ข้าพเจ้านั่งใต้ร่มไม้หาดนพรัตน์ธารากระบี่  ล้วงมือเข้าในย่ามดึงโพสท์การ์ดที่ซื้อจากในตัวเมืองเมื่อกลางวันออกมาวางเรียง  เอ๋..รูปนี้จะส่งให้ใครดี? แล้วรูปนี้ส่งไปหัวใจปลายทางจะชอบไหม? รูปนั้นข้าพเจ้าชอบมากแต่มันจืด เอ่..ก็แล้วใครเล่าที่ดูท่าจะชอบจืด ๆ? ข้าพเจ้านั่งเรียงสลับเล่นจับคู่ระหว่างการ์ดกับผู้รับอยู่ไปมา 

เมื่อเจ้าเงาะเสี่ยงพวงมาลัยครบคู่ก็ได้เวลาควักดินสอออกมากดตูด (ขออย่าได้สงกาว่ากดทำไม?) ใบหน้าปลายทางค่อย ๆ แฉ่งยิ้มขึ้นทีละหน้า..ละหน้า..ละหน้า และ..ละหน้า หลายใบหน้ามีหูมีตาเช่นปุถุชน  แต่บางใบหน้าประหลาดนักมีแต่ตัวอักษร 

ข้าพเจ้าเริ่มขีดเขี่ยปลายดินสอไปตามแต่อยากคุยอะไร  เขียนไปก็ยิ้มไป บางครั้งชอบใจมุกตัวเองถึงกับกร้ากกกออกมาคนเดียวจนไอ้กร่อง(สุนัขทะเลเจ้าถิ่น มันมานั่งคอยไก่ย่าง)ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยใจ 

จำช่วงเวลานั้นได้ดี..มีความสุขนัก

ราวกับไม่ว่าจะไปแห่งหนตำบลใด  ยังพกพาอีกหลายดวงใจมาด้วยเสมอ  อยากให้มาเห็นมาดูสูดดมบรรยากาศต่อหน้านี้ด้วยกัน  จึงได้กดชัตเตอร์สายตา  บันทึกเสียงและกลิ่นเข้าเมมโมรี่สติกแล้วแปรสัญญาณเป็นตัวอักษรโย้เย้  บอกเล่าไปสู่อีกหลายดวงใจปลายทาง

นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าพเจ้าออกเดินทาง

ครั้งนั้นหาใช่ไปเที่ยวแต่เป็นคราวสุราวิวาห์  หาไม่แล้วข้าพเจ้าไม่ยินยอมย่างกรายปลายนิ้วไปจากแป้นคีย์แม้สักคืนวัน 

ด้วยหวังบำเพ็ญอักขระมานะกว่าลุถึงความคล่องมือคล่องเขียนดังตั้งใจ 

สิ้นธันวาฯ นี้เป็นอันครบสองปีของการจำศีลอยู่ในอาศรมกะลา  สองปีที่ข้าพเจ้าดำรงชีวิตแทบไม่ต่างจากนักโทษในเรือนจำ  ร้อยตัวเองด้วยตรวนอักษรไร้รูป  บางครั้งรัดแน่นจนหายใจหายคอไม่ถนัด  หลายครั้งหละหลวมจนต้องเตือนตนให้กลับเข้าสู่ลู่ร่องอันควร 

ชีวิตที่ตัดการสื่อสารวัน ๆ แทบไม่ได้พูดคุยกับผู้คน  เหลืออุปกรณ์ไฟฟ้าไว้เพียงหม้อหุงข้าวกับโคมไฟอ่านหนังสือ รับอาหารเพียงเพื่อยังชีพ ต่างจากนักโทษตรงหาได้มีกำแพงลวดหนามปิดขังเท่านั้น

ประทานโทษเหล่าท่านที่อักขระนักโทษผู้นี้ไม่เคยโผล่ไปตลาดเสียเกือบสามเดือน  ครั้นสดับคำเตือนจากท่านป้าวนิดา  ข้าพเจ้ารีบเผ่นแผลวไปในบัดใจ

เห็นพัศดุจดหมายโพสท์การ์ดอยู่ในตู้  ความสุขใจดีใจคงไม่ต่างรอยยิ้มนักโทษวันพบญาติ 

ข้าพเจ้าที่ถูกจำขังในอาศรมกะลาได้ไปเยือนสถานอันสหายพี่สหายเพื่อนสหายน้องเดินทางไป  รับแบ่งปันความสุขเหมือนเคียงไหล่ร่วมทาง  นับเป็นสิ่งดีที่ไม่เคยคาดหมายจะเกิดขึ้นกับชีวิตน้อย ๆ ในอักขระทัณฑกะลาสถานนี้ 

เป็นความสุขเกิดจากการได้เข้ามาหลบแดดหลบฝนใต้ชายคาเรือนหนอนแห่งนี้ 

สิ่งที่ข้าพเจ้าพอจะกระทำตอบแทนก็คือก้มหน้าก้มตาฝึกฝนต่อไป  ไม่เหลาะแหละละทิ้งความตั้งใจเสีย แลย่ำเดินตามรอยเท้าพี่ท่านอานันท์พี่ท่านซารันย่าที่ไม่เคยทิ้งบ้านไม่ว่าจะเกิดอะไรยังคงโพสท์งานต่อเนื่อง  ทักทายด้วยใจไร้มายาคติ              

แม้ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว 

ข้าพเจ้ายังจำความสุขครั้งนั่งเขียนโพสท์การ์ดใต้ร่มไม้หาดนพรัตน์ธาราได้ดี  ข้าพเจ้าจะดุ่มมองหาความสุขเช่นนั้นอีกสักที  อาจซุกซ่อนอยู่แถว ๆ ต้นกระถินข้างกะลานี้ก็ได้

น้อมคารวะ

ธุลีดิน

ขอบคุณท่านป้าวนิดา พี่ท่านซารันย่า พี่ท่านหิ่ง ย่าหนุง ป้าโค ป๋าไอซ์ ท่านนีนา ท่านกีรี ด้วยจิตคารวะ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น