นวนิยายเล่มโต ที่คนขายแอบแซวว่า
ซื้อเล่มนี้ไปคงอยู่ไปได้หลายวันเลยครับ
แต่ปรากฏว่า ด้วยความ "เพลิน" ผมกลับอ่านจบในเวลาไม่ถึง 2 วัน
ชวนให้สงสัยยิ่งนักว่า คนที่ติดตามอ่านในหนังสือ "ขวัญเรือน" 
เขาใช้ความพยายามแค่ไหนในการสะกดความยากอ่าน
ระหว่างการรอคอย อ่านได้แค่เดือนละสองตอน
เป็นเรื่องของ ธีระวัฒน์ หนุ่มใหญ่ที่ทำงานในวงการโฆษณา
เข้าทำนอง การงานดีรายได้งาม อยู่คอนโดหรู 
เข้าข่าย คนดี ทำงานสุจริต มีเหตุมีผล 
ในขณะที่ อดีตเขาคือ ไอ้ซ่า เด็กวัยเรียนที่ชอบโดดเรียน
แอบสูบบุหรี่หลังห้องน้ำ หนีโรงเรียนไปเที่ยว 
เข้าข่าย เด็กเกเรจนกระทั่ง ทางโรงเรียนทนไม่ไหว
ต้องแนะนำให้พ่อแม่่ส่งไปเรียนต่อ ต่างประเทศ

จากเด็กที่ไร้แบบแผน มาสู่ หนุ่มใหญ่ที่อยู่ในกรอบ
จากเด็กที่เข้าข่ายเหลือ มาสู่ หนุ่มใหญ่มาดดี 

ชีวิตเหมือนจะดำเนินไปอย่างนั้นเรื่อยๆ 
จนกระทั่ง เพื่อนเก่าที่หายไปจากชีวิต กลับมาอีกครั้ง 

บนหน้าหนังสือพิมพ์ เพื่อนเก่า เพื่อนรักคนนั้น ไอ้แจ่ม
เข้าช่วยเหลือ หญิงสาว ที่กำลังชาจะถูกข่มขืนจากเดนสังคม 4 คน 
และนั่นเป็นจุดเิริ่มต้น ให้ เขา กลับมาทบทวนชีวิตที่ผ่านมา
ทบทวนชีวิตที่กำลังเป็นไป เพื่อตอบตัวเองว่า
เขาจะเป็นคุณวัฒน์ต่อไปหรือจะกลับไปเป็นไอ้ซ่าส์คนเก่า

ความรู้สึก ความคิดของคนแบบธีระวัฒน์เป็นอย่างไร?
คนทั่วๆ ไปที่ดูเป็นคนดี เมื่อเจอเหตุการณ์อย่างที่ ไอ้แจ่มเจอ
จะมีใครกี่คนที่กล้าเข้าไปช่วยเหลือ 
การกระทำแบบไม่ยั้งคิดยั้งทำเพื่อช่วยเหลือคนอื่น 
เป็นสิ่งที่เราหวังได้จากคนท่าทางดีอย่างธีระวัฒน์เหรอ?

"หากคุณลองสังเกตรอบๆ ตัว ผมเชื่อว่าคุณคงจะเห็นคนดีๆ อย่างผม
เดินเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วไป คนดีๆ ประเภทหาเช้ากินค่ำ 
ที่หมั่นใช้สายตาคอยประเมินสถานการณ์อย่างชาญฉลาด 
คิดคำนวณด้วยความแยบยลทุกครั้งก่อนตัดสินใจ 
และลงมือกระทำการก็ต่อเมื่อเล็งเห็นผลกำไร
สังคมของเราจึงเป็นอย่างที่เห็น... เสื่อมลง ถ่อยลงทุกวัน

เมื่อเงินคือจุดตัดสินความประเสริฐของคน
เราจึงตะเกียกตะกายหามันอย่างไม่ไยดีว่า เราจะเหยียบหัวใครขึ้นไปเพื่อไขว่คว้า
ดูเหมือนไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราจะมีคนดีๆ อย่างผมผุดขึ้นรวดเร็วราวจอกแหนแพร่พันธ์"

ธีระวัฒน์เป็นนักโฆษณาขายสินค้า 
ขึ้นชื่อว่าสินค้าก็สามารถหาจุดมาขายไ้ด้ทุกอย่าง
ไม่ว่ามันจะมีข้อเสียหรือผลกระทบต่อใครนั้นไม่สำคัญ ขอแค่ขายได้ก็พอ 

ธีระวัฒน์ หลงลืมคำถามสำคัญที่เขาเคยถามตัวเองไปนานแล้ว
เสือที่เคยอยู่ในป่า ครั้นมาอยู่ในกรงนานวันเข้าก็หลงลืมไปว่า ชีวิตนั้นต้องการอะไร?

"บางครั้งอาถามตัวเองว่า วันนี้อาได้ทำอะไรลงไปและสิ่งที่ทำลงไปนั้น
มันก่อให้เกิดคุณประโยชน์อันใดบ้าง 
รู้มั้ยว่าตลอดสี่ปีที่ผ่านมานี่ ใจของอาไม่มีคำตอบดีๆ ให้ตัวเองเลย

จะเว้นแต่ช่วงที่ไปช่วยงานพวกอนุรักษ์สัตว์เท่านั้น 
ทุกคืนก่อนนอนในช่วงนั้น อาหลับตาลงด้วยความสบายใจ 
สบายใจที่มีคำตอบให้ตัวเองว่า 24 ชม.นั้นมันไม่ได้สูญเปล่าไปเสียทีเดียว
อาไม่ได้ผลาญชีวิตของอาให้หายไปกับยอดขายสบู่ แชมพู หรือเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ
ซึ่งไม่ได้ทำคุณประโยชน์ัอันใด 
นอกจากกอบโกยเงินจำนวนมหาศาลเข้ากระเป๋าคนไม่กี่คน"

เรื่องราวของเพื่อนเก่า 
เรื่องราวของเด็กที่หายไปจากผู้ใหญ่
เรื่องราวของชีวิตคนทำงานกินเงินเดือน
เล่าผ่านกลวิธีที่ชวนคิด ติดตาม ยอกย้อน ซ่อนปมเล็กน้อย
ทำให้เรื่องราว ของ เพื่อนเก่ากลุ่มนี้ ราวกับภาพจริงที่ทำให้คนอ่าน
อดไม่ได้ที่จะย้อนคิดไปถึง ตัวเรา ในวัยเด็ก
นึกถึง "ไอ้ซ่าส์" ที่เราเคยเป็นในวัยนั้น 
นึกถึง "ไอ้แจ่ม" ที่เราก็เคยเป็นในวันวาน

แล้วสุดท้ายท้ายสุด ก็ต้องหันมามองรอบๆ ตัว เพ่งชีวิตตัวเราเอง ณ ตอนนี้
ว่าจริงๆ แล้ว เราเองก็เพลินอยู่ในกรง ที่เรามองไม่เห็นหรือเปล่า