๑).
ม่มีเมฆล่องบนท้องฟ้า
ผ่านมาแผ่วเบาคือเปล่าว่าง
ลมพัดใบไม้มาบางบาง
ก็คว้างคว้างเคว้งเคว้งในเพลงลม
แดดแสงสุดท้ายที่ฉายฉาด
ทาบปาดพาดป้ายระบายห่ม
แล้วโลกสีทองสุกลูกกลมกลม
ก็ร่มเงาหม่นสนธยา
กระดานกระดกว่างเปล่าดูเหงางึม
ทึมทึมงำงำสนามหญ้า
โยงกิ่งไม้นิ่งคือชิงช้า
ท้องฟ้าไร้ลำเรือสำเภา
ลมเย็นพัดตึงมาหนึ่งวูบ
ร่างรูปความงามของความเศร้า
เลือนเลือนรางรางเป็นเงาเงา
ทึบทึบเทาเทาเป็นเค้าโครง
คลับคล้ายคลับคลาเหมือนว่าใช่
แล้วก็วับหายไปโต้งโต้ง
ชั่วโมงเคลื่อนตัวต่อชั่วโมง
ดาวดึกสุดโต่งก็โด่งดวง
สนามเด็กเล่นร้างร้าง
กว้างกว้างยาวยาวนั้นเหงาง่วง
เหมือนเหมือนการวูบของรูปลวง
ทั้งปวงก่อรูปนั้นคุ้นคุ้น
เป็นเด็กเล่นวิ่งโยกชิงช้า
กรีดเสียงตามประสาแรงม้าหมุน
ก่อนโผนขึ้นเรือสำเภาพรุน
ฝักนุ่นแตกขุยเป็นปุยนวล
กระโดดจากเรือโปร่งลงสนามหญ้า
ยิ่งคุ้นท่านั่งลุกไปทุกส่วน
กราวใบไม้สะบัดลมพัดทวน
ก็ล้วนล้วนเปล่าว่างไร้ร่างใคร 
๒).
ยิ้มให้กับตนเองอย่างเคร่งขรึม
เศร้าซึมหม่นหมองอยากร้องไห้
เรือสำเภาแตกล่มเพียงลมไกว
เนิ่นนานเพียงไรแล้วไม่รู้
สายลมครวญเพลงมาเคว้งคว้าง
บางบางเบาเบาแต่เช้าตรู่
ยิ้มให้เด็กวิ่งเล่นอย่างเอ็นดู
ทั้งทั้งไร้ใครอยู่สักผู้เดียว..

๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๐ เนชั่นสุดสัปดาห์ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๐
Illustration : http://www.123rf.com/photo_9707979_playground-cartoon-illustration-of-kids-playing-together-at-the-park.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น