ฟังพี่ทั่นสาธยายสำเร็จเสร็จสิ้น ผู้น้อยนั่งทบทวนสมการหาความสัมพันธ์เชิงประจักษ์ (แกล้งพูดให้หรูไปงั้น) ระหว่าง 'เขียนหนังสือทำไม' กับ 'ขี้' อย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง
'เขียนหนังสือทำไม' (โปรดสังเกตไม่มีเครื่องหมายคำถาม แสดงว่าแค่บ่น)
กระทำการใดมิใช่เพื่อเงินทองแล้วมักยินคำถามแว่วอยู่ใกล้รูหู มาตรแม้นอุดหูเปลี่ยนเมนูเข้าโหมดเงียบ ไม่แคล้วยินเสียงจากภายใน 'ทำไปทำไม?'
เสียเวลา ไร้สาระสิ้นดี
ต่อให้อุดหูไม่รับฟัง หรืออีกฝ่ายรักษาจรรยาบรรณที่ดีมิกล่าวคำกระทบกระทั่งให้หมองน้ำใจ เสียงนั่นยังดังก้องโสตประสาทมิต่างตะโกนในโถงถ้ำ เสียเวลาาาาาาาา ไร้สาระสิ้นดีดีดีดีดีดีดีดี
ย้อนคิดถึงแรกครั้งฝึกเขียน
รสนิยมอ่านข้าพเจ้าจำกัดจำเขี่ย (มั่ก) คืออ่านได้เฉพาะไม่กี่ประเภท ไม่กี่สำนวน อ่านไปอ่านมาพานหมดสต๊อกหาอ่านไม่ได้อีก อย่างนิยายแปล ครั้งหนึ่งอมรินทร์เอาดาวินชี่โค้ดมาแปลขาย กวาดกะตังค์อื้อ แต่พ่อเจ้าประคุณแดนบราวด์แกจะผลิตงานได้เร็วขนาดไหนกัลล์ เลยเอางานเก่า ๆ มาแปลสนองความอยากนักอ่าน (แบบว่าตีเหล็กตอนยังร้อน) 'เทวากับซาตาน' ยังไหว แต่เรื่องอื่น ๆ ผิดฟอร์ม (เสียดายตังค์ฉิบ) อมรินทร์ส่งนิยายแปลออกต่อเนื่อง ตอนนั้นหยิบเรื่องไหนพบแต่นิยายแนวคุณกันที่ทำมาหากินแบบก๋วยเตี๋ยวน้ำก้องแก้ง (มีแต่น้ำทั้งเนื้อทั้งเส้นแทบต้องใช้ไดฟวิ่งสูท) เล่มหนาหลายร้อยหน้า เนื้อหากระจู๋มด ความสนุกอ่านพลอยหดหาย (หลัง ๆ มาจะดีขึ้นบ้างมั้ยไม่รู้นะ ข้าพเจ้าหยุดซื้อหยุดอ่านตั้งแต่บัดนั้น)
เมื่อไม่มีให้อ่านแล้วจะทำไง? หันไปอ่านแนวหวานแหววที่มีทั่วไปทั้งไทยเทศก็ไม่ไหว ลองแล้วไปไม่ไหวจริง ๆ (คงผิดธาตุ)
อย่ากระนั้นเลย เขียนมันซะเอง
คิดน่ะง่าย แต่กระทำไม่ง่ายหยั่งคิดนี่สิ!
ปรากฏว่าเขียนไม่เป็น ไม่รู้เริ่มไง ไปไง สุดท้ายจึงต้องลงมือฝึกเขียน ฝึกเพื่อหวังสร้างทักษะนำมาใช้เขียนสิ่งที่ต้องการกล่าวให้ได้
ขี้ล่ะ!?
เอาเถอะจะเรียกกากน้อยไม่ขึ้นกับใครที่ก่อความเดือดร้อนหรืออนุมูลอิสระก็ตามที ขี้ก็ยังเป็นขี้วันยังค่ำ ฟังคล้ายเป็นของน่าชิงชังรังเกียจ เป็นของต้องถ่ายทิ้งไปให้พ้น ๆ กำจัดพ้นกายแล้วยังต้องกำจัดไกลตัว มิฉะนั้นมันจะย้อนมาทักทายด้วยกลิ่นมิพึงประสงค์ ก่อมลภาวะทั้งต่อสภาพแวดล้อมและจิตใจ
ว่าก็ว่าเถอะขะรับพี่ทั่น
ขี้มีประโยชน์นักหนา หากไม่มีขี้เรารึจะสัมผัสความสุขของการปลดทุกข์ ขี้ยังช่วยสะท้อนสุขภาพกายเจ้าของ ขี้ดำช้ำเลือดช้ำหนองอาจเพราะมีเลือดตกในกระเพาะอาหาร เจ้าของอาจเป็นโรคกระเพาะ หากรุนแรงอาจถึงมีมะเร็ง ขี้เหลืองละออนวลเนียนบ่งบอกว่าเจ้าของแข็งแรงสุขภาพสมบูรณ์ ขี้กลิ่นเฉียวบอกว่าอาหารย่อยยาก ผู้บริโภคแต่พื่ชผักขี้มักมีกลิ่นเพียงพอกรุ่น หากวันใดไม่ขี้ ร่างกายเริ่มเตือนแล้วว่าเกิดความผิดพลาดเร่งหาสาเหตุ หากละเลยเฉยไว้ ผลร้ายอื่น ๆ จะติดตามมาอีกมากมาย
การขับถ่ายเป็นส่วนหนึ่งในวัฏจักรชีวิต เราบริโภคอาหารใช้กระบวนการย่อยสลายนำคุณค่าไปสร้างเสริมซ่อมแซมร่างกาย และต้องขับถ่ายกากกลับออกมา ส่งต่อเข้าในวงจรบริโภคของสัตว์-พืชชนิดอื่นเพื่อเวียนกลับหาเราในรูปอาหาร วัฏจักรนี้สวยงามดีหามีที่ใดน่ารังเกียจ (แม้บางช่วงจะมีกลิ่นนิดหน่อย)
ความคิดอาจคล้ายกระบวนการย่อยสลายสารที่เรารับเข้ามา ไม่ว่าจากการอ่าน ฟังหรือดู หลังย่อยสลายได้คุณค่าบำรุงใจ จากนั้นจำเป็นต้องขับถ่ายกากออกจากร่างกาย เจ๊ศรีแม่ค้าหมูหลังย่อยสลายเสร็จถ่ายออกเป็นวาจา แลกเปลี่ยนวิสาสะกับเจ๊ดาแม่ค้าผลไม้ เพราะอาจง่ายและสุดไวดี
แต่กับเราท่าน เราถ่ายออกเป็นตัวอักษร
ขี้ของเราเป็นอาหารในวัฏจักรบริโภคของสัตว์โลกชนิดอื่น จำเป็นอยู่ดีที่ขี้ของเราจะต้องไม่แปดปนสารพิษ จะต้องขี้เป็นที่ถูกทางเพื่อไม่่ก่อมลภาวะ (เพราะมลภาวะอาจกลับหาเราในวงจรอาหารรูปใดรูปหนึ่ง) ทั้งยังต้องหมั่นสำรวจตรวจตราขึ้จงดี (ก็อย่างที่บอก ขี้จะบ่งสุขภาพเจ้าของ)
ข้าพเจ้าขี้ทุกวันเขียนทุกวัน (และตรงเวลา) ขี้และเขียนอย่างเอาจริงเอาจังไม่น้อยไปกว่ารักสาวสักคนอย่างทุ่มเทหัวจิตหัวใจ
ก็หากจะมีใครสักคนเกิดถามว่า "ไม่ทราบคุณเอ็งจะเขียนหนังสือหาตะบักตะบวยอะไร สะตุ้งสะตังค์ไม่เคยได้สักสลึงสักเพื้อง?"
ข้าพเจ้าคงตอบไปว่า "ก็แค่ปวดอึ"
(แหะ แหะ ปล่อยไว้จมเลย หากมีเลอะเทอะรบกวนพี่ท่านราดด้วยละกัลล์)
@ มูล*
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น