ท่านเจ้าสำนัก
ข้าพเจ้านั่งมองเทือกภูทอดตัวซ้อนซับไอหมอก ภาพพร่าเลือนตรงหน้ามิต่างงานเขียนสีน้ำดี ๆ เยือกระไอเอื่อยเรื่อยมาจากชอุ่มเนินอิ่มน้ำ แสงเช้ายังซุกอยู่หลังฟุ้งฟ้าละอองฝน เสียงเข็มฝนหล่นกระทบใบสักสม่ำเสมอ เรียบรื่น
นานมากแล้ว
นานจนไม่น่าเชื่อ
จดหมายฉบับสุดท้ายส่งถึงท่าน ถูกแปลงเป็นสัญญาณดิจิตอลผ่านร่องอิทธิพลดีเปรสชั่นจากทะเลจีนใต้ ตรงลุ่มเลสาบรอยเชื่อมระหว่างสองเล พื้นที่ซึ่งนักเดินเรือแสวงโชคชาววิลันดาเคยเรียกหมู่เกาะแทนทาลัม 500 ปีถัดมา หมู่เกาะเชื่อมต่อกลายแผ่นดินแยกทะเลออกจากกัน และผู้คนกำลังกระถดหนีการรุกคืบขอกระชับพื้นที่คืนจากฝั่งอ่าวไทย
ความนึกฝันจะใช้ชีวิตริมทะเลบ้านเกิดเป็นอันล่มสลาย ชาวบ้านพากันยกเรือนย้ายบ้านไปอยู่ฝั่งนาติดถนนด้วยมิอาจทนแรงคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง ส่วนข้าพเจ้า..
ระเหระหน
อำลาท้องทุ่งท้องนา แผ่นดินฝังรกมา หลังใช้ชีวิตเกษตรกรอยู่กับดินกับป่าหญ้าฟ้าคุ้งจนเข้าใจแล้ว ตระหนักแล้ว
เหลือเวลาอีกแค่ชีวิตบั้นปลาย
ตั้งใจแค่จะมองหาสถานที่สงบ (ผู้น้อยมิได้มาดหมายถึงสงบอย่างสำนักสงฆ์วิสุงคามสีมาใด เพราะสถานที่นั้นจอแจเหลือกำลัง) หมายแค่ว่าพื้นดินเล็ก ๆ เรือนโล่ง ๆ แข็งแรงทนฟ้าฝน รักษาดูแลง่าย พื้นดินเล็ก ๆ พอปลูกผลไม้ ปลูกผักไว้กิน มุมร่มเงาไม้ไว้นั่งหลบอายแดดบ่าย จิบกาแฟ (ไม่ใส่น้ำตาล) สักแก้วแล้วผูกเปลนอนอ่านหนังสือ มิพักเอาเวลาทั้งวันปัดกวาดเช็ดถู ผ่านเช้า-ค่ำด้วยอยู่กับตัวหนังสือจนกว่าละโลกไป
องค์ประกอบของชีวิตซับซ้อนมิต่างการประกอบกันของอนุภาคโปรตรอน นิวตรอน อิเล็คตรอน (ในสิ่งไม่มีชีวิตเยี่ยงท่อนไม้ เหล็ก ฯลฯ อนุภาคยังวิ่งวนกันให้วุ่นอยู่ใช่ไหมขอรับ หากเป็นเยี่ยงนั้นทุกอย่างบนโลก (รวมทั้งตัวโลกเอง) ก็ย่อมเป็นสิ่งมีชีวิต ใช่ไหมขอรับ) ทำให้บ่อยหนการตัดสินใจเรื่องง่าย ๆ กลับคล้ายเข็นครกขึ้นหิมาลัยยากเย็นเสียจนมิอาจกระทำอันใดสักที
ขังตัวเองในห้องอับห้อมด้วยเสียงอึกทึกของหน่วยชีวิตหลากเหล่าพรรณชานเมืองใหญ่ ตรงมุมโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาอ้อมลัดเกร็ดไปยังบางมะกอกทุ่งพระสุเมรุ
ร่วม 3 ปี พะว้าพะวนอยู่กับสุขภาพกายซึ่งเสื่อมไปตามสังขารและอยู่ไม่ได้กับอากาศเต็มด้วยธุลีฝุ่นละออง สายตาคอยสอดส่ายมองหาที่อยู่ซึ่งจะฝังกายฝากวิญญาณไว้กับความสงัด ก้มหน้าขีดเขียนตัวหนังสืออย่างตั้งใจ
ร่วม 3 ปี กายมิเคยเคลื่อนผ่านหลักกิโลฯ หรือเพิงพักริมทางใด แต่จิตหาได้สุขสงบ ยักเยื้องไปกับเรื่องราวรายรอบจนมิเป็นอันสงัดใจนั่งลงเขียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
เยี่ยงนี้พอจะเรียกระเหระหนได้หรือไม่
ลมอ้าวจากแม่น้ำนำข่าวคราวงานหนังสือมาบอกกล่าวทีไร มิต่างถูกกระบองพระธรรมกระหน่ำฟาด 'ท่านเจ้าสำนักออกงานใหม่อีกแล้ว' กระบองที่คอยโบยตีจิตสำนึกกระสับกระส่าย ไม่อาจสร้างงานอย่างใจหมาย
อันที่จริงมิใช่ไร้ร่องรอยจดจารเสียทีเดียว
เมื่อเขียนยาว ๆ ไม่ได้ ก็เขียนสั้น ๆ ข้าพเจ้าเขียนกลอนเล่นไปสะระตะ
เริ่มนิยายไว้แต่ไปต่อไม่ได้ เพราะพอมีเรื่องภายนอกแทรกเข้ามา กลับเข้าอารมณ์เรื่องไม่ได้ หลายครั้งพานไม่อยากเขียน หมดแรงจูงใจที่จะไปต่อ แดดร้อนเกินไป หนาวเกินไป เสียงภายนอกอึกทึกเกินไป ณ เดชหล่อเกินไป อั้มสวยเกินไป ล้วนไม่ใช่เหตุอันสมควรนำมากล่าวอ้าง พึงรับกระบองพระธรรมโบยตี และก้มหน้าจัดการกับทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง (ท่านคงกล่าวเยี่ยงนี้)
เวลานี้ ข้าพเจ้ามานั่งอยู่ตรงนี้ ตรงเชิงไม้ชายเขา ดูม่านฝนระบายภู บ้านเล็ก ๆ ที่คิดฝันยังเป็นภาพผังอยู่ในโรงงานหมอก (คำนี้ยืมมาจากยิบราน) แน่ล่ะ มิพักรีรอมากความ ข้าพเจ้าสมควรเริ่มงานเขียนเสียที เริ่มโดยเขียนมากราบคารวะท่าน
ครั้งฝังรากร่างอยู่ริมเล เคยเห็นตัวเองลอยเรือเท้งเต้งไม่รู้เหนือรู้ใต้ กลางวันติดตามฝูงปลากระบอกไปหวังได้เจอกระแสน้ำอุ่นกัลสตรีม และหวังถึงอาจได้พบเห็นตาเฒ่าซานดิอาโก้นั่น ตกค่ำลมสงบ ปล่อยให้เรือลอยโยกเยก นอนหนุนแขนมองดาว ยะเยือกหนาว เห็นแสงส่องผ่าน ข้าพเจ้าผงกศีรษะดู แสงจัดจ้าทอดลำฉายกวาดมา
ประภาคาร
ข้าพเจ้ารีบจ้ำเรือตามแสง ที่แท้ประภาคารนั่นเป็นท่านเอง
เวลานี้ นั่งอยู่ตรงนี้ ตรงเชิงไม้ชายเขา นั่งมองม่านฝนระบายภู แรเงาทอดยาวเหมือนไร้สิ้นสุด ผืนฟ้าโปร่งบาง เนินภูแน่นหนัก แน่นหนักคล้ายตั้งอยู่ตรงนั้นมาแต่ก่อนกำเนิดระบบสุริยะหรือทางช้างเผือก
เนินภูนั่น คงเป็นท่านเอง
ท่านไม่เคยไปไหน แต่ก็ติดตามข้าพเจ้ามามิเคยขาดหาย
เยี่ยงนี้พอจะเรียกระเหระหนได้หรือไม่
ฝนเริ่มหนาเม็ด เข็มฝนกระหน่ำใบสักหนักขึ้น อากาศเย็นสบาย เห็นพวกต้นไม้ใบหญ้าพากันครึ้มเฉดเขียว ข้าพเจ้าสมควรออกไปสังสรรค์กะพวกมันสักหน่อย หงายหน้าอ้าปากรับน้ำฝน อาจทำให้ตัวหนังสือแคระแกร็นแตกใบอ่อนบ้างก็ได้ หรือท่านว่าไง
กราบคารวะ
Tags: editor's note
, The Note Book
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ตอบ
ตอบลบหายหน้าไปพักใหญ่! จดหมายสำนวนแบบนี้ไม่ต้องใส่ชื่อคนเขียนก็พอเดาออก โลกนี้คงมีอยู่คนเดียว! และนี่คือเอกลักษณ์ที่ดี ภาษาก็ใช้ได้ กลอนก็เขียนเป็น ไม่รู้ทำไมจึงบอกว่าเขียนไม่ออกหนอ
บางทีอาจเกร็งหรือคิดการใหญ่เกินไปหรือเปล่า?
นักเขียนแต่ละคนก็มีสไตล์การเขียน ภาษา วิธีเขียน ความเร็วในการทำงาน ต่างกัน อย่าไปเปรียบตัวเองกับใคร เสียเวลาเปล่าๆ
คนเขียนหนังสือต้องอยู่กับวิญญาณตัวเอง ความเหงาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่ความเหงาก็เป็นเครื่องมือที่ดีชิ้นหนึ่งในการทำงานนะ ผมว่า จะปักหลักหรือจะระเหระหน ไม่เกี่ยวกับการทำงาน
อย่างที่ผมพูดบ่อยๆ อยากทำอะไรก็ทำเลย เดี๋ยวก็แก่ตายแล้ว!
วินทร์ เลียววาริณ