วิจารณ์ : หอมดอกประดวน:
ภาพประกอบจากฉบับพิมพ์ครั้งที่ 4 โดย บุญร่วม บุญเลิง |
กรุ่นร่ำกำจายหอม ใน 'หอมดอกประดวน'
โดย ธเนศ เวศร์ภาดา
จากหนังสือ ดินสอขอเขียน สำนักพิมพ์ปาปิรัส ไม่ระบุ พ.ศ.
ตีพิมพ์ครั้งแรก คอลัมน์ สะดุดตัวหนังสือ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม 2530
'รงค์ วงษ์สวรรค์ เคยสร้างความตื่นตะลึงและความอัศจรรย์ใจแก่นักภาษาและนักวรรณคดี ด้วยเหตุที่ในงานเขียนของเขาเรียงรายด้วยถ้อยวลีและรูปประโยค ซึ่งเบี่ยงเบนไปจากมาตรฐานของภาษา อันเป็นที่คุ้นเคยกันในสังคม
ดูเหมือนว่าเขาเคยถูกจัดให้เป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ทางภาษา ในฐานทำลายภาษาไทยถึงแก่วิบัติทีเดียว
แต่ในที่สุด 'รงค์ วงษ์สวรรค์ ก็ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนที่มีลีลาภาษาสะบัดเร่าและละเมียดเบียดอารมณ์ถึงใจนัก
หอมดอกประดวน เป็นนวนิยายขนาดสั้นเรื่องหนึ่งที่ 'รงค์บรรเลงฝีมือให้นักอ่านรุ่นป้ารุ่นน้าอิ่มหนำและประทับใจรสหอมจัดจ้านแห่งภาษามาแล้ว
นับตั้งแต่ชื่อเรื่องที่โดดเด่นว่า หอมดอกประดวน นั่นสิ ทุกคนจะถามเป็นเสียงเดียวกันว่า "หอมดอกอะไร? ดอกประดวน ไม่เคยได้ยิน"
กล่าวกันว่า นักเขียนมิสิทธิ์ที่จะสร้างภาษาให้แปลกไปจากมาตรฐานของภาษาเพื่อจุดมุ่งหมายทางวรรณศิลป์ (มาตรฐานของภาษาในที่นี้หมายถึง "มาตรฐานสัมพันธ์" ที่ถูกกำหนดขึ้นจากการใช้ภาษาของแต่ละกลุ่มชนจนคุ้นเคย เพราะในความเป็นจริงเราไม่มีมาตรฐานบริสุทธิ์ใดๆ ของภาษาที่จะเป็นไม้วัดสากลได้)
'รงค์จึงมีสิทธิ์ที่จะสร้าง "ดอกประดวน" ขึ้น แม้จะไม่มีใครรู้จักหรือได้ยินมาก่อน
แกนเรื่องของ หอมดอกประดวน คือสุนทรียรสแห่งกามารมณ์อันนับรวมความกำหนัด ความรุ่มร้อน ไปถึงความปวดร้าวแห่งการเสพสม 'รงค์เสนอภาพพัฒนาการของการเรียนรู้เรื่องโลกียรสของ โฉน ไพรำ สนามรักของเขาพบพานผู้หญิงหลายต่อหลายคนและหลายต่อหลายเชิงชั้น ปอง ผู้หญิงในห้องที่ 13 ผู้หญิงคนแรกที่โฉนเสียความบริสุทธิ์ให้เมื่อเขาอายุเพียง 16 ปี นวลพนอ อรไท ผู้หญิงพรรค์ที่จะไม่ได้ยินเสียงถอนใจของตัวเองยามดึก กิ่งอุไร ประดวน นางไม้ที่แมวหนุ่มอย่างโฉนขบข่วนถึงที่หมายอารมณ์ขรุขระของเธอ และผการาย นุช แม่ม่ายอายุสามสิบห้า ผู้รักวันวานและคืนวานของเธอกับโฉน ไพรำ
คำ "ประดวน" ในพจนานุกรมไทยให้คำแปลว่า "ก.ยอน. แยง" อาศัยความหมายโดยอรรถนี้เชื่อมโยงถึงแกนเรื่องดังกล่าว
หอมดอกประดวนก็พอจะตีความว่า "หอมหื่นรสราคที่น่าเกี้ยวและน่าแยง"
หอมหื่นรสราคได้แฝงฝังในลีลาภาษาที่เปี่ยมด้วยความรู้สึก
ข้อน่าสังเกตคือ 'รงค์มักจะใช้รูปประโยคที่ขึ้นต้นด้วยกริยาสภาวมาลา คือการใช้คำกริยาแทนคำนาม และรวมถึงการขึ้นต้นประโยคด้วยคำวิเศษณ์ เช่น
- ฉาบ รสละไมของอาหารค่ำมื้อวานนั้นด้วยบรั่นดีผสมเหล้าหวานเบ็นนิดิคทีน
- กรีด หัวเราะและตะโกน และสะบัดทำนองดนตรีอึงอลอยู่ในบ้านพักร้อนแบบคอทเทจหลังนั้น
- กรีด บรรเลงแห่งดนตรีในอารมณ์ของโฉน ไพรำ ถูกกระชากกระชั้นด้วยเสียงทุบประตูหน้าบ้าน
- "ใช่" กังวาน รับนั้นคร่ำครวญจากเบื้องในอารมณ์หล่อน
- เยียบเย็น ของธันวาคมปลิดก้านกระถินแห้งหล่นพรูนอกบานหน้าต่าง
- โชน ของความสงสัยในแววตาหล่อน
- กำหนัด ยินดีปริร้าวในห่อหุ้มผิวอารมณ์
ความถี่ของการขึ้นต้นประโยคด้วยกริยาสภาวมาลาและคำวิเศษณ์ที่บ่งอารมณ์นั้น อธิบายได้ว่า 'รงค์พกพาความรู้สึกของคนแนบแน่นกับความรู้สึกของตัวละคร และสอดร้อยความรู้สึกที่หลอมรวมแล้วนั้นมาบ่งสภาวะและพฤติกรรมของตัวละครให้ผู้อ่านได้ซับซาบอย่างถึงอารมณ์
คำอธิบายนี้หมายรวมถึงการใช้บุคลาธิษฐานของเขาด้วย เช่น
- กลางคืนรีบร้อนมาถึงอย่างน่าจะขอบใจ
- พลันอารมณ์เศร้าโศกโถมมาบดขยี้หัวใจชายหนุ่ม
- ลำคลองนั้นสะดุ้งคดไปตามอารมณ์ของกระแสน้ำเซาะตลิ่ง...และไม่นานเกินกว่าเศร้าระทมของเปลวไฟบนดุ้นฟืนชื้น...
- กรีดโรยคมบนพลิ้วน้ำที่บิดเบียนวิวาทลมคะนอง
ไม่เว้นแม้การบรรยายบุคลิกของตัวละคร 'รงค์ใช้คำที่แสดงนัยทางเพศได้แนบเนียน และน่าหวาดเสียวนัก
- (นวลพนอ อรไท) ชีวิตของหล่อนรื่นเริงจัด อาจจะไม่ชั่วนิรันดร์ หากช่วงที่ผ่านมาถึงคืนวานนั้นช่าง ระยับเมือก อย่างที่ผู้หญิงหลายคนที่มีหรือเคยมีสามีเพียงคนเดียวนึกอิจฉา
- (กิ่งอุไร ประดวน) ไร้เดียงสา ไร้จริต และมักมากในกามคุณ บริสุทธิ์และโสมม เป็นคำจำกัดความอย่างย่นที่ขัดกัน เร่าร้อนในผ่องโฉมน่าหยิบชมของหล่อน ผิวขาวเนียน ในตาหวั่นระแวงของนางกวาง ทึ้งเล็มเถาพันธุ์ในดงไม้ เหลียวมอง
"ชีวิตช่างระยับเมือก" ความหมายชัดเจนอยู่ในถ้อยคำ ส่วน "ในตาหวั่นระแวงของนางกวางทึ้งเล็มเถาพันธุ์ในดงไม้เหลียวมอง" นับเป็นคำบรรยายบุคลิกของกิ่งอุไรได้ดีถึงขนาด นัยน์ตาหญิงมักงามเหมือนนัยน์ตากวางนั้น เป็นการชมโฉมตามขนบโบราณ แต่การเติมส่วนขยายต่อว่า "ทึ้งเล็มเถาพันธุ์ในดงไม้" ช่วยแนะให้ผู้อ่านรู้จักกิ่งอุไรในแง่มุมลี้ลับ อันเกี่ยวเนื่องเรื่องเพศเพราะคำกริยา "ทึ้ง, เล็ม" และคำนาม "เถาพันธุ์" เป็นคำที่สื่อภาพเชื่อมโยงพฤติกรรมและอวัยวะทางเพศ
เมื่อพิจารณาทบทวนข้อความที่ขึ้นต้นประโยค ก็ดูจะสอดคล้องต้องกัน เพราะกิ่งอุไรนั้น "ไร้เดียงสา ไร้จริต และมักมากในกามคุณ" มิใช่หรือ?
หอมหื่นรสราคยังได้แฝงฝังในการพรรณนาฉาก
'รงค์นอกจากจะพรรณนาฉากได้ละเอียดถี่ยิบ เหมือนชะลอฉากชั้นมาตั้งเด่นอยู่ตรงหน้า เมื่อถึงนาทีที่กรุ่นอวลรสสวาทของตัวละคร เขาก็สามารถใช้ฉากและบรรยากาศที่พรรณนามาแล้วมาช่วยสื่อนัยดังกล่าว โดยไม่ต้องเสียเวลาพรรณนาพฤติกรรมหรือสภาวะจิตใจของตัวละครให้ยุ่งยากมากความ
เงาหม่นดำของกลางคืน...
ทะเล...
โขดเขิน...
ดวงจันทร์คืนแรม...
เมษายน...
ข้อความนี้แทรกอยู่ในสถานการณ์ที่โฉน ไพรำ ปฏิเสธคำชวนให้ลงเล่นไพ่กับพวกพ้องที่บ้านพักร้อนของบันลือ ปริน และโฉนเดินออกมาพบนวลพนอริมหาดยามค่ำ 'รงค์ใช้ข้อความสั้นๆ เพียง 5 บรรทัด ช่วยแนะภาวะปั่นป่วนและใคร่กำหนัดทางอารมณ์ของโฉนกับนวลพนอ โดยไม่ต้องบรรยายข้อความอื่นๆ ให้เยิ่นเย้อ จะมีเพียงบทสนทนาโต้ตอบไปมาเท่านั้น
เงาหม่นดำของกลางคืนสื่ออารมณ์รัญจวนที่ซ่อนเร้น ทะเลสื่ออารมณ์แปรปรวนที่ดิ่งด่ำ โขดเขินสื่อความแกร่งเข้มของเพศชาย ดวงจันทร์คืนแรมสื่อความอ่อนละไมของเพศหญิง และเมษายนสื่อความรุ่มร้อนในตัณหาใคร่ปลดเปลื้อง ทุกถ้อยทุกความจึงมีนัยแฝงเร้นและเกี่ยวร้อยอย่างมีเอกภาพ จนมิอาจอ่านข้ามหรืออ่านเพียงผิวเผินได้เลย
หอมดอกประดวนยังหอมรสจรุงด้วยองค์ประกอบอื่นๆ ทางวรรณศิลป์ แม้จะเคยหอมกรุ่นกำจายมากกว่ายี่สิบปี แต่ในวันนี้ยังคงร่ำกลิ่นหอมจัดจ้านท้าทายนักอ่านรุ่นใหม่อย่างยืนยง