แม่ย่านาง (เนรมิต /2513/ไทย)ฝันกลางวันแบบไพร่ๆ:.
By : FILMSICK


มิตรเล่นเป็นนายเชี่ยวเด็กวัดที่หลวงลุงเก็บมาชุบเลี้ยง โดยมีไอ้จอมหลานแท้ๆเป็นคู่อาฆาต เชี่ยวมีเรือพายเกษราวดีที่เขารักเป็นักหนาและว่ากันว่าที่จริงเป็นเรือผีสิง วันหนึ่งไอ้จอมขโมยเงินผ้าป่าหลวงตา เชี่ยวเข้าไปห้าเลยชกต่อยกัน แต่ไอ้จอมบอกว่าเชี่ยวเป็นคนขโมย หลวงตาเลยตัดใจให้เชี่ยวออกจากวัด เชี่ยวไปเช่าของยายกิมเฮียงมาพายเรือขายกับเพื่อนอีกสองคนที่ออกมาพร้อมกันก็โดนนักเลงแกล้ง โชคดีที่ในเรือมีผีผู้หญิงงามออกมาช่วยเหลือ ไวัทัน

จ่อมาเชี่ยวไปรู้จักกับตามั่นที่เป็นหมอผี ตามั่นให้สามเกลอไปอยู่ด้วย เชี่ยวมีผู้หญิงมาชอบเยอะ ทั้งแม่ปราง ที่ไอ้จอมแอบชอบ หรือนางกิมเฮียง วันหนึ่งนางกิมเฮียงโดนน้ำมันพรายจากเสี่ยจนแทบเป็นบ้า หมอมั่นกับเชี่ยวมาช่วยได้ทัน หมอแขก (เล่นโดยล้อต๊อก) แค้นใจเลยเสกเชือกมารัดคอหมอมั่นแต่เชี่ยวก็ช่วยได้ ไอ้จอมเป็นลูกศฺษย์หมอแขก ตามมาทำร้ายเชี่ยวถึงที่บ้านแต่พอจะแทงหอก ห็มีแผ่นไม้หัวเรือลอยมารับแทน นั่นเป็นวิญญาณแม่ย่านาง

หมอมั่นจึงนั่งทางในแล้วพบว่า ชาติที่แล้วเชี่ยวคือขุนชล ที่จริงเชี่ยวเป็นแค่มหาดเล้กล่องเรือไปกับพระราชาและเจ้าหญิง เรือถูกดักปล้นกลางทาง ชล(เชี่ยว) จึงพาเจ้าหญิงหนีไป พระราชาถูกฆ่าโดยไอ้จอม(ในชาติที่แล้ว)) ซึ่งเป็นองครักษ์นั่นแหละ จอมเป็นลูกขุนพล (ป๋าส.) แต่ขุนพลโกรธจอมมาก และเาอไปขัง ใ้เจ้าหญิงเป็นพระราชินีแทน เจ้าหญิงรักกับชลที่ได้เป็นขุนชล แล้วจอมมาขัดขาวง ก่อนจะรู้ความจริงว่าจอมฆ่าพระราชา ป๋าส.เลยให้จอมกับขุนชลประลองกันใครชนะได้เป็นขุนพล ขุนชลฆ่าไอ้จอมตายได้เป็นขุนพล

แต่เรื่องรักมันซวยเมืองข้างเคียงอยากได้เจ้าหญิงไปเป็นมเหสี เจ้าหญิงจะหนีไปกับจอม แต่ป๋าส.ไม่ยอมเพราะกลัวสิ้นชาติ ขุนชลเลยเขียนจดหมายลาแล้วยอมถูกฆ่าตาย เจ้าหญิเลยฆ่าตัวตายตามที่เรือท่ไปคอย กลายเป็นแม่ย่านาง

โอเคกลับมาปัจจุบัน หมอแขกรู้แล้วว่ามีแม่ย่านางช่วย เลยไปเอาเรือมาเผา เชี่ยวตามไปช่วยไม่ทัน แต่หมอแขกผิดใจเลยโดนไอ้จอมฆ่าตาย ไอ้จอมตามาฆ่าเชี่ยว แต่หลวงลุงเห็นเลยมาห้าม เขี่ยวไปรับหอกแทนหลวงลุงตาย

จบยังไงเหรอ ก็ไปสวรรค์กับเจ้าหญิงอ่ะดิ



โอยเล่าจนเหนื่อย

ความคัลท์ของหนังนั้นมีมากมายตั้งแต่การปรากฏตัวของแม่ย่านาง ที่มาในรูปสาวชาวเรือ ขายปลาเค็มลอยได้ หรือหายวับไปกับตา หนักกว่านั้นคือเชี่ยวก็รักหัวปักหัวปำจนจะยอมแต่งกับเรือแทนผู้หญิง

หนังเต็มไปด้วยไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์ และไสยศาสตร์ ราวกับไสยศาสตร์คือเรื่องปกติ การต่อสู้ของหมอไทยกับหมอแขก (ที่น่าสนใจคือหมอแขกเป็นผู้ร้าน แถมเป็นหมอแขกสำเนียงสุพรรณอีก)

ผีในเรื่องนี้ไม่มีเรื่องของวิทยาศาสตร์อะไรทั้งสิ้น มันคือผลกรรมข้ามชาติ ผู้ชมเข้าอกเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือเรื่องพอ่หมดหมอผี ตรรกะนี้รับได้ในหนังไทยยุค 16 หมอผีสู้กัน เรือผีสิง รับได้ที่ผู้ชายคนหนึ่งรักเรือพายมากกว่าสตรี รับได้เรื่องการแก้พิษน้ำมันพราย ทุกสิ่งอย่างที่เป็นเรื่องงมงายเฉิดฉายในหนังเรื่องนี้อย่างสมภาคภูมิโดยไม่มีท่าทียั่วล้อขบขัน หรือเสียดเย้ยไดๆ แต่ปรากฏเป็นเรื่องเล่าจริงจังที่เชื่อได้ (หรืออย่างน้อยคนทำก็เชื่อแน่ๆ)

บูญทำกรรมแต่จึงคือหัวใจของมัน แม้จะมีผีมีชาติที่แล้วแต่หนังก็เรียร้อยเป็นผ้าพบัวไ้ในเรื่องบุญเรื่องกรรม การฆ่าข้ามชาติ หรือบุพเพสันนิวาสอะไรทำนองนั้น

แต่ที่ไปได้สุดทางคือการฉายภาพเจ้าในหนัง ในฉากแรกเจ้านั่งเรือพายสวยไๆแบบเรือพระที่นั่ง มีกระทั่งเพลงกาพย์เห่เรือหนึ่งเพลงด้วยซ้ำ นุ่งโจงกระเบน ชุดไทยสมัยร. 5 ไอ้แบบที่เห้นในหนังจักรๆวงศ์ๆนั่นแหละมาชมดงชมนกชมไม้

แต่พอไอ้ชลได้เป็นขุนชลเท่านั้น เขาก็ได้แต่งชุดยุโรปสุดโก้เลย พิศมัยก็ได้เป็นเจ้าหญิงยุโรปไปด้วย วัดวังมีขอบรั้วแบบวัดวังในหนังจักรๆวงศ์ๆ แต่บ๊ะมีสะพานโค้ง มีระเบียง มีสวนเล็กจุ๋มจิ่๋มอีกต่างหาก เรื่องของเรื่องคือนี่คือความหน้าไม่อาย ไมขัดเขิน ไม่แคร์ จริงจังและรัยบได้อีกครั้งที่จะผนวกเอาเรื่องนิทานเจ้าชายเจ้าหญิงแบบยุโรปมาปะปนกับหนังจักรๆวงศ์ๆแบบไทยๆ เครื่องแบบสมาร์ทๆของมิตร ชัยบัญชาไปกันได้ดีกับชุดไทยประยุกต์ของพิศมัย วิไลศักดื์

กล่าวให้เต็มที่ไม่มียั้ง นี่คือมโนทัศน์เกี่ยวกับเจ้าฉบับไพร่แท้ๆ เพราะเจ้าในหนังเป็นเจ้าดึกดำบรรพ์ไม่มีตัวตน (ยังมีการต่อสู้ระหว่างพระนครอยุ่เลย) เป็นเจ้าในเรื่องเล่าที่เอาเจ้าแบบไทยๆมาปนกับเจ้าแบบยุโรป โดยไม่มีขวยเขินอะไรทั้งสิ้น

แต่ฉากที่พีคที่สุดคือฉากจบ เพราะสรวงสวรรค์ที่ขุนชลกับองค์หญิงมาสมรักกันก็ไปอ้พระราชวังข้ามชาติกระป่องกระแป๋งนั่นอหละ ฉากนี้น่าทึ่งมาก ในแง่ที่ว่ามีเพื่อนพระเอกคนหนึ่งที่ถูกฆ่าตายมาปรากฏตัวบนสวรรค์ในชุดมอซอแบบชาวบ้านด้วย!

ถูกแล้ว! ไม่ใช่ขุนชลหรอที่ผู้ชมสวมสายตาเข้าไป แต่เป็นสายตาของชาวบ้านที่ไอ้แอบดูสรวงสวรรค์ของพวกเจ้าตะหาก ในฉากนี้เพื่อนของเชี่ยว หมอบหลบอยู่กับพื้นหญ้า แอบดูขุนชลกับเจ้าหญิงพลอดรักกันในสวนสวรรค์ สวนสวรรคือีเหละเขละขละของวังไทยๆกับยุโรป การผสมปนเปกันแบบหยิบจับอะไรได้ก็ใส่เข้าไป มิตร กับพิศมัยเป็นภาพพาฝันของเจ้าแบบที่พวกเขาอยากจะเป็น แต่ไม่ได้เป็น ได้แต่พาฝันแอบดูและฝันในทำนองว่ากูเป็นผู้ช่วยพระเอก จนน่าสนใจว่าตัวละครประเทภทตลกตามพระ ที่ต้องมีในหนังไทยทุกเรื่องนั้นไม่ได้เพียงทำหน้าที่แบบบันเทิงครบรสอย่างเดียว แต่ตัวละครนี้ต่างหากที่ผู้ชมสวมสายตาตนเองลงไป ป็นคนที่เฝ้ามองภาพฝันสมบูรณืแบบและช่วยให้มันสมบูรณืขึ้นมาได้! ฝันกลางวันแบบไพร่ๆ ที่ไม่ได้จะอยากเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย แต่อยากได้ไปทัวสวรรค์กับเขาบ้างเหมือนกัน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น