาจากกระท่อม และขอบคุณทุกคำถามไถ่ พี่ทั่นขุลล์ พี่ท่านประทีปะ ท่านคุณพระ แม่พลอย ท่านต้นข้าว แลท่านต้นคั่น
ข้าพเจ้ามีสมุดอยู่เล่มหนึ่ง พกติดตัวตลอดเวลา สมุดเล่มเล็ก ๆ น่ารักนิสัยซุกซนดูเหมือนมันจะชอบอยู่ไม่เบาที่จะคอยซุกเซ้ามุดซอกโน้นออกซอกนี้ไปรอบกาย ข้าพเจ้าป้อนมันด้วยตัวอักษรรสชาติมอซอตามแต่อารมณ์ขณะนั้น ๆ จะปั่นออกมา บางครั้งก็หารูปสวย ๆ มาแปะพอให้มันได้รู้สึกดี เราผ่านวันเวลามาด้วยกัน มันอยู่เป็นเพื่อนข้าพเจ้า ยินดีรับฟังเสมอไม่ว่าเรื่องราวรอบกายจะดีร้ายอย่างไร(ถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง) เจ้าสมุดน้อยค่อย ๆ เติบใหญ่ขึ้นตามจำนวนวันและตัวอักษร ข้าพเจ้านั่งมองมันเต้นไปโน่นโดดมานี่ด้วยความเอ็นดูบางครั้งก็นึกฝันอยากเห็นมันโตเป็นสมุดหนุ่มร่างกายกำยำ เผื่อข้าพเจ้าจะได้ส่งมันประกวดสมุดงามได้ตำแหน่งพร้อมโล่รางวัล และมีสมุดสาว ๆ มาหลงรัก มีสมุดตัวน้อย ๆ มาให้ข้าพเจ้าได้ชื่นชม นั่นคงเป็นเรื่องในอนาคต ขณะนี้มันเป็นสมุดเยาว์เดียงสาที่ยังเอาแต่ส่งเสียงร้องเรียกหายามข้าพเจ้าออกไปธุระปะปัง และกระดิกหางดิ๊ก ๆ เร่เข้าซุกแข้งซอนขาเมื่อข้าพเจ้ากลับมา ยังมีตัวอักษรอีกมากหลายรอข้าพเจ้าเขียนออกมาป้อนให้มัน อยากเห็นมันเป็นสมุดที่เต็มด้วยน้ำเนื้อชีวิต ความรักของหนุ่มสาว, ความเปล่าเปลี่ยวของผู้เฒ่า, ความไร้เดียงสาของเด็ก ๆ, กระทั่งอาบัติของนักบวช, เล่ห์เหลี่ยมกลโกงของผู้กร้านโลก หรือการเดินทางไปยังดินแดนแปลกถิ่นอับอวลด้วยอาถรรพ์เวท เจ้าสมุดคงน้ำลายสอหากได้ยินเยี่ยงนี้ สิ่งวิเศษที่มีมันอยู่ก็คือข้าพเจ้าได้พบสหาย สหายซึ่งยากเหลือเกินจะพบพานในสังคมทั่วไป ยิ่งกรำโลกเรายิ่งยากพานพบผู้คนซึ่งคบหาโดยไร้ผลประโยชน์ต่างตอบแทน สหายที่แลกเปลี่ยนถ้อยคำด้วยความเคารพให้เกียรติแลชื่นชมกันและกัน โอกาสทำความรู้จักมักคุ้นเช่นนี้เคยเกิดก็เฉพาะเมื่อครั้งยังเยาว์ ไหนเลยยินยอมเชื่อถือว่าสามารถเกิดขึ้นได้อีกในชั่วชีวิตเติบใหญ่ หลายวันมานี้ข้าพเจ้าใจหาย! เมื่อไม่สามารถปั่นตัวอักษรป้อนเจ้าสมุดได้ดังเคย..หรือทุกอย่างต้องหยุดลงแค่นี้? ยามนี้จิ้มอักษรแต่ละตัวนั้นเจ็บแปลบปลายนิ้วจนร้อนไปทั้งแขน ข้าพเจ้ายังต้องหาทางออกต่อไป กระทั่งหากจะต้องเข้าตลาดไปใช้อินเตอร์เน็ตตำบลสัปดาห์ละครั้งก็จะทำ เป็นอีกแค่หนึ่งอุปสรรคที่จะต้องก้าวผ่าน..งานเขียนยังคงเดินทาง น้ำจิตน้ำใจของเหล่าท่านผู้น้อยน้อมรับด้วยรื้นน้ำตา ยามใดลืมตาอ้าปากจะไม่ลืมว่ายามยากเคยรับเติมแรงใจจากมวลมิตรมาเยี่ยงไร เมื่อข้าพเจ้าหดหู่ซึมเศร้าเจ้าสมุดไหนเลยระรื่นอยู่ได้ ข้าพเจ้าใช้ผ้าขนหนูทบหลายชั้นคลุมเม้าส์กันไฟรั่วปัดป้ายตกแต่งใบหน้ามันเสียให้เป็นไปดังปัจุบันอารมณ์ (ยังไม่ได้เข้าตลาดไปหาคีย์บอร์ดมาลองดังพี่ทั่นขุลล์แนะ) ไม่ว่าจะอย่างไรตัวอักษรยังคงเดินทาง ที่เก่านั้นหากจะปรับเปลี่ยนหน้าตาต้องใช้เวลามาก ส่วน wp ก็ไม่สามารถปรับแก้ดังใจจึงเลือกกลับมา Blogger เพราะดูเหมือนจะได้รับปรับปรุงให้เร็วขึ้นอย่างมาก อีกทั้งปรับเปลี่ยนกล่องคอมเม้นท์ให้เป็นอย่างต้องการแล้ว คิดว่าที่นี่จะสะดวกสำหรับเข้าออก(โดยเฉพาะพี่ท่านขุลล์)มากกว่าที่เก่า ขอบคุณสำหรับคำถามไถ่และแวะเยือนขอรับ ข้าพเจ้าทราบดีว่าที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้าน ไร้ผู้คนสัญจรผ่านไปมา เป็นธรรมดา..ความโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงาย่อมมีประดับฟากฝาชายคาต่างระย้าโมบาย ข้าพเจ้าหาได้วิตกกังวล รู้สึกตะครั่นตะครอขึ้นมาคราใดก็จะหิ้วชะลอมอักษรไปฝากเหล่าท่านให้ถึงชานเรือนนั่นเลยเทียว ขอทุกท่านจำเริญในอักขระบำเพ็ญยิ่ง ๆ ขึ้นเทอญ ส่วนผู้น้อยก็จะพยายามปั่นตัวอักษรป้อนเจ้าสมุดจอมซนอยู่ไม่สุขติดที่ตัวนี้ให้มันอ้วนจงได้ ราตรีสวัสดิ์ขอรับ อ้อ! นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า..เอ่อ..ไปไหนมาสามวาสองศอก...?
ความหวังที่อยากเห็นเจ้าสมุดเติบใหญ่, เหล่าสหายที่ร่วมเคียงบ่าไหล่กันมาบนหนแห่งอักขระทุรทาง..?
ดีท๊อกซ์สวัสดิ์ทั่นดิลล์ ...
ตอบลบหาก “บล็อก” เป็น “โบสถ์” ทั่นฯ ก็ “ครบสาม” แล้วนะนี่ (ฮา) ขอสารภาพว่า หลังๆ ได้อ่านความทั่นดิลล์แล้ว ซาวด์(มัน)หม่นๆ ทนๆ ... โทนๆ “รักในซีไมเนอร์” นะทั่นฯ นะ
มู้ดอีกหนึ่งมู้ด อันได้จากการอ่านความของพี่ทั่น ผมรู้สึกได้ถึงอารมณ์อันอาจสรุปรวบ เรียกว่า “อันปลั๊ก” ประมาณนั้น
ผมเป็นคนเมืองก็จริง แต่เมื่อชีวิตต้องเผชิญกับโรคภัยไข้(ไม่)เจ็บ วิกฤตนี้ เป็นเสมือนบาทา ถีบเข้าที่ใบหน้า บริเวณกรามของผม ให้หันมอง “ชีวิตอันปลั๊ก”
คนเมือง-เกือบทั้งหมด (ไม่นับรวมคนนอกเมือง ผู้มาอาศัยในเมืองทำมาหากิน) ถือคติธรรมสั้นๆ ฉบับทุนนิยม ... Buy it! – บางคนรู้ บางคนไม่ บางคนยังไม่ยอมรับว่า เอะอะอะไร เราก็ซื้อ เราซื้อแม้กระทั่งความสุข และ รอยยิ้ม ทั่นพี่เชื่อผมไหม ? ... เราซื้อได้อย่างนั้นจริง ?
เราซื้อตั๋วหนังเรือนร้อย หรือ ตั๋วคอนเสิร์ตเรือนพัน หรือ ไอโฟนเรือนหมื่น เพื่ออะไร หากไม่ใช่ความสุข(สั้นๆ) และ รอยยิ้ม(งงๆ) ... มุมมืดในใจของผม หลายครั้ง คำว่า “เพื่อน” ... เราซื้อเพื่อนได้ บางทีมีความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
ผมกำลังอิจฉาทั่นฯ อยู่ ... อ่านมาจนถึงตรงนี้ ทั่นพี่รู้หรือยังว่าผมพยายามจะบอกอะไร (ฮา)
เมื่อคืนลูกชายวัยสิบเศษ เบื่อเล่นเกม หันถามพ่อ เพราะอยากมีบล็อกของตัวเอง ! แม้รู้ว่า อาจเป็นเพียงแรงผลักจากอารมณ์เบื่อ หรือ คิดไปตามประสาเด็กเมือง ... Just buy it! แต่พ่อลูกก็เริ่มต้นลงมือสร้างบ้าน สร้างบล็อกกันแล้ว
ก้าวแรกสำคัญที่สุด + ปริมาณก่อนคุณภาพ = NIKE (Just Do it! - ฮา)
ด้วยสมการข้างบน ... สามสี่วันนี้ ผมตั้งใจหลบลี้หนีเมืองไปอยู่ป่า ไปแบบคนเมืองที่พยายามเป็นคนป่า แม้ลดการปริมาณการซื้อไม่ได้ แต่อย่างน้อย เมื่อซื้อ ผมจะซื้อด้วยสติ ซื้ออย่างพอประมาณ และ “ใช้ใจซื้อ”
คงคิดถึงทั่นพี่ คิดถึงเพื่อนๆ และ คิดถึงการนั่งจ่อมจี้บล็อกอย่างตอนนี้
คติธรรมส่งท้าย – (บางที) การไม่มีบล็อก อาจเป็นลาภอันประเสริฐก็ได้ !
ขุนอรรถ
แก้ไข ... "จิ่มจิ้มบล๊อก"
ตอบลบ: )
แก้ไขครั้งที่สอง (อันเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้) ...
ตอบลบคงคิดถึงทั่นพี่ คิดถึงเพื่อนๆ และ คิดถึงการนั่งจ่อมจี้มบล็อกอย่างตอนนี้
...
: )
แดดอ่อนสวัสดิ์ครับพี่ท่าน
ตอบลบมีเรื่องจะเล่าครับมีเรื่องจะเล่า
ที่มุมระเบียงหลังห้องเช่าของผมกว้าง-ยาวสักสองศอกเศษเห็นจะได้ เมื่อสองสามวันก่อนหลังกลับจากบ้าน ครึ้มอกครึ้มใจเลยเนรมิตสวนหย่อมส่วนตัวขึ้น เหตุก็จากความประทับใจสวนดอกไม้ของญาติที่บ้าน อารมณ์มันค้างเติ่งกลับมา ถึงห้องหันซ้ายหันขวา เอาว๊ะ ลองทำมันตรงนี้แหละ
รุ่งขึ้นเล่นบทคนสวนเลยพี่ท่าน ทว่าเป็นบทคนสวนที่ออกจะไร้การวางแผนสักหน่อย รอบแรกลงไปเดินตลาดได้ต้นไม้มาสามกระถาง ลองมาวางมุมโน้นมุมนี้ ซ้ายก็แล้วขวาก็แล้ว รู้สึกอย่างเดียวว่ามันยังขาดๆ ลงไปอีกรอบ กะว่าจะซึ้อหินก้อนมาปูพื้น สอบถามราคาคนขาย แม่จ้าว!ถุงก้อนหินขนาดสักถุงข้าวสารห้ากิโลฯ ขายถุงละร้อย ผมเดินวนไปวนมาสามรอบ เอาว่ะซื้อก็ซื้อ แต่อีตอนแบกมานี่สิครับ หนักก็หนัก ใจก็นึกด่าคนขาย ปลูกก็ไม่ได้ปลูกเอง ปุ๋ยยาก็ไม่ได้ใส่ ขายยังกับข้าวสาร!
ปูพื้นเสร็จสรรพก็ค่อยเป็นรูปเป็นร่างหน่อย นั่งพอหายเหนื่อยนิสัยเก่าเริ่มออก ก็ไอ้ความใจเร็วด่วนได้นี่แหละครับ ลงไปใหม่อีกรอบได้อ่างดินเผามาอีกใบ(กะจะเลี้ยงหางนกยูงสังสองสามตัว) เหลือบเห็นกระบะไม้ หลุดปากถามไปตามประสาอารมร์อยาก ก็ขณะนั้นมองดูอะไรมันก็ดูเข้ากับพื้นที่กระจิดริดหลังห้องไปเสียหมด
"แม่ค้า กระบะนี้ใส่ดินปลูกต้นไม่ได้ไหม"
แกอ้ำอึ้งครับพี่ท่าน แต่ผมนี่สิไปเอะใจเลย
"ได้"แกว่า
คนหนึ่งอยากขาย คนหนึ่งก็อยากได้(มากๆ )
ถึงห้องลองวางดูคร่าวๆ โอเคเริ่มใช้ได้ กลับลงไปอีกรอบได้ดินมาถุงหนึ่ง กับพันธุ์คุณนายตื่นสายหนึ่งช่อใหญ่(คละสี)ปลูกเดี๋ยวนั้นเลยครับ รดน้ำเสียชุ่ม พอเสร็จก็ล้างเนื้อล้างตัวลงไปหาอะไรกิน กลับขึ้นมาอีกที แม่จ้าว! ดินแห้งสนิท แปปเดียวจริงๆ ครับพี่ท่าน กระบะมันมีรอยแยกตรงประสานไม้รอบด้านเลย ซ้ำต่อขาสูงขึ้นมาสักสอก ประกอบกับลมหลังระเบียงก็ล่องทั้งวัน
อยากเขกกระโหลกตัวเองจริงๆ เขาคงทำมาสำหรับเอาไว้ใส่กระถางต้นไม้แหละครับ ผมมันบ้องตื้นเอง ตอนนี้เลยรดน้ำมันวันละสามเวลาเลย คุณนายก็ดูจะตื่นแบบสะลึมสะลือเหลือเกิน นี่ยังไม่รู้เลยว่าถ้าไปทำงานบ่ายแล้วคุณนายแกจะตื่นหรือเปล่า.
ไม่มีแก่นสาระอันใดเช่นเคย
ด้วยความเคารพครับพี่ท่าน
คั่นฯ
ยามบ่ายสวัสดิ์เจ้าค่ะ
ตอบลบแวะมาดู บ้านใหม่หรือ?
หวังว่าป่านฉะนี้ เจ้าลูกชายของท่านจะสบายดีแล้ว
วันหลังจะมาทัวร์ใหม่ วันนี้ต้องไปแระ
-พระพาย-
บ่ายใกล้เย็นสวัสดิ์เจ้าค่ะ
ตอบลบเมื่อวานโพสต์ไปยังไม่ทันได้อ่าน "นิทานก่อนนอน" ตกลงเจ้าลูกชายวัยทะโมนของท่านยังเข้าขั้นโคม่า นอนแบ่บอยู่ในห้องไอซียูหรอกรึ เห็นท่านโผล่มาอุตส่าห์ดีใจ นึกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย
แต่ไม่เป็นไร ถึงท่านจะนานๆ มาที อาทิตย์ละหน เดือนละหน หรือต่อให้ปีละหน เชื่อเถิด สายใยที่เชื่อมเหล่าเราไว้จะไม่มีวันสลาย เพราะเป็นสายใยที่ถักทอมาจากความจริงใจ ความปรารถนาดี เดินทางด้วยอักษรรจนา ข้ามผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน
ถึงเหล่าเราจะไม่ได้พูดคุยกัน แต่ข้าพเจ้าเชื่อ เรายังคงระลึกถึงกันด้วยมิตรจิตมิตรใจ ด้วยความดีงาม
ด้วยจิตคารวะ
-พระพาย-
ปล. ถึงท่านขุลล์ ข้าพเจ้าเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าตัวเองเป็นผู้มีลาภอันประเสริฐ! คริ คริ
ไมเคิลล์เป็นอย่างไรบ้างแล้วครับพี่ท่าน
ตอบลบบ้านหนอนกำลังคึกคักนักกลอนเชียว
สาวๆ เขาบ่นถึงกันใหญ่แล้ว!
คั่นฯ
อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านคั่น พี่ท่านขุลล์ ท่านคุณพระ
ตอบลบเพิ่งกลับมาจากเขาหลวง ดวงข้าพเจ้าคงยังไม่พ้นพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ไปลื่นกระไดหงายหลังแบบจา พนมเลยขอรับ พ่อจาเขาพลิกตัวลงมายืนอย่างสง่างาม ส่วนข้าพเจ้าเอาชายโครงล่างฟาดขอบกระไดล่าง ศีรษะด้านหลังฟาดขอบกระไดบน จุกพูดไม่ออกไปสามวิฯ หัวหมุนเห็นดาวพราวพร่างพร้อยทั้งคืนเดือนมืดเมฆฝนคลุ้มคลุม
จากนั้นหัวปูดเป็นรูปขอบกระได ส่วนชายโครงถลอกแดงปื้นใหญ่ ขยับตัวทีดังกร๊อบกราวราวข้าวเกรียบฮานามิ จะหัวเราะที่ต้องทำเรื่องขออนุญาตกระดูกซี่โครงก่อน
โชคดี(อยู่บ้าง)ที่กรุงชิงมีบ่อน้ำร้อน
ลงแช่แล้วช่วยได้มากหลาย อาการปวดช้ำภายในทุเลาเห็น ๆ (กว่าแช่ได้ทั้งตัวทรกรรมเอาแรง น้ำร้อนแบบว่ากาแฟช้อนน้ำตาลสองก้อนดื่มได้เลย)(อาจมีไข่รวกเสริฟตาม)
ไป ๆ มา ๆ อาการไฟรั่วที่ว่าอาจเป็นเพราะมีอะไรสักอย่างผิดปกติในตัวข้าพเจ้าเสียเองแล้วล่ะขะรับ (เจ้าไมเคิลมันคงปกติดีขอรับท่านคั่น) ตอนช่วยฉวยกล้องดิจิตอลคอมแพ็คถ่ายรูปให้ประดาสหายกรุงชิงก็มีอาการแปล็บ ๆ ที่ปลายนิ้ว สงสัยกระแสฟ้าเกิดไม่ชอบหน้าข้าพเจ้าขึ้นมา
กลับถึงขนำเสียบช้าร์ตมือถือ..คันยุบยิบไปทั้งหลังมือ ดูท่ามันจะอย่างไรเสียแล้วขอรับ
หากเหล่าท่านมีเพื่อนเป็นหมอรบกวนถามให้หน่อยเถอะขอรับ (หมอดูไม่เอานา) ขั้นบวกขั้วลบกระแสไฟฟ้าในร่างกายข้าพเจ้ามันคงเกิดสับสนเอาอย่างขี้เลื่อยในขมองเป็นแน่
ดีใจได้ทราบว่าสัดส่วนของฉันทลักษณ์นิพนธ์ในบอร์ดหนอนคึกคักขึ้น ต้องขอบคุณท่านล่ะขอรับทั่นคั่น ความหนักแน่นมั่นคงบนหนทางของท่านมีผลต่อมวลมิ่งมิตร รูปแบบเนื้อหาบทกลอนที่ท่านเสนอก่อแรงดาลใจให้ร่วมขีดเขียนต่อ ๆ กันไป
ข้าพเจ้าเองก็อาศัยแรงขับเช่นนี้ลากจูงเอี้ยมจุ๊นบรรทุกทรายอักขระมาตามลำน้ำ แล้วจะโผล่ไปดูขอรับ
ยังไม่สามารถระเริงระรื่นรสอักษราเล่นดังเก่าก่อน ยังต้องหาทางแก้ทางออกอีกสักระยะ ขอบคุณสำหรับทุกแวะเยือนถามไถ่ขอรับเหล่าท่าน
คารวะ
กรุงชิงหรือครับพี่ท่าน!?
ตอบลบได้แวะเที่ยวสวนพี่หนกฯหรือเปล่า
ตั้งปณิทานไว้ วันหนึ่งจะต้องไปให้ได้
คงเร็วๆ นี้
ปล.รักษาตัวนะครับ ว่าแต่ พี่ท่านไม่ไปหมาหมอเสียหน่อยหรือ สองถือโอกาสถามประจุในตัวไปด้วย
ด้วยความเป็นห่วงครับ
คั่นฯ
ตะวันรอนสวัสดิ์ขอรับท่านคั่น
ตอบลบไม่มีท่านผู้เป็นเจ้าเรือนเสียแล้วก็หมดแรงจูงใจน่ะขอรับ ข้าพเจ้าคิดถามทางเอาจากชาวบ้านปรากฏว่าไม่มีใครรู้จัก จึงละความพยายามเสีย (เกรงใจเพื่อนด้วยขอรับ ติดรถเพื่อนไป)
ว่าแต่หมอรับตรวจด้วยหรือขะรับไอ้อาการพิลึกพิลั่นเนี่ย เกรงหมอจะมองค้อนแล้วรำพึง 'บ้าเปล่า'นะสิทั่น วันพรุ่งจะลองหาคีย์บอร์ดมาพ่วง แล้วค่อยดูกันอีกที..แท็งค์กิ้วขอรับ
คารวะ