Hiking
ผมใช้ชีวิตประจำวันผ่านวันคืนไปเรื่อย ๆ พยายามฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมจากการทำงานหนักอดหลับอดนอนตลอดสี่เดือนจนผอมหัวโต ปวดข้อต่อ ปวดข้อเท้าที่เรื้อรัง ปวดหลังจนนอนไม่หลับ ด้วยการกินอาหารที่เป็นผัก ผลไม้ ว่ายน้ำออกก่ำลังกาย นอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้า
ร่างกายค่อย ๆ ปรับสู่สมดุล กระปรี้กระเปล่าขึ้นมาช้า ๆ จนแข็งแรง
เป็นอันได้เวลาหาความเร้าใจใหม่! ผมคิดจะออกไปเที่ยวข้างนอกเสียที หมายถึงไปจากอุทยานฯ ที่เหมือนติดเกาะนี่ แต่จะขับรถออกไปเองรึก็ตั้งใจไว้แล้วว่าวันใดขับออกไปจะไม่กลับเข้ามาอีก (และที่แน่ ๆ ไม่รู้จะไปรอดหรือเปล่า?) ผมนั่งเล่าความตั้งใจให้เล็กฟัง เล็กแนะให้ขอติดรถของนักท่องเที่ยวออกไป ขากลับโบกรถกลับมา ผมนั่นพยักหน้าหงึก ๆ นับเป็นวิธีน่าเล่น..เยี่ยมเลย! ผมเตรียมน้ำใส่กระบอกเสบียงนิดหน่อยใส่เป้นั่งคอยเล็งนักท่องเที่ยวที่จะกลับ ได้ติดรถโตโยต้าโฟว์วีลส์ออกมา ผมเฝ้ามองเส้นทางที่ครั้งขาเข้ามาทำเอาผมมือไม้อ่อน นับเป็นเส้นทางเหลือรับประทานจริง ๆ พื้นภูเขาดินแดงตะปุ่มตะป่ำ ผงฝุ่นหนาคละคลุ้ง เนินสูงชันลูกแล้วลูกเล่า โตโยต้าโฟร์วีลล์เคลื่อนคลานขึ้นลงอย่างสบายช่างต่างกับไอ้แก่คู่ซี้ผมอย่างกะสปายไวน์คูลเลอร์กับขี้ควาย รถผ่านช่วงเขาที่ขามาผมใช้เวลาเหมือนชั่วชีวิตเพียงอึดใจก็พ้นเข้าสู่ถนนลาดยาง ผมขอลงที่แยกอุตุฯ (ย่อมาจากอุตุนิยม ไม่ใช่นอนอุตุ) ซึ่งเป็นย่านชุมชน อยู่กึ่งกลางระหว่างอุทยานฯ กับตลาดศาลาด่านอันเป็นจุดศูนย์กลางของเกาะ หลังลงมายืนหันรีหันขวาง เรื่องแรกที่ต้องทำคือติดต่อโทรศัพท์ ผมสอบถาม ใคร ๆ ก็บอกว่าที่หน้าเซเว่นมีสัญญาณ Dtac ผมรอแล้วรออีกสัญญาณไม่เดินผ่านมาสักขีด น้องพนักงานเซเว่นก็ยืนยันว่ามีสัญญาณ ผมรอกว่าครึ่งชั่วโมงจนอ่อนใจรอเท่าไรก็ไม่มีมา สุดท้ายตัดใจเดินเข้าเซเว่นตุนเสบียงอาหารแห้งใส่เป้ (มาคิดขึ้นได้ภายหลังอยากเขกกบาลตัวเอง ปรากฏว่า sim ที่ผมใช้เป็น Orange ฮ่า ฮ่า) ผมเดินแวะร้านค้าดูโน่นดูนี่จนหนำใจ(ส่วนมากเป็นสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยวพวกผ้าบาติก กางเกงเล) ได้เสบียงที่ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป จากนั้นออกมายืนโบกรถริมถนน คราวนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด รถผ่านไปปรู้ดปร้าด ไม่มีจอดรับสักคัน บางคันที่ดูท่ามากันหลายคนต้องไปอุทยานฯ แน่ ๆ ก็ไม่ยอมจอดรับ ด้วยความที่เป็นนักโบกมือใหม่ ความอดทนยังมีน้อยผมตัดสินใจเดินไปเรื่อย ๆ ดีกว่าคิดเสียว่าเดินเที่ยว ผมเริ่มออกเดินจากสามแยกอุตุฯ แวะดูสินค้าผ้าบาติกสิ่งละอันพรรณละน้อยจากอินเดีย ที่ 'Hacha Hut' (เป็นบังกะโลเล็ก ๆ สไตล์ภารตะที่ผมชอบสุดฤทธิ์ วันหลังผมกลับมาที่นี่อีก) ผ่านร้านตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติที่อลังการงานสร้าง ผมอดไม่ได้เลี้ยวเข้าขอชม เจ้าของร้านนาม 'Otto' ได้ยินนามเจ้าของร้านผมตาลุกคิดว่าคอพันธุ์หมาบ้าด้วยกัลล์ แต่เปล่า! แกชื่ออ๊อดเพื่อนฝรั่งเรียกแกว่าอ๊อตโต กำลังนั่งขัดกระดูกกรามปลาวาฬที่ใหญ่ยังกะงาช้างแมมม็อส ซื้อต่อมาจากชาวบ้าน แกบอกว่ามีคนมาขอซื้อให้ราคาเท่าไรแกก็ไม่ขาย จะรักษาไว้ให้ลูกหลานดู ผมออกเดินย่ำรองเท้าแตะนันยางกลางแดดร้อนเปรี้ยงยกขวดน้ำขึ้นจิบไปเรื่อย ๆ ห่างจากร้าน Otto มาสักอึดใจแม้ว เห็นเพิงจากประดับประดาด้วยผ้าบาติกเพ้นท์ลายโดดเด่นไม่เหมือนชาวบ้าน ผมหยุดดู ศิลปินวัยรุ่นกำลังลงเทียนบนผ้า หันมาส่งยิ้มผมก้าวเข้าในเพิงทันทีเพราะร้อนตับจะแลบอยู่แล้ว ไป ๆ มา ๆ เจ้าศิลปินบาติกวัยรุ่นเป็นเพื่อนอำเภอผมเอง มาจาก อ.สทิงพระ เพื่อนที่มาก่อนชักชวนกันมา เลี้ยงชีพด้วยการเขียนผ้าบาติกขายนักท่องเที่ยว ผมนั่งคุยกับพวกเขาด้วยความชื่นชมวิถีชีวิต ผมเสียอีกที่อ่อนแอยอมแพ้ต่ออำนาจครอบงำทรยศจิตวิญญาณของตนเอง ทั้งที่ใจรักชีวิตอิสระกลับยินยอมเอาเน็คไทมาล่ามคอทุกเช้า กระทั่งผีร้ายดูดเอาพลังชีวิตของผมไปจนชราภาพมาเยือนจึงได้ฉุกคิด ผมพบคนหนุ่มที่ชัดเจนกับวิถีทีไรอยากบอกพวกเขาว่าเดินต่อไป..เดินไปโลด! บังเอิญมีรถมาจอดถามได้ความว่าไปแค่บากันเตียง ผมเลยได้ย่นระยะเดินไปช่วงหนึ่ง ที่บากันเตียงแวะกินก๋วยเตี๋ยวเนื้อแสนอร่อย นั่งฟังชาวเกาะคุยกันเรื่องออกไปหาหมึก นั่งเขียนรูปร้าน “Sailor Drunker” ที่ออกแบบร้าน..จัดร้านได้น่ารักน่าชัง...พอ ๆ กับสาวน้อยสายเดี่ยวในร้าน (ที่ซึ่งภายหลังผมกับเพื่อนมาใช้เวลาแทบทั้งวัน..ทั้งนั่งเล่น..ทั้งงีบหลับ) เดินต่อไปเรื่อย ๆ ผ่านเนินที่ผมเกือบจะตกเขาเอาชีวิตมาทิ้ง พักมองดูผืนน้ำจรดขอบฟ้านั่งคิด “ผมตายที่ตรงนี้ก็ไม่เลว..วิวสวยดี” พ้นจากเนินนั่น ถนนเป็นลูกรังฝุ่นฟุ้ง ผมย่ำเดินจนลิ้นแทบออกมาอยู่ปลายคาง พักแล้วเดิน..พักแล้วเดิน..แต่ก็ใช่โชคชะตาจะเลวร้ายไปทั้งแพคเก็จมีรถกระบะใจดีรับผมมาลงที่ 'ภู-เล' ซึ่งเป็นรีสอร์ทสุดท้ายก่อนเข้าเขตอุทยานฯ ผมเดินช่วงสุดท้ายเป็นเขตป่าเขาของอุทยานฯ ผมเดินจนรองเท้าขาด เป็นประสบการณ์เดินทางไกลที่ยอดเยี่ยมในความทรงจำ แต่ขณะนั้นจำได้แค่เหนื่อยแทบขาดใจ! ผมผ่านโค้งสุดท้ายลงมามองเห็นฝาแฝดไท ธนาวุธนั่งยิ้มฟันขาวอยู่ในป้อม โล่งใจที่มาถึง! เป็นชัยชนะเล็ก ๆ ที่ไม่ได้สลักสำคัญกับใคร แต่ยิ่งใหญ่สำหรับผม ใช่! มันเป็นการชนะตัวเอง เอาชนะขีดจำกัดของร่างกายตัวเอง! ผมเมื่อยล้า..ก้าวขาไม่ไหวไปหลายวัน!
(คิดเหมือนง่าย แต่ไม่ยักง่ายอย่างที่คิด!)
ก่อนล่ำลายังชวนผมให้มาลงเต้นท์ข้าง ๆ ร้าน ผมขอบอกขอบใจ แต่ในใจเห็นจะไม่ล่ะ ตั้งใจว่าเที่ยวนี้จะบำบัดอาการแอลกอฮอล์ลิกสักที ขืนนอนข้างร้านเหล้าจะให้หลับตาลงไปได้อย่างไรกัลล์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น