ขอความรักบ้างได้ไหม?
1
คุณปิ๊กจากไปนานแล้ว ไปโดยไม่ได้ลา ไม่มีแม้แต่พบหน้ากันครั้งสุดท้าย จำเป็นด้วยหรือ? แน่ล่ะไม่จำเป็น เบี้ยวถามเองตอบเอง นักเขียนภาพประกอบหาเช้ากินค่ำพรุ่ง อาศัยจักรยานเข้าออกซอย มีหรือคุณปิ๊กจะหันมาสนใจเป็นได้ก็คงแค่คนซอยติดกันแค่รู้จักกัน เพื่อนห่าง ๆ ที่คุณปิ๊กแค่ยิ้มให้เมื่อพบเห็น เท่านี้นับว่ากรุณามาแล้ว คุณปิ๊กมีงานมีการหลักฐานมั่นคง เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักทดลองที่เบี้ยวเองแค่ได้ยินได้ฟังก็ยังงง ๆ ว่าทำอะไร จำได้คุณปิ๊กพูดภาษาปะกิตจนเบี้ยวปากค้างตาค้าง เงินเดือน, โบนัสคงไม่น้อยเพราะสิ้นปีคุณปิ๊กมักไปเที่ยวเมืองนอก หยุดยาวทีไรคุณปิ๊กไปตากอากาศริมทะเล เหลียวดูตัวเอง แค่ข้าวสารกรอกหม้อยังต้องซื้อไอ้ที่ราคาถูก ๆ ชาวบ้านไม่กินกัน มีก็แต่พวกบ้านใหญ่ซื้อไปหุงให้หมากิน ปล่อยเย็นทีไรแข็งเป็นข้าวตังค้างคืน "ดอกฟ้ากับหมาวัด!"
เบี้ยวอุทาน แล้วหันมองเลิ่กลั่กกลัวมีคนได้ยินเข้าจะหาว่าบ้า เหลียวเห็นก้อนกรวดวางข้างตัว เบี้ยวหยิบปาลงไปในสระ กรวดกลมทำวงโค้งยี่สิบองศาห้าสิบฟิลิปดา บิดตัวนิดหน่อยพองามก่อนปะทะผิวน้ำ เสียงดัง
"ปิ๊ก!"
ฟังไม่ผิด เบี้ยวได้ยินอย่างนั้นจริง ๆ
เบี้ยวอมยิ้มชอบใจ หากเป็นในหนังอีกสักครู่จะต้องมีนางเอกโผล่มาทัก ถามว่ามานั่งปาก้อนหินอยู่ทำไม? เบี้ยวจะตอบว่า 'เพราะคิดถึงใครคนนั้น' หากเป็นไปได้เบี้ยวอยากให้คุณปิ๊กโผล่มา มาเห็นเบี้ยวนั่งปาก้อนหินเหงา ๆ อยู่ข้างสระน้ำคนเดียวอย่างนี้ ภาพคงน่าประทับใจ ควานมือหยิบกรวดอีกก้อน เงื้อจะปา แต่เดี๋ยวก่อน ท่ายังไม่สวย เบี้ยวขยับก้น กางศอกยกแขน กำก้อนกรวดหลวม ๆ จะต้องปาแค่เบาแรงให้ดูเหมือนสโลว์โมชั่นภาพจึงจะออกมาดูดี หากปาแรงเกินไปภาพอาจดูแข็งไม่เหงาเศร้าตรงกับโทนอารมณ์เบี้ยวยามนี้
ตั้งท่าจะปา แต่แล้วเปลี่ยนใจ 'ลองปาแฉลบดูดีกว่า' เบี้ยวคิด ลดมือลงระดับเอว เงื้อไปด้านหลังขยับนิ้วลูบก้อนกรวดเอาด้านแบนขนาดพื้น สะบัดมือ
ก้อนกรวดหมุนติ้ว โค้งลงสัมผัสผิวน้ำแล้วกระดอนขึ้น น้ำกระฉอกทิ้งวงคลื่น กรวดทำมุมโค้งนิดหน่อยขณะพุ่งไปหน้า กระดอนอีกครั้งก่อนร่วงลงน้ำ เสียงดัง
"ปิ๊ก! ปิ๊ก! ปิ๊ก!"
ฟังไม่ผิด เบี้ยวได้ยินอย่างนั้นจริง ๆ
เบี้ยวอมยิ้มชอบใจ ปาครั้งเดียวได้ยินเสียงสามครั้ง ลองใช้วิชาเลขคณิตซึ่งทำเบี้ยวตกซ้ำชั้นตอนป.2 คำนวณหากปาร้อยก้อนเบี้ยวก็จะได้ยินชื่อคุณปิ๊กสามร้อยครั้ง เท่านี้คงสุขใจจนไม่ต้องกินข้าวปลา ไม่ก็ปาก้อนกรวดจนกว่าคุณปิ๊กจะโผล่มา อืมม์..ให้ดีต้องอธิษฐานหากคุณปิ๊กโผล่มาภายในปาก้อนกรวดร้อยก้อนแสดงว่าคุณปิ๊กมีใจ หากไม่..
ไม่สิ! เบี้ยวสะดุดคิด
ต้องอธิษฐานว่าหากคุณปิ๊กไม่โผล่มาภายในร้อยก้อนแสดงว่ามีใจ คิดแล้วก็อมยิ้มเพราะต่อให้ปาจนก้อน
หินหมดโลกคุณปิ๊กก็ไม่โผล่มา..เบี้ยวรู้ดี
คิดแล้วจะเอาจริง เบี้ยวเริ่มควานหาก้อนกรวด
"เป๋าตังค์หายเหรอเพ่?"
เสียงไอ้จูร้องทักทำลายโลกหงอยเศร้า คุณปิ๊ก และก้อนกรวดของเบี้ยวแตกเป็นเสี่ยงคล้ายไหยาดองตกโต๊ะ เบี้ยวชะงักมือ หันมองเพื่อนรุ่นน้อง
ไอ้จูใส่เยลรูดผมแหลมปริ๊ดเหมือนมีเจดีย์ทรงระฆังคว่ำครอบบนหัว ปลายผมกัดสีแดงเหลืองไล่โทน ใส่เสื้อหนังกางเกงหนังมันเข็มขัดฮาร์เล่รองเท้าบู๊ต ซ้ำเจาะจมูกใส่ห่วงเงินวงเบ้อเร่อ เบี้ยวส่ายหน้า
"ไปทำอะไรของนายมา หือจู"
ไอ้จูฉวยขอบกางเกงดึงขึ้นเพราะชักจะหลวมหลุดตูด ยิ้มเผล่ "เป็นไง แหล่มมะ?"
เบี้ยวส่ายหน้าระอิดระอาเพื่อนรุ่นน้อง เห็นมันเปลี่ยนรสนิยมไปเรื่อย ๆ แล้วพลอยเหนื่อยใจ ไม่กี่วันก่อนยังเห่อสไตล์เกาหลีอยู่แหม็บ ๆ วันนี้มันเปลี่ยนเป็นแนวฮาร์เล่บิกไบค์เสียแล้ว เบี้ยวเหลือบมองปลายยอดเจดีย์
"เงินทองหาง่ายที่ไหน ไม่น่าเสียกับเรื่องเหลวไหล" พูดไปก็รู้ว่าบ่น
"บ่นอีกแระ" ไอ้จูเหมือนรู้ใจ สวนทันควัน "เสียตังค์สักบาทที่ไหน ไอ้โต๋มันได้น้ำยาใหม่ เลยวานชั้นลองของ ทั้งหมดเนี่ยมันทำให้ฟรี ดู ดู" ไอ้จูโลมลูบเจดีย์บนหัวจากโคนถึงปลายอย่างแผ่วเบากลัวมือไปปัดโดนเข้าจะเสียทรง "ชุดนี่ก็ไม่ได้ซื้อ ไอ้โต๋มันให้ยืมใส่เป็นค่าจ้างลองของ ไง..แหล่มมะ?"
เบี้ยวสีหน้ายู่ยี่เหมือนท้องผูกมาสามวันสามคืน เหลือกตามองแล้วส่ายหน้า หันมองคลื่นน้ำในสระวิ่งไล่ตามกัน ช่างเหมือนหัวใจเบี้ยวที่ไล่ตามหัวใจคุณปิ๊ก ตามเท่าไรคงไม่มีวันทัน ไอ้จูชักกางเกงอีกที
"ว่าแต่พี่เหอะ" ขยับนั่งข้าง "ทำไมผอมเหลือแต่ซี่โครงยังงี้ ไม่มีตังค์ซื้อข้าวกินรึไง?"
เบี้ยวไม่ตอบ หยิบก้อนหินตั้งท่าเงื้อมือจะขว้าง แล้วลดมือลง ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะขว้างท่าไหนดี
"เป็นเอามาก" ไอ้จูเพ่งพินิจเพื่อนต่างวัย เบี้ยวซูบผอมจนคล้ายคนละคน โหนกแก้มนูนจนเห็นชัด ผมยาวเคยรวบไว้ด้านหลังเรียบร้อยปล่อยรุ่ยร่ายดูไม่ต่างขอทานสะพานลอย
เบี้ยวเงื้อแขนจะขว้างก้อนหิน ยินไอ้จู
"ตั้งแต่คุณปิ๊กเงียบหายไป ไอ้นักเขียนนั่นก็หายไป"
เบี้ยวชันตัวขึ้นทันที มือกำก้อนหินลดลงวางพื้น
"นักเขียนท้ายซอยนั่นหรือ?" เบี้ยวพึมพำ
"ช่าย" ไอ้จูบอก "ป้าลุงเจ้าของบ้านบอกว่ามันขนของหนีตอนกลางคืน ค่าเช่าเดือนสุดท้ายก็ไม่จ่าย"
"น่าจะมีค่าล่วงหน้า" เบี้ยวเงื้อแขน
"ชั้นก็ว่างั้น แต่ป้าลุงบอกว่าตอนเข้าอยู่มันต่อรองบอกไม่มีเงิน ขอจ่ายเดือนต่อเดือนไปก่อน มีเงินแล้วจะจ่ายล่วงหน้า ป้าลุงเห็นหน้าละห้อยของมันเลยนึกสงสาร ไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้"
"ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกะคุณปิ๊ก" เบี้ยวเล็งบนผิวน้ำ
"พอคุณปิ๊กหายไป ไอ้นักเขียนนั่นก็หายหัว พี่ลองคิดดู มันยังไง ยังไงอยู่นา"
เบี้ยวลดมือ เหลียวมองสหายซี้ คำพูดเหมือนน้ำร้อนราดรดไส้เดือน หรือคุณปิ๊กจะเห็นไอ้นักเขียนโด่งดังนั่นดีกว่าคนวาดภาพประกอบต๊อกต๋อย ก็สมควรแล้ว หญิงสาวมักชื่นชมชายหนุ่มที่โดดเด่น เป็นที่รู้จักสนใจของผู้คน ที่ไหนจะมาเหลียวมองคนหาเช้ากินค่ำพรุ่ง หันทางใหนก็ไม่มีใครสนใจ ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม (ต่อให้ไอ้นักเขียนนั่นหล่อเหมือนปลาชะโดก็เถอะ)
เบี้ยวขว้างก้อนหินออกไปสุดแรง คราวนี้เสียงดัง
"จ๋อม!"
เบี้ยวตาถะลึงถะเหลือก จ๋อมที่ไหนกันไม่เคยรู้จัก เสียงที่ได้ยินเปลี่ยนไปคงไม่ใช่ใคร ต้องเพราะไอ้จูแน่ ๆ เข้ามาขัดจังหวะ เบี้ยวหันมองหน้าสหายน้อง
"นายไปเหอะ" บอกน้ำเสียงเคร่งเครียด "เราอยากอยู่คนเดียว"
"อ้าว!" ไอ้จูตะลึง "ไล่กันเลยเรอะ!"
"จะว่าไล่ก็ไล่" เบี้ยวหน้าตาคล้ายข้าวบูด "นายไปเหอะ"
ไอ้จูอิหลักอิเหลื่อ เพิ่งหย่อนก้นลงแหม็บถูกไล่เสียแล้ว เรื่องจะคุยพกมาเยอะแยะทั้งทรงผมใหม่ เสื้อผ้าเข็มขัดทีมบิกไบค์ว่าจะชวนไปดูคอนเสิร์ตคาราบาว มาโดนไล่เสียอย่างนี้อารมณ์ค้าง
"ยังไม่ไป" เบี้ยวหยิบก้อนหินโยนใส่
"วุ่ย!" ไอ้จูปัดเสื้อ "เป็นไรของเพ่เนี่ย ถูกหมาบ้ากัดเปล่า?"
"ไปได้แล้ว" เบี้ยวควานก้อนหินโยนใส่อีก
ไอ้จูกระถดมือยันพื้นลุกขึ้น เสียงท่อมอเตอร์ไซค์บิกไบค์ดังลั่น ไอ้จูหันมอง แล้วตาเหลือกอุทาน
"ไอ้ป๊อด"
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ คนนั่งสวมแว่นดำเสื้อกล้ามดำมือถือแฮนด์ยกสูงเหมือนชะนีโหนต้นไม้ เลี้ยววกออกจากถนน ตัดสนามหญ้ามา
เบี้ยวยันเข่าลุกยืนอย่างเชื่องช้า ไอ้จูขยับยืนข้างมองผู้มาด้วยความฉงนฉงาย แต่ไหนแต่ไร ไอ้ป๊อดบิดมอเตอร์ไซค์วนเวียนอยู่แต่ในซอย 5 ไม่เคยล้ำเส้นมาซอยตำแย มันก็ต้องรู้อยู่ว่าซอยตำแยใครคุม ล้ำเส้นกันผลร้ายตามมาย่อมต้องน่าสะพรึง ไอ้จูเลือดลมพลุ่งพล่านเกร็งลมปราณเตรียมพร้อม
ตาทั้งสามคู่สบประสาน เหมือนจะแผ่รังสีอำมหิตหักล้างกัน
"สบได้ไง มันยังใส่แว่นอยู่เลย"
เบี้ยวหันบอกกับคนเขียน คนเขียนเลยต้องบอกไอ้ป๊อดถอดแว่น ปกติแค่มัดกล้ามอย่างเดียวไอ้ป๊อดก็หล่อจนคล้ายนิกกี้นายแบบนู้ดอยู่แล้ว ครั้นถอดแว่นเรย์แบนแม็กอาเธอร์ออกยิ่งหล่อแบบป๋อนัฐวุฒิรวมกับศรราม..
"พอแระ" เบี้ยวกระชากเสียง "ใส่แว่นกลับอย่างเก่าน่ะดีแล้ว"
ไอ้ป๊อดกระตุกท่อนแขนมัดกล้ามแล่นกรูเกรียวก่อนเสียบขาแว่นคร่อมหู
"นายมาทำไรซอยนี้" เบี้ยวถาม ควบคุมน้ำเสียงสุภาพสุด อย่างน้อยฐานะเจ้าบ้านก็ต้องมีมารยาทสักหน่อย
"ก็ไม่มีไร"
ไอ้ป๊อดกล้ามใหญ่สะบัดคางโยกคอ เสียงกระดูกลั่นกราว จูกลืนน้ำลายอึ๊ก แค่กระดูกลั่นยังดังขนาดนี้ ไอ้ป๊อดเอื้อมมือไปหลังทำท่าล้วงของ ไอ้จูรีบบอก
"อาวุธไม่ต้อง ตัวตัวนี่แหละพี่เบี้ยวไม่เคยหนีใครอยู่แล้ว"
ป๊อดชะงักมือคากระเป๋าหลัง ค้างอยู่อย่างนั้นประมาณสองวิฯ จึงค่อยเผยอยิ้ม
"ไม่มีอะไร" ป๊อดดึงของในกระเป๋าออกมา "ผมแค่เอาของมาคืน" ยื่นให้เบี้ยว
เบี้ยวเหลือบมองกล่องดีวีดีหน้าปกอาร์โนล (เอ่อ..นามสกุลหมอนี่พิมพ์ยาก ละไว้ฐานเข้าใจละกัลล์) สวมแว่นดำ ตัวอักษรภาษาปะกิดพาดหัว เบี้ยวเปลี่ยนเป็นเหลือบมองคนบนมอเตอร์ไซค์
"ทำไมต้องเหลือบมองด้วย มองเฉย ๆ ไม่ได้เรอะ เหลือบไปเหลือบมาตาเหล่พอดี" เบี้ยวหันโวยคนเขียน 'เออนา..เขียนไงก็ว่าไปตามนั้นอย่าโวยมาก เดี๋ยวเลิกเขียนซะหรอก' คนเขียนโวยบ้าง ดูเหมือนเบี้ยวจะเลิกพยศ เหลือบมองไอ้ป๊อดแต่โดยดี
"คุณปิ๊กสั่งไว้ดูเสร็จแล้วให้เอามาคืนคุณเบี้ยวด้วย" ป๊อดบอก
เบี้ยวตาค้างใจลอยเอื้อมมือเชื่องช้าแบบภาพสโลว์โมชั่น(เหมาะกับอารมณ์หม่นเศร้ายามนี้) หมายรับกล่องดีวีดีไว้ ยืมไปแล้วกลับให้คนอื่นยืมต่อ เบี้ยวยังเสียใจไม่หาย นี่ยังบอกให้คนอื่นเอามาคืน ไม่คืนด้วยตัวเอง จะให้เบี้ยวคิดยังไง น้อยเนื้อต่ำใจประดังประเดขึ้นมาจุกคอหอย เบี้ยวถลึงตา
"ผมไม่รับคืน" ชักมือกลับ "หากจะคืนคุณปิ๊กต้องเอามาคืนเอง"
"คุณปิ๊กไม่อยู่จะเอามาคืนได้ไง อย่ามากเรื่องนา ผมเอามาคืนแล้วก็รับ ๆ ไป" ไอ้ป๊อดน้ำเสียงรำคาญ
"บอกไม่รับคืนก็ไม่รับคืน"
เบี้ยวน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว ไอ้จูพยักหน้าหงึก ลูกพี่เอาไงก็เอากัน ป๊อดส่ายหน้า สะบัดกล่องดีวีดีในมือ
"คุณปิ๊กไม่มาคืนเอง คุณก็น่าจะเข้าใจความหมายแล้ว ยังจะฝืนไปทำไม คุณปิ๊กเค้ามีคนที่เหมาะสมอยู่ในใจแล้ว อย่างคุณจะไปมีท่าอะไร วัน ๆ ขี่จักรยานต๊อกต๋อย"
เบี้ยวยิ่งฟังเลือดยิ่งขึ้นหน้า กำก้อนหินในมือแน่น เงื้อแขน! ไอ้จูรีบคว้าสหายพี่ไว้ทันควัน
"ใจเย็นนาพี่เบี้ยว" กอดเบี้ยวไว้แน่น เบี้ยวฮึดฮัดดิ้นขลุกขลักในแขนไอ้จู
ป๊อดแสยะยิ้มขยับแว่น "ไม่เอาก็อย่าเอา" โยนกล่องดีวีดีลงพื้น แล้วขยำเบรคหน้าบิดคันเร่ง ล้อหลังหมุนควงปัดท้ายเป็นวง เศษหญ้าใบหญ้ากระจุยกระจาย เบิ้ลเครื่องอีกสองสามครั้งเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มออกตัวล้อฟรีพุ่งจากไป
"ปล่อย!" เบี้ยวดิ้นขลุกขลักคาแขนไอ้จู
"ยังปล่อยไม่ได้" จูบอก
"ปล่อย!" เบี้ยวเค้นเสียง
"ยังปล่อยไม่ได้"
"ปล่อยเด้" เบี้ยวกัดฟัน "เราหายใจไม่ออก"
ไอ้จูเหลือบมอง เบี้ยวหน้าเขียวเหมือนลูกมะอึกเพิ่งคลอด ไอ้จูรีบปล่อยมือ สองคนพากันสะบัดเศษใบหญ้าติดหน้าติดเสื้อผ้า
"นายจับเราไว้ทำไม?" เบี้ยวถาม
"ก้อ" ไอ้จูถลึงตา "ก้อเห็นพี่จะเล่นไอ้ป๊อด หากพี่เล่นมัน ผมจะยืนดูเฉย ๆ ได้ไง ก็ต้องร่วมวงด้วย แต่รุมสองยิ่งในถิ่นเราเสียด้วยรู้ถึงไหนอายถึงนั่น"
"ใครบอกว่าเราจะเล่นมัน"
"อ้าว!" ไอ้จูงง "ก้อเห็นพี่เงื้อหมัด"
"เราจะปาก้อนหินลงสระต่างหาก"
"อ้าว!" ไอ้จูร้อง "เป็นงั้นไป"
"เออสิ"
เบี้ยวเดินไปก้มหยิบกล่องดีวีดีด้วยหัวใจไหวหวิว เค้าดูแล้วทิ้งไม่ไยดี
ค่ำคืนนั้นเบี้ยวเสียบดีวีดีเข้าเครื่องเล่น เวียนดูรอบแล้วรอบเล่า อุตส่าห์ให้ยืมหนังหวังบอกความนัย ว่ารักเบี้ยวนี้คล้ายคนเหล็กที่จะคอยปกป้องคุ้มครองคุณปิ๊กไม่ห่างไกล ต่อให้อยู่กันคนละกาลเวลาก็จะกลับมาปกปักรักษาจนกว่าตัวจะตาย ความนัยนี้คุณปิ๊กจะเข้าใจบ้างไหม เบี้ยวถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะหนังเวียนวนรอบแล้วรอบเล่า เบี้ยวนั่งตาค้างใจลอยอยู่อย่างนั้นจนโลกทั้งโลกมืดมิด
2
ลืมตาตื่นด้วยความงงงวย กลิ่นหอมอ่อนโชยมา ใบหน้าหมวยแป้นของคุณปิ๊กพร่าเลือน เบี้ยวยิ้มคิดไปว่าตัวเองคงถอดจิตไปหาคุณปิ๊กสำเร็จแล้ว ความสุขที่เบี้ยวถวิลหาคืนกลับมาแล้วจริง ๆ สงสัยต้องหยิกตัวเองเสียหน่อยอย่างในหนังให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป คุณปิ๊กยิ้มตอบ ก้มตัวลง
"ฟื้นแล้ว"
เบี้ยวยินเสียงแว่วเหมือนดังมาจากหุบเขาไกลตา ถามไปว่า
"คุณปิ๊กเปลี่ยนทรงผมเหรอครับ"
"คุณปิ๊กที่ไหนกันเพ่" เสียงใกล้เข้ามา "ผมเอง จูไง"
เบี้ยวกะพริบตาอีกสองสามที ขมวดคิ้วเหลือบมองหลังมือ สายยางต่อโยงหาถุงน้ำเกลือ ผมทรงเจดีย์ยอดแหลม ไอ้จูนั่นเอง เบี้ยวเกิดคันหัวแม่โป้งเท้าขวาแต่ไม่อาจขยับตัวเลยใช้นิ้วชี้เท้าขวาเกาหัวแม่โป้งเท้าขวายิก ๆ ปากพึมพำ
"จูเองเรอะ"
ไอ้จูพยักหน้า
"เราอยู่ที่ไหน?" เบี้ยวถาม
"โรงพยาบาล ถามยังกะพระเอกเพิ่งฟื้นจากสลบเชียวนะ" จูตอบ "ผมไปเจอพี่คอพับคาโซฟา ตกใจแทบช็อค หมอบอกว่าพี่ไม่กินอะไรหลายวันร่างกายทนไม่ไหวเลยเป็นลม"
เบี้ยวถอนหายใจพริ้มตาทอดอาลัย ไอ้จูมันสมเป็นเพื่อนแท้ ไม่เคยพูดอะไรให้เสียน้ำใจ ทั้งรู้อยู่ว่าเบี้ยวทำตัวแย่ มันก็ยังคอยเฝ้าดูไม่ทิ้งไป ไม่เหมือนบางคน เบี้ยวลืมตามองไอ้จูด้วยแววตาละห้อย
"พี่อย่ามองผมหยั่งงั้น" ไอ้จูโอด
"เราขอโทษว่ะจู"
"ขอโทษเรื่องไร"
"เราทำตัวแย่ ทำตัวให้เพื่อนเป็นห่วง ตอนนี้เรารู้แล้วล่ะว่าความรักเป็นเรื่องเหลวไหล หลงวนอยู่ในอารมณ์รักมีแต่ทำให้เราย่ำแย่ เห็นทีเราต้องทำความเข้าใจความรักเสียใหม่ เอาใจใส่ความรักของเพื่อนให้มากขึ้น ความรักจากหญิงสาวนั้นเป็นเรื่องเพ้อฝัน ลม ๆ แล้ง ๆ เอาแน่ไม่ได้ ความรักของเพื่อนนี่สิเรามีอยู่จริง มีอยู่แล้วสมควรดูแลเอาใจใส่ ไม่เผลอเห็นความรักหญิงสาวสำคัญกว่าปล่อยให้ทำลายความรักของเพื่อน"
ไอ้จูนิ่งฟังด้วยความซาบซึ้งตรึงใจ ไม่คิดว่าลูกพี่จะกล่าวได้ไพเราะเพราะพริ้งอย่างนี้
"เออจริงสิ" เบี้ยวเพิ่งคิดขึ้นได้ "ค่าหมอล่ะ นายไม่ได้ทำงานทำการเอาเงินที่ไหนมาจ่าย"
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง" ไอ้จูบอกด้วยน้ำเสียงมาดมั่น "ผมจัดการเรียบร้อยแล้ว"
"จ่ายหมดแล้ว"
"อื้อ" ไอ้จูเสียงอ่อย "ยังขาดอีกนิดหน่อย"
"นายเอาเงินมาจากไหน?"
"ผมก็เอาของในบ้านพี่ไปจำนำบ้าง ขายบ้าง"
"จำนำ!" เบี้ยวตะลึงตาค้าง
"อื้อ"
"ขาย!"
"อื้อ"
"ทั้งหมดเลยเหรอ?"
"อื้อ" ไอ้จูพยักหน้า "ทีวี, เครื่องเล่นดีวีดี, ตู้เย็น, จักรยาน, อะไรอีกล่ะ ครก, เตาปิ๊กนิก ทั้งหมดนั่นแหละ นี่ก็ยังขาดอยู่อีกสองสามร้อย แต่ไม่มีอะไรเหลือแล้ว.."
เบี้ยวฟังแล้วหูอื้อ ตาลาย อยากเป็นลมอีกครั้งให้รู้แล้วรู้รอด
OOO
Tags: บางบอนซอยตำแย
, shortstory