ลำแสงสนธยากำลังลูบไล้ผืนหล้าอย่างอ่อนโยน ใบไม้เขียวอ่อนถูกเคลือบแสงส้มขยับยักย้ายอ้อนสายลมเย็นส่ายไหว ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ ส่งใจไปหาเธอที่อยู่แสนไกล
นานแล้วไม่ได้เขียนหนังสือ
สายลมที่หยุดพัดพาจะคงค่าแห่งสายลมได้อย่างไร นกไพรที่หยุดร้องเพลงกล่อมพันธุ์พฤกษ์คงไม่ต่างนกไม้ที่ทำได้แค่ขยับปีกซึ่งถูกขึงด้วยเส้นเชือก สีหน้าเฉื่อยชาวงตาไร้แววทำเหมือนว่ายังมีชีวิตอยู่
วันเวลาที่ปลายนิ้วหลับใหลนั้นทรมานใจนัก ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฉันจะคิดสูดลมหายใจไร้กลิ่นอายอักขระผ่านเข้าร่างกาย กระนั้นชีวิตก็เหมือนจะบีบบังคับกันร่ำไป วันเวลาแห่งการขีดเขียนพำนักอยู่กับฉันเพียงช่วงสั้น ๆ คล้ายอาคันตุกะผ่านทางแวะพักชั่วคืนก็จากไป ทิ้งร่องรอยอาลัยให้หวนคิดคำนึง
ฉันจมอยู่ในห้วงสมุทรแห่งความป่วยไข้ย่างเข้าวันที่สี่แล้ว
ห้วงสมุทรที่ลึกล้ำดำมืด ยากพบผู้คนกร้ำกราย ภาษาของฉันไม่อาจทำหน้าที่ของมันอย่างที่ควรเป็น พวกวิหกไหนเลยเข้าใจภาษาของหมู่ปลา ฉันยังต้องหุบปากนิ่งซ่อนน้ำเสียงเสียในมุมมืดของความเจ็บป่วย ผ่าวร้อนอยู่ในเปลวเพลิวแห่งความทุกข์ทรมาน
บางครั้งฉันนึกถึงใครบางคน
บางคนที่หาได้มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ ใครสักคนที่ส่งใจมานั่ง่ลงข้าง ๆ ร่างสิ้นเรี่ยวแรงหายใจรวยรินอยู่นี้ ใช้มือสัมผัสโดยแผ่ว ไม่มีคำกล่าวมากความ แค่แววตาห่วงใยทอดมอง เท่านี้ร่างกายสิ้นแรงก็คงคืนกระปลี้กระเปล่า คืนหวังว่ายังมีแสงทองทอประกายอยู่ตรงสุดปลายอุโมงค์แห่งโรคภัยไข้เจ็บนี้
ฉันรู้ดี..นั่นเป็นความอ่อนแอ
มันเกิดขึ้นเสมอเมื่อหนังสือชีวิตพลิกมาถึงหน้าที่ไม่อาจช่วยตัวเอง กระทั่งลมหายใจยังต้องเคี่ยวเข็ญลำเค็ญ
ทุกครั้งฉันผ่านคืนวันวิบากกรรมมาได้ด้วยตัวเอง แลครั้งนี้ก็จะไม่ต่าง
ฉันฝันถึงคืนวันที่จะกลับไปนั่งเขียนหนังสือประดุจเรือประมงซอมซ่อรอวันกลับคืนฝั่ง ในทะเลนั้นโหดร้ายนัก วันเวลากับแรงคลื่นซัดเปลวแดดแผดเผาหาใช่คืนวันสำหรับเรือประมงเก่ากรอบรอบลำเต็มด้วยบาดแผลทะเลลำนี้เลย คืนวันที่จะได้สู่ฝันอยู่ในไออุ่นของกระจ่างจันทร์ อาบเงามะพร้าวส่ายไหวในสายลมยามค่ำต่างหากเป็นวันเวลาที่ถวิลหา
แต่เรือประมงไม่อาจกระทำเยี่ยงนั้นหากยังมั่นว่าคือเรือประมง
เรือประมงที่หยุดหาปลาก็คงไม่ต่างเรือปลดระวางเกยท่า รอวันผุสลาย
ไหนเลยยินยอมให้เป็นเช่นนั้น ฉันยังคงรับใช้ชีวิตตรงต่อหน้าที่พึงกระทำ ยังเป็นเรือประมงที่กรำทะเลชีวิตวันแล้ววันเล่า ด้วยหัวใจที่เฝ้าฝันถึงวันเวลาสงบอยู่ในสายลมแห่งมวลอักษร
คลื่นชีวิตกระหน่ำซ้ำซ้ำ กระแทกซ้ำซ้ำ เหมือนตรวจสอบความคงทนของตัวเรือ จะยินยอมถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยหายไปในความเวิ้งว้าง หรือประคองลำคลำล่องน้ำคืนสู่ฝั่ง คืนสู่เงามะพร้าวอ้อมจันทร์ฉายสายลมละมุน และนั่งลงเขียนหนังสือ
เธอรู้ดีฉันเลือกอย่างไหน ●
นานแล้วไม่ได้เขียนหนังสือ
สายลมที่หยุดพัดพาจะคงค่าแห่งสายลมได้อย่างไร นกไพรที่หยุดร้องเพลงกล่อมพันธุ์พฤกษ์คงไม่ต่างนกไม้ที่ทำได้แค่ขยับปีกซึ่งถูกขึงด้วยเส้นเชือก สีหน้าเฉื่อยชาวงตาไร้แววทำเหมือนว่ายังมีชีวิตอยู่
วันเวลาที่ปลายนิ้วหลับใหลนั้นทรมานใจนัก ไม่เคยเลยสักครั้งที่ฉันจะคิดสูดลมหายใจไร้กลิ่นอายอักขระผ่านเข้าร่างกาย กระนั้นชีวิตก็เหมือนจะบีบบังคับกันร่ำไป วันเวลาแห่งการขีดเขียนพำนักอยู่กับฉันเพียงช่วงสั้น ๆ คล้ายอาคันตุกะผ่านทางแวะพักชั่วคืนก็จากไป ทิ้งร่องรอยอาลัยให้หวนคิดคำนึง
ฉันจมอยู่ในห้วงสมุทรแห่งความป่วยไข้ย่างเข้าวันที่สี่แล้ว
ห้วงสมุทรที่ลึกล้ำดำมืด ยากพบผู้คนกร้ำกราย ภาษาของฉันไม่อาจทำหน้าที่ของมันอย่างที่ควรเป็น พวกวิหกไหนเลยเข้าใจภาษาของหมู่ปลา ฉันยังต้องหุบปากนิ่งซ่อนน้ำเสียงเสียในมุมมืดของความเจ็บป่วย ผ่าวร้อนอยู่ในเปลวเพลิวแห่งความทุกข์ทรมาน
บางครั้งฉันนึกถึงใครบางคน
บางคนที่หาได้มีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ ใครสักคนที่ส่งใจมานั่ง่ลงข้าง ๆ ร่างสิ้นเรี่ยวแรงหายใจรวยรินอยู่นี้ ใช้มือสัมผัสโดยแผ่ว ไม่มีคำกล่าวมากความ แค่แววตาห่วงใยทอดมอง เท่านี้ร่างกายสิ้นแรงก็คงคืนกระปลี้กระเปล่า คืนหวังว่ายังมีแสงทองทอประกายอยู่ตรงสุดปลายอุโมงค์แห่งโรคภัยไข้เจ็บนี้
ฉันรู้ดี..นั่นเป็นความอ่อนแอ
มันเกิดขึ้นเสมอเมื่อหนังสือชีวิตพลิกมาถึงหน้าที่ไม่อาจช่วยตัวเอง กระทั่งลมหายใจยังต้องเคี่ยวเข็ญลำเค็ญ
ทุกครั้งฉันผ่านคืนวันวิบากกรรมมาได้ด้วยตัวเอง แลครั้งนี้ก็จะไม่ต่าง
ฉันฝันถึงคืนวันที่จะกลับไปนั่งเขียนหนังสือประดุจเรือประมงซอมซ่อรอวันกลับคืนฝั่ง ในทะเลนั้นโหดร้ายนัก วันเวลากับแรงคลื่นซัดเปลวแดดแผดเผาหาใช่คืนวันสำหรับเรือประมงเก่ากรอบรอบลำเต็มด้วยบาดแผลทะเลลำนี้เลย คืนวันที่จะได้สู่ฝันอยู่ในไออุ่นของกระจ่างจันทร์ อาบเงามะพร้าวส่ายไหวในสายลมยามค่ำต่างหากเป็นวันเวลาที่ถวิลหา
แต่เรือประมงไม่อาจกระทำเยี่ยงนั้นหากยังมั่นว่าคือเรือประมง
เรือประมงที่หยุดหาปลาก็คงไม่ต่างเรือปลดระวางเกยท่า รอวันผุสลาย
ไหนเลยยินยอมให้เป็นเช่นนั้น ฉันยังคงรับใช้ชีวิตตรงต่อหน้าที่พึงกระทำ ยังเป็นเรือประมงที่กรำทะเลชีวิตวันแล้ววันเล่า ด้วยหัวใจที่เฝ้าฝันถึงวันเวลาสงบอยู่ในสายลมแห่งมวลอักษร
คลื่นชีวิตกระหน่ำซ้ำซ้ำ กระแทกซ้ำซ้ำ เหมือนตรวจสอบความคงทนของตัวเรือ จะยินยอมถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยหายไปในความเวิ้งว้าง หรือประคองลำคลำล่องน้ำคืนสู่ฝั่ง คืนสู่เงามะพร้าวอ้อมจันทร์ฉายสายลมละมุน และนั่งลงเขียนหนังสือ
เธอรู้ดีฉันเลือกอย่างไหน ●
Tags: essay
, Letter in a Bottle