โอ..ที่หมาย

เรือเฟอร์รี่ฝั่งนี้เล็กกว่าลำแรก นึกก็ให้หวาดเสียวหากเจอพายุเหมือนตอนอยู่ในเรือลำแรกคงต้องนั่งผวา

ด้านนี้เป็นช่วงสั้น ๆ ใช้เวลาครู่เดียวก็ถึงฝั่งเกาะตรงข้าม

ขึ้นจากเรือไม่นานถึงย่านชุมชน  ถนนลูกรังสลับราดยาง  เต็มด้วยร้านค้าและรถพ่วงข้างซึ่งคงเป็นพาหนะสัญจรหลักของที่นี่  ส่วนนี้จึงดูเหมือนแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ 

ผมตามป้าย 'อุทยานฯ' ไปเรื่อย ๆ ตื่นใจไปกับบรรยากาศคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน  ตั้งใจว่า  ถึงอุทยานฯ แล้วจะออกมาเดินเล่น (แต่เป็นการเข้าใจผิดอย่างจังเบอร์เพราะเมื่อถึงอุทยานฯ ผมไม่กล้าเอารถออกมาอีกเลย)

ผมขับชมบรรยากาศที่คล้ายเฉวงของสมุย  ถนนเป็นดินลูกรังกำลังก่อสร้างสลับส่วนที่ราดยางแล้วเป็นระยะ  ผมนั่งฮัมเพลงส่ายตามองสองข้างทางผ่านร้านก็อปปี้อาร์ต รีสอร์ทสวย ๆ ยังมีอีกหลายแห่งกำลังก่อสร้าง  ผมไปจนสุดทาง 

เส้นทางวกขึ้นเนินสูงชันเป็นพื้นผิวไหล่เขา  เส้นทางลูกรังที่หาได้จัดการให้เป็นถนนแต่อย่างได  เต็มได้ปุ่มหินน้อยใหญ่ระเกะระกะ  ผมลังเล  หลบข้างทางดูรถคันอื่น (นี่นับเป็นความผิดสำหรับการขับรถบนพื้นผิวเช่นนี้ที่ผมมาเรียนรู้ภายหลัง  เพราะการหยุดทำให้รถหมดแรงส่ง) เห็นรถคันอื่นไม่ใช่โฟว์วีลส์ ขับขึ้นไปได้คิดว่าผมก็คงไปได้

เข้าเกียร์ ๑ แล้วออกตัวขึ้นไป รถไปได้ครึ่งเนิน..เริ่มขึ้นไม่ไหว ! ผมเร่งเครื่อง!  เร่งเครื่อง! 
รถไม่ขยับ..เครื่องดับ! ดับทั้งที่รถคาอยู่บนลาดเนินสูงชัน  ผมตกใจเข้าเกียร์หนึ่งค้างไว้  หันไปมองด้านหลัง  เลยขอบถนนไปนิดเดียวเป็นหน้าผาลงสู่ทะเลเบื้องล่าง

ผมสตาร์ทเครื่องโดยที่ยังอยู่ในเกียร์หนึ่ง  เร่งเครื่องเต็มแรง รถไม่ขยับ

เครื่องดับ!

ผมเข้าเกียร์ ๑   คราวนี้ เกียร์หลุด!

ผมเข้าเกียร์  ก็หลุดอีก! เสียงดังตึ๊ก! ตึ๊ก! รถไหลลงเนินอย่างรวดเร็วพวงมาลัยค้าง  เบรคไม่ทำงาน  

ผมใจสั่นเหงื่อกาฬแตก 

หมดหวัง!  ทำอะไรไม่ได้แล้ว!  หลุดจากเนินนี้ก็ตกเขา!
เวลานั้นรู้สึกคล้ายตัวเองได้มาถึงสถานที่จบชีวิตแล้ว (ความรู้สึกที่ในชีวิตไม่เคยเป็นมาก่อน  ความผูกพันกับลันตาจึงอาจเกิดด้วยเหตุนี้)

รถไหลลงอย่างเอาไม่อยู่  ผมแทบหยุดหายใจ 
ทำความรู้จักกับวินาทีหมดหวังของชีวิต

โชคช่วย!

ล้อหลังค้างหล่มเล็ก ๆ ก่อนพ้นลงเขา
ผมหันกลับไปดูทะเลข้างหลังอย่างอกสั่นใจสั่น
ความรู้สึกสารพัดประดังเข้ามา

กลัวจนถึงขีดสุด!  สิ้นหวัง!  จนหนทาง!

หากผมยังขืนขึ้นไปและตกลงมาเร็วกว่านี้  แรงส่งอาจทำให้หลุดพ้นหล่มลงเหว  หรือผมจะจอดรถทิ้งไว้แล้วออกไปขอความช่วยเหลือ 

ไม่ทราบเพราะอะไร? ผมเลือกสตาร์ทเครื่องอีกครั้ง (หากมีอีกชีวิตหนึ่งนั่งมาด้วยผมคงไม่เลือกบ้าบิ่นอย่างนั้น!)

เสียงเครื่องยนต์ครางผมเข้าเกียร์..เร่งสุดแรง..เครื่องยนต์ร้องลั่น  รถพุ่งขึ้นด้วยความเร็ว!

คราวนี้ผมไม่ประคองแล้ว  พุ่งขึ้นด้วยความกลัวสุดขีด

รถขึ้นจนสุดเนิน  ผมมองกลับไป  เบื้องล่างผิวน้ำสีเทอร์คอยท์มีฟองคลื่นขาวนวลสะท้อนแดดจ้าวิ่งไล่กันเป็นระยะ  เป็นภาพที่สวยงามแต่ผมกลับมองด้วยใจสยดสยอง  ทางยังคงขึ้นลงเนินทุรกันดารลูกแล้วลูกเล่า บทเรียนจากเนินแรกสอนให้ผมขับอย่างกระโชกกระชาก  เพราะการขับอย่างนุ่มนวลที่เคยชินบนทางเรียบ  ใช้ไม่ได้กับพื้นถนนอย่างนี้

รถสะเทือนจนขาเครื่องเสียงที่ติดตั้งโดยต่อกับคอนโซลหักไปข้าง  เครื่องเล่นซีดี ห้อยต่องแต่ง

ผมลังเลจะหันกลับหรือไปต่อดี  นึกด่าไอ้เพื่อนตัวดีที่มันไม่เล่าให้หมดถึงสภาพเส้นทางสงสารรถที่พามาสมบุกสมบันบนหนทางทุรกันดารอย่างนี้

ผมจอดค้างบนเนินมองเส้นทางข้างหน้าที่เหมาะกับรถออฟโร้ด

ผมเลือกไปต่อ! เพราะไหน ๆ ก็มาแล้ว

ขับปุเลงปุเลงมาเจอหลุมโคลนลูกรัง  ผมลุยลงไปปรากฏว่า...รถติด!
ยังโชคดีที่ถอยได้

ลงไปย่ำดูหาไลน์แล้วไปต่อ

เส้นทางเข้าป่าลึกเรื่อย ๆ จากบ้านเรือนสลับป่าเขา กลายเป็นป่าทึบ ไต่ขึ้นลงอยู่บนเขาจนเห็นป้ายอุทยานฯ เส้นทางยังเป็นเนินลาดโค้งหายไปในแนวเขา 

มีรถจี๊บแคริบเบี้ยนของนักท่องเที่ยว ค้างขวางทางลงเนิน เป็นเนินที่สูงมาก  ผมจอดมองด้วยความลังเล  หากลงไป  อาจจะกลับขึ้นไม่ได้  นั่นเป็นรถโฟว์วีลส์ ยังขึ้นไม่ไหว

มาจนถึงที่แล้ว ผมหมดหนทางเลือก  แต่หากลงไปแล้วกลับขึ้นไม่ได้ผมจะทำอย่างไร? 

ผมจอดรอจนรถจิ๊บคันนั้นหลุดขึ้นมา

ตัดสินใจลงไป...เนินเป็นแอ่งลูกรังภูเขาที่ถูกน้ำเซาะร่องลึกเป็นลอนระนาด ผมปล่อยรถลงด้วยเกียร์ต่ำ  เป็นเนินสูงชันและยาวกว่าทุกเนินที่ผ่านมา

ตีนเนินโค้งวกลงพื้นราบ เห็นป้ายอุทยานฯ และซุ่มเจ้าหน้าที่อยู่ข้างหน้า ผมสูดหายใจโล่งออกเลี้ยวรถเข้าที่จอดซึ่งไม่มีรถคันอื่นอยู่เลย  สถานที่เงียบวังเวง  ไร้ผู้คน

ผมลงจากรถ  หูอื้อ  หัวแทบระเบิด  ไม่ชินกับความเงียบที่เผชิญ  เหมือนเสียงต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ภายในจะพากันแย่งออกข้างนอก  มือชาตัวชาจากการหลั่งของอะดรีนาลีนบนความระทึกที่ผ่านมา

ผมถึงจุดหมายปลายทางแล้ว!

แทบอยากตะโกนออกไป  แต่ความโดดเดี่ยววังเวงก็เข้าครอบงำ  ป้อมยามไม่มีเจ้าหน้าที่   เหมือนผมหลุดมาอยู่คนเดียวกลางป่า  ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์  ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง  คิดอยากกลับ...แต่เส้นทางที่ผ่านมาโหดเกินผมจะผ่านสองครั้งในวันเดียว  และหากหลุดออกไป

"ผมไม่คิดจะกลับเข้ามาอีกแล้ว!"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น