เฟย์
www.faylicity.com
ชักชวนให้คุณรู้จักหนังสือน่าอ่านน่าสนใจในโลกกว้างใบนี้
www.faylicity.com
ชักชวนให้คุณรู้จักหนังสือน่าอ่านน่าสนใจในโลกกว้างใบนี้
Gone Girl เป็นนิยายขายดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว นอกจากจะขายดีแล้วยังเป็นที่กล่าวขวัญชื่นชมมากในแวดวงนักวิจารณ์และคนอ่านด้วยกัน
ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาด เพราะส่วนใหญ่แล้ว หนังสือที่นักวิจารณ์ชอบมากๆ คนอ่านมักจะไม่ค่อยชอบ (เช่นหนังสือรางวัลต่างๆ) ส่วนหนังสือที่คนอ่านชอบมากๆ ก็มักโดนนักวิจารณ์ดูถูกดูแคลน (เช่นนิยายขายดีร่วมกระแสทั้งหลาย) แต่เล่มนี้มีแต่คนชมแบบสากลจนน่าทึ่งว่ามันเป็นเรื่องยังไงนะ ทำไมไม่มีคนไม่ชอบบ้างเชียวหรือ
เรื่องนี้ขายได้มากกว่า ๒ ล้านเล่มในปีแรกที่วางขาย เป็นเรื่องแนวลึกลับตื่นเต้นระทึกใจ สืบสวนหาคนร้ายว่าใครฆ่า ปรกติแล้วต้องพูดตรงๆ ว่านิยายแนวนี้มักไม่ได้รับคำชมเยอะขนาดนี้ แปลว่าหนังสือเรื่องนี้ต้องมีอะไรพิเศษกว่าเล่มอื่นแน่ๆ
เมื่ออ่านแล้วต้องบอกว่ามีดีจริงๆ หนังสือเล่มนี้จะทำลายชีวิตคุณเพราะอ่านแล้วจะติดลมจนไม่อยากกินอยากนอน เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก วางไม่ลงอย่างแท้จริง และเขียนดีกว่านิยายทั่วไปในแนวนี้ ทำให้คุณติดกับดักมันจนหัวปักหัวปำ นี่เป็นเรื่องของคู่แต่งงานซึ่งสามีพบว่าภรรยาหายตัวไปอย่างลึกลับในวันแต่งงานครบรอบ ๕ ปี ตำรวจย่อมสงสัยว่าสามีเป็นคนลงมือหรือไม่ และในเรื่องเราจะได้เห็นมุมมองสลับกันไประหว่างการเล่าเรื่องของสามี และไดอะรีของภรรยา
หากจะอ่านเรื่องนี้ให้สนุก ขอแนะนำว่าควรรู้เนื้อหาเพียงเท่านี้พอแล้ว อย่าได้ค้นหาหรือไปอ่านข้อมูลพล็อตเรื่องจากที่ไหนเป็นอันขาด เดี๋ยวจะหมดสนุก เมื่อเราอ่านไปจะพบว่าถ้อยคำของสามีและภรรยานั้นเล่าเรื่องเดียวกันให้เป็นคนละเรื่องเลย และนี่น่าจะเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้พิเศษกว่านิยายสืบสวนทั่วไป เพราะนี่เป็นเรื่องนาฏกรรมชีวิตสมรสที่เล่าได้เข้มข้นแหลมคมจนบาดใจ
ในเรื่อง นิกเป็นสามีหนุ่มวัย ๓๔ ปี เขาเกิดและโตใกล้เมือง ฮันนิบาล รัฐมิสซูรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ มาร์ก ทเวน นิกเป็นผู้ชายน่ารัก หน้าตาดี ทำงานเป็นนักเขียนคอลัมน์นิตยสารในนครนิวยอร์ก แล้วเขาก็พบรักกับเอมี สาวสวยฉลาดเฉลียวผู้ร่ำรวยซึ่งเกิดและโตที่นิวยอร์ก เมื่อเอมีหายตัวไป การต้องรำลึกถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของภรรยาเมื่อให้การกับตำรวจทำให้เขาได้คิดว่าเขาเป็นสามีที่เฮงซวยที่สุด ในขณะที่เอมีหายตัวไป เธอกลับปรากฏตัวในความคิดคำนึงของเขาตลอดเวลาเหมือนเธอไม่ได้จากไปไหน เธอยังอยู่ใกล้เขามากกว่าใคร
เรื่องเล่าของทั้งคู่เผยชีวิตการแต่งงานที่ชวนให้ใจหาย จากความรักที่ร่าเริงสนุกสนานกลายเป็นความโกรธชัง นิกนึกถึงภรรยาด้วยความขมขื่นว่าความทรงจำที่เคยอบอุ่นแสนหวานกลับกลายเป็นความจริงร้ายกาจเยือกเย็นขนาดนี้ได้อย่างไร ทั้งคู่ทะเลาะและพ่นด่าคำเหน็บแนมใส่กันบ่อยๆ การสนทนาของทั้ง ๒ กลายเป็นการจู่โจมทำร้ายกัน เมื่อแต่งงานครบ ๕ ปี นิกได้คิดว่าเขาโกรธภรรยาเรื่อยมา เป็นความสนุกสนานอันเจ็บปวด คล้ายเราคอยกัดเล็บตัวเอง
ให้เลือดซิบแต่ยังดึงดันจะกัดต่อไป เขาได้แต่นึกถึงการกลับบ้านไปหาภรรยาที่ไม่ต้อนรับเขา
ให้เลือดซิบแต่ยังดึงดันจะกัดต่อไป เขาได้แต่นึกถึงการกลับบ้านไปหาภรรยาที่ไม่ต้อนรับเขา
นิกสงสัยเสมอว่าภรรยาของเขาคิดอะไรอยู่ “ผมคิดว่าคำถามนี้เป็นพายุในการแต่งงานทุกคู่ เธอคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกอย่างไร เธอเป็นใคร เราทำอะไรให้เธอ เราจะทำอะไรต่อไปดี ” เอมีเชื่อว่าการแต่งงานคือการดำเนินรอยตามคำแนะนำเก่าแก่ที่ว่า “ให้ประนีประนอม คุยกัน อย่าเข้านอนโดยยังโกรธกันอยู่” แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องสงสัยว่าต่างฝ่ายรู้จักกันดีแท้แน่แล้วหรือไม่อย่างไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าชีวิตคู่มาถึงจุดจบแล้ว
ผู้เขียนเล่าเบื้องหลังว่านิกและเอมีเป็นคนแบบนี้เพราะเหตุใด โดยบอกถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งทำให้พล็อตเรื่องมีน้ำหนักน่าเชื่อ น่าตกใจว่าภูมิหลังของตัวละครนั้นกัดกินจิตใจตัวละครและเปลี่ยนแปลงเขาและเธออย่างไร
เนื้อเรื่องยังบอกเล่าสภาพสังคมเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกาในช่วงเร็วๆ นี้ได้ดีมาก นิกถูกให้ออกจากงานที่เขาเคยเป็นนักเขียนคอลัมน์ในนิตยสาร เอมีตกงานจากการเขียนคอลัมน์เช่นกัน สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของนักเขียนที่เธอก็ถูกให้ออกจากการเป็นนักเขียนคอลัมน์ให้ Entertainment Weekly ความเจ็บปวดของนิกเมื่อยามตกงานนั้นน่าเจ็บปวดไม่น้อย เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป นักเขียนก็อยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อสู้กับอินเทอร์เน็ตที่เสนอเนื้อหาฟรี
นิกกลับบ้านเกิดในที่สุดและเปิดบาร์แห่งหนึ่ง เขารู้ว่าเขาจะไม่พลาด เพราะไม่มีอินเทอร์เน็ตไหนจะสู้บาร์ได้ “ไม่มีโปรแกรมใดนำเสนอฟองเบอร์เบินในบาร์มืดๆ เย็นๆ ณ วันที่อากาศร้อน โลกนี้ต้องการเหล้าเสมอไป ” อาชีพของเขาจะไม่ถูกคุกคามโดยเทคโนโลยี (แต่จะว่าไปหากนักเขียนนิยายผู้นี้ไม่ได้ถูกให้ออกจากงาน เราก็อาจไม่ได้อ่านนิยายที่ดีเรื่องนี้)
นิกยังบรรยายสภาพสังคมในเมืองบ้านเกิดให้เห็นผลของวิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกาที่ผู้คนตกงาน ห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัวลง โครงการบ้านจัดสรรที่ตายก่อนคลอด และชีวิตผู้คนที่ต้องไร้บ้านไร้งาน
จิลเลียน ฟลินน์ เป็นนักเขียนที่เก่งมาก เธอเขียนนิยายมาแล้ว ๒ เล่มก่อนหน้าหนังสือเรื่องนี้ คือ Sharp Objects (๒๐๐๖) เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องในรัฐมิสซูรี และ Dark Places (๒๐๐๙) ซึ่งเกี่ยวกับการฆาตกรรมในครอบครัว นิยายทั้ง ๒ เล่มได้รับคำชื่นชมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล ส่วนเรื่อง Gone Girl ถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเป็นหนังแล้ว ตอนนี้ก็มีแต่คนเดาว่าใครกันหนอจะได้รับบทพระเอกนางเอกในเรื่อง เท่าที่คาดกันตอนนี้มีรายชื่อ เช่น Emily Blunt และ Ryan Gosling แต่เนื่องจากเรื่องนี้กำลังเขียนบทอยู่ จึงต้องรออีกพักใหญ่กว่าจะรู้ว่าใครเป็นใคร
นิยายเรื่องนี้อ่านสนุกมากจนอยากแนะนำ เมื่ออ่านจบแล้วคุณจะอยากแนะนำให้คนอื่นอ่าน และอยากคุยกับคนที่อ่านแล้ว หรืออยากอ่านซ้ำอีกรอบทันที คาดว่าหนังสือที่ขายดีขนาดนี้คงมีผู้ซื้อลิขสิทธิ์แปลไทยเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานเกินรอน่าจะได้อ่านกัน
เรื่องเยือกเย็นที่สุดในชีวิตคู่อยู่ตรงที่ทั้ง ๒ คนรู้จักกันดีมาก แม้ว่าจะไม่รู้ตัว ไม่ว่าทั้งคู่จะรู้สึกเช่นไรต่อกัน แต่ ๒ คนนี้รู้ความลับของกันและกันดีกว่าใคร “เพื่อนๆ เห็นข้อเสียส่วนใหญ่ของกันและกัน ส่วนสามีภรรยาเห็นความเฮงซวยทุกสิ่งอย่างชนิดละเอียดลออ” ซึ่งนิกบอกว่าสิ่งนี้เป็น “เรื่องโรแมนติกที่พังพินาศฉิบหาย ”
แม่ของนิกสอนเรื่องการแต่งงานได้น่าประทับใจ เธอบอกเอมีว่า “ไม่ง่ายหรอกนะที่จะจับคู่กับใครไปตลอดกาล เป็นเรื่องน่าชื่นชม ฉันยินดี…แต่…จะมีวันที่เธอคิดว่าไม่น่าเลย คราวที่เธอเสียใจเป็นวันๆ จะถือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ แทนที่จะต้องเสียใจเป็นเดือนๆ …แต่เธอก็จะมีช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยเช่นกัน ”
ความรักเป็นเรื่องน่าแปลก เมื่อแรกรักก็แสนหวาน แต่นานๆ เข้าความรักก็กลายเป็นความชังไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ น้องสาวของนิกบอกว่าต่อให้เขาไปเจอคนอื่น แต่พอสนิทกันแล้วล่ะ “พอพี่คบกับเธอจริงๆ ได้เจอกันบ่อยๆ เธอก็จะพบข้อเสียในตัวพี่ใช่ไหมล่ะ ? เธอจะเจอสิ่งที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นบอ แล้วเธอจะเรียกร้องในสิ่งที่พี่ไม่ชอบ แล้วเธอจะโกรธพี่ ”
หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราทบทวนเรื่องความรักและคำถามข้อที่ว่า “ที่ว่ารักรักนั้นประการใด”