ฟังนิดมิ่งมิตรศุภักษร
ฝากบทกลอนแทนกายที่ไกลห่าง
มาไม่ได้ยังหมายมอบใจวาง
นั่งลงข้างอย่างคนที่คุ้นเคยถึงพี่ท่านอานันท์ที่เคารพ
บุญได้พบพี่ท่านนั้นเกินเอ่ย
หนี้อักษรมากหลายไม่ลืมเลย
จะเปรียบเปรยก็ปานลานเม็ดทรายหวังร่วมงานกับท่านเหมือนวันเก่า
จะคอยเฝ้าเกาะหลังตั้งใจหมาย
เป็นเห็บน้อยคอยคุ้ยขนเจ้านาย
จะเป็นตายขอต้อยคอยติดตามเปิดเล่มใหม่วันใดวานบอกด้วย
ไม่คิดช่วยด้วยไร้แรงช่วยหาม
หากอักษรพอมีวลีงาม
จะขอตามเข้าคณะประทีปจิตติถึงย่าหนุงกุงกังกะกั้งกร๊อบ
กระดูกกรอบหลังแด่ว(อีก)แล้วล่ะสิ
หากอยู่ด้วยจะช่วยคอยพัดวี
ให้เปรมปรีด์สุขกายหายเคล็ดคลอนวันเดือนปีคลี่ผ่านราวม่านเคลื่อน
ท่านเป็นเหมือนเพื่อนตายสหายอักษร
เราแลกรสอักษรามาหลายตอน
ไม่ว่าร้อนหรือเย็นเล่นระบายไม่ต้องพูดมากความให้ตามคิด
เนาน้ำมิตรในเวลาเปี่ยมค่าหมาย
มีอยู่บ้างบางเหงาเมาน้ำลาย
ขอท่านยายเอ้ยท่านย่าอย่าสาความอ้อ! ต้นเดือนล่ะสินี่
ตังค์ล้นปรีเป๋าตุงตึงพุงหลาม
อย่าลืมล่ะเลี้ยงสหายได้บุญตาม
คอยหนุนยามเจ้านายไม่จ่ายซองถึงท่านอ้ายฯ นายฮ้อยทุ่งกุลา
ทั่นจะมาหรือไม่ไม่เคยหมอง
จะอย่างไรท่านก็ใช่ในใจจอง
เป็นมือทองนักหัดเขียนได้เรียนตามท่านยังคงเป็นคุรุของผู้น้อย
ที่เคยต้อยเขียนอ่านผ่านถ้อยถาม
คมมุมคิดคงค่าสง่างาม
ดุจพระรามเลิศสามีแม่สีดาก็แต่ว่า..
สีดาเล่าไม่รู้อยู่ที่ไหน
พระรามอ้ายฯ คงเหี่ยวเที่ยวตามหา
ไม่เป็นอันเขียนกันแล้วอักษรา
ตามสีดาหน้ารามฯ อยู่งามงุมถึงป้าโคคนดีสุดที่รัก
ไม่อาจหักห้ามใจอยู่หลายขุม
ความเป็นห่วงประดังยังชุมนุม
เฝ้ารอนรุมราวเพลิงกระเจิงใจอยากตะโกนถาม "สบายดีไหม!" ลงในบล็อก
พี่ทั่นอานันท์บอกมันดัง--เกินไปไหม?
โธ่--ก็ทั่นนั้นหายไป
จะเป็นไรร้ายดีไม่มีความครั้นจะเขียนจอมอมาขอข่าว
ก็ให้หนาวในจิตให้คิดขาม
ประเดี๋ยวเจอศิษย์เหลนตีเข่าตาม
เป็นได้หามลงเวทีเที่ยวนี้เองmail ก็ไม่ใช้อย่างใครเขา
ได้แต่เฝ้าฟังข่าวมาโขลงเขลง
ยังคิดถึงรอยยิ้มยามครึ้นเครง
จะครวญเพลงสายัณห์นิรันดรอ้อ..พวงกุญแจยังอยู่คู่เป๋าตังค์
แต่มีหวังยุ่งหนักชักสังหร
ตังค์ไม่มีเข้าเลยสักครึ่งปอนด์
มีแต่ร่อนออกเกลี้ยงเลยป้าโค!ท่านกีรีนักกวีศรีบ้านหนอน
ขอฝากกลอนแทนใจรักที่อักโข
รักท่านนั้นเกินกล่าวให้หนาวโซ
ยังพาโลเกริ่นตามความในใจรักใจรักแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยน
ที่พากเพียรเขียนถักอักษรสมัย
หลายขวบปีกี่วันผันผ่านไป
พิสูจน์ใจจริงจังพลังเพลิงรักหัวใจใสซื่อเหมือนมือท่าน
ที่เรียวปานขวานไม้ใช่ชวนเหลิง
น้ำใจท่านจริงใสไร้เหลี่ยมเชิง
ทั้งรื่นเริงมองโลกในมุมงามยามคบคนหวังท่านระวังคิด
หยุดสักนิดคิดตอบสอบคำถาม
มนุษย์มีมากมายหลายนิยาม
อย่ามองข้ามมุมใดให้ระวังก็เพราะรักจึ่งฝากวจีกล่าว
ใช่หาญห้าวยกคำทำขึงขัง
รักผองเราอุทิศแล้วอักขระพลัง
จะจีรังนานไปไม่เลือนเลยถึงพี่ท่านวนิดานามปากกา
อยากเหาะมาปะสักทีพี่ทั่นเอ๋ย
เห็นลีลายวนยีมิมีเลย
ใคร่เอื้อนเอ่ยทักทายสักหลายคำธันวาฯ นี้ครบสองปีแล้วพี่ทั่น
ผู้น้อยนั้นพลั้งยาวก้าวถลำ
หลังพบเหล่าสัพพัญญูผู้คร่ำกรำ
พวกร่ายรำอักษรามาร่อนเรียงเห็นอักษรยวนยีของพี่ทั่น
ยักย้ายยั่นโยกยอนขย้อนเหนียง
อุเหม่ช่างชดช้อยลอยเผดียง
ให้ผู้น้อยคอยเคียงหัดป้อตามครบสองปีทุ่มเทเปลอักษร
แม้ไม่ร่อนร้ายรึงหนึ่งสองสาม
ก็หาหย่อนมานะพยายาม
จะขอตามชนจอกบอกไว้เลยที่กล่าวมาอย่าถือโทสาโทษ
โปรดมิโปรดหาเป็นไรสหายเอ๋ย
ได้โผล่มาคุยบ้างเหมือนอย่างเคย
ก็เช่นเชยกระแช่รวมร่วมไหไงสำหรับท่านที่ไม่--ได้กล่าวนาม
ใช่มองข้ามเพียงเกินจะเพลินไหว
ขออย่าโกรธผู้เขลานั้นเบาใจ
จะอย่างไรเล่นคนอ่านผ่านมาทีที่ฟังมาก็นานได้กาลแล้ว
(เชิญยกแก้ว...เอ้า! ยกแก้วขอรับ!)
จงแน่แน่วมุ่งไปในวิถี
เพียรบำเพ็ญวรรณกรรมบารมี
เถ้าธุลีลาแล้วเพื่อนแก้วเอย ฯ
ถึง พ่อเปรม
ตอบลบสายเอยสายสวาท
ตัดเยื่อใยฤๅขาดมิอาจฝืน
เฝ้าคนึงเพ้อพร่ำทุกค่ำคืน
มองดาวดื่นดังหน้าพ่อยาใจ
ยามหลับตาใจตื่นสะอื้นหา
นาฬิกาหมุนผ่านจนถ่านไหม้
นั่งคอยพ่อกี่วันที่ผันไป
จะหาใครแทนพ่อหนอไม่มี