อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา
ผมมาถึงโดยสะบักสะบอมเหมือนขี่ม้าฝ่าดงกันดาร ออกมายืนมองทิวทัศน์ด้วยสมองมึนงง ผมหลุดมาอยู่อีกโลกหนึ่งซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ลานจอดรถเป็นลาดเนินกว้างหน้าทางเข้า พื้นที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่บนเนินส่วนที่เป็นหาดอยู่ต่ำลงไปท่วมหัว มีแหลมเล็ก ๆ แยกหาดออกเป็นสองส่วน ส่วนแคบเป็นหาดหิน ส่วนกว้างกว่าเป็นหาดทราย ปลายแหลมเชื่อมไปยังเนินเขามีประภาคารสีขาวยืนเด่น เงียบสงัดวังเวง หลังตั้งสติผมเริ่มใจคอไม่ดี เข้ามาลึกจนกลับไม่ได้อย่างนี้แต่ลืมซื้อข้าวสารเข้ามา แล้วผมจะอยู่อย่างไร!? เพื่อนมันบอกว่ามีร้านอาหาร แต่ที่ผมพบดูเหมือนอุทยานฯ ร้างเสียมากกว่า ป้อมยามไม่มีคนอยู่ อาคารทำการว่างเปล่า ผมเดินสำรวจบริเวณทางเข้าสักพักเห็นคนเดินด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ใต้เงาไม้ด้านในผมดีใจรี่เข้าไปสอบถาม ได้ความว่ามีร้านอาหารแต่ยังไม่เปิดเพราะเป็นช่วงนักท่องเที่ยวน้อย ซ้ำร้ายแม่ครัวกำลังจะกลับบ้าน! ผมเอ่ยปากขอซื้อข้าวสาร(ด้วยน้ำสายตาวิงวอน) นายคนนั้นพาผมไปรื้อข้าวของหลังร้านค้าที่ดูเหมือนปิดมาสามชาติ ได้ข้าวสารมาพอหุงกินหลายวัน ผมค่อยใจชื่นเพราะหากต้องบุกบั่นฝ่าเนินโหดเหล่านั้นอีกทีล่ะก็..ผมไม่กลับมาอีกแน่! แต่ครั้นจะทิ้งไปก็เสียดายเพราะสถานที่สวย..น่าพักเหลือเกิน ได้สิ่งจำเป็นที่สุดแล้วค่อยเบาใจ ชวนนายคนนั้นพูดคุย สอบถามถึงที่ลงเต้นท์..อาบน้ำ พี่แกตอบด้วยท่าทีนิ่ง ๆ ทราบว่าชื่อวิทย์เป็นคนพัทลุง คุยกันสักพักวิทย์ลาเดินดุ่ม ๆ หายเข้าป่าด้านใน เหลือผมเป็นจ้าวป่ากับสถานที่ไม่คุ้นเคย เงียบวังเวง ความวิตกกังวลกับปัญหาต่าง ๆ ในชีวิต ความวุ่นวายของสังคมมนุษย์สูญหายไปสิ้น เหลือแต่ผม ตัวเปล่า ๆ กลวง ๆ ไม่มีที่มาที่ไป การอยู่คนเดียวโดยสิ้นเชิงเช่นนี้ทำให้ใจผมหลุดหลงเข้าสู่ความว่างเปล่า โลกทั้งโลกนิ่งสงบลง เมื่อมองย้อยกลับไป เป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่น่าจดจำ ความไม่รู้.. (มีต่อ)
พ้นจากอิทธิพลครอบงำผูกพันทั้งปวง
ผมเข้าสู่อุทยานฯ ด้วยมิติที่ฝังลึกลงในจิตใต้สำนึก
เป็นชั่วขณะที่อิ่มสุขจากการหลุดพ้น
ไม่คุ้นเคย..
"นำมาซึ่งประสบการณ์น่าสนใจเช่นนี้เอง"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น