บทนำ
ยุทธภพมีเสียงร่ำลือ..ถึงการเกิดขึ้นของ
หอหนึ่งในใต้หล้า
สถานที่ลี้ลับพิสดาร
ไม่มีผู้ใดสามารถค้นพบ
หอหนึ่งในใต้หล้า
สถานที่ลี้ลับพิสดาร
ไม่มีผู้ใดสามารถค้นพบ
มันแฝงตัวในม่านหมอกไม่อยู่คงที่ราวมีชีวิต
ฟังว่าเป็นหอสูงทะมึนเทียมเมฆ
บรรจุไว้ด้วยเหล่าผู้กล้าเยี่ยมยุทธ์
คิดเข้าภายในยากเย็นแสนเข็ญเสียกว่าเข้าวังหลวง
สิ่งที่พวกมันเฝ้ารักษาย่อมมีคุณค่ามหาศาล
แม้เปรียบกับทรัพย์สมบัติทั้งท้องพระคลัง
ยังหาได้กระตุ้นความสนใจได้เทียมเท่า
เนื่องเพราะภายใน ‘หอหนึ่งในใต้หล้า’
ซุกซ่อนสิ่งล้ำค่าสำคัญยิ่งยวดต่อชาวยุทธ์
คัมภีร์ที่ปรมาจารย์เตียบ่อกี้รจนา
ตำนานกล่าวว่า ท่านฝังรวมกับ กระบี่อิงฟ้า-ดาบฆ่ามังกร ณ ถ้ำลี้ลับแห่งหนึ่ง
ยุคนั้นเหล่าผู้กล้าต่างออกค้นหาล้วนประสบความล้มเหลว
ข่าวคราวสาบสูญพร้อมกาลเวลาล่วงลับ
ยังมีตำราพิชัยยุทธ์ที่ปรมาจารย์ก๊วยเจ๋งท่านอึ้งย้งร่วมกันรจนา
หลังจากท่านทั้งสองสละชีพในสมรภูมิ ตำราพิชัยยุทธ์ถูกมอบต่อ
ผ่านทายาทหลายรุ่น ผ่านยุคสมัยจนผู้คนลืมเลือน
ยังไม่นับเคล็ดวิชาเก้ากระบี่เดียวดายอันลือลั่น เคล็ดวิชาดูดดาว คัมภีร์ทานตะวัน
ล้วนถูกเก็บรักษาไว้ที่นี่
ในเสียงร่ำลือ โอ่ประโคมจนเพริศแพร้ว
กระตุ้นความสนใจของเหล่าผู้กล้าทั้งฝ่ายธัมมะและอธรรม
เสียงร่ำลือยิ่งมายิ่งพิสดารล้ำลึก
เหล่าทักษะยุทธ์พากันออกเดินทางค้นหา
บางท่านสูญหายระหว่างทาง
บางท่านล้มเลิกความตั้งใจ
หลายท่านยังคงเดินทางดั้นด้นค้นหาต่อไป
ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยัน คำร่ำลือเที่ยงแท้เพียงใด
กระตุ้นความสนใจของเหล่าผู้กล้าทั้งฝ่ายธัมมะและอธรรม
เสียงร่ำลือยิ่งมายิ่งพิสดารล้ำลึก
เหล่าทักษะยุทธ์พากันออกเดินทางค้นหา
บางท่านสูญหายระหว่างทาง
บางท่านล้มเลิกความตั้งใจ
หลายท่านยังคงเดินทางดั้นด้นค้นหาต่อไป
ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยัน คำร่ำลือเที่ยงแท้เพียงใด
แต่...ขอแค่ท่านมีความเชื่อมั่นแม้เพียงน้อยนิด
ท่านต้องออกเดินทางค้นหาสักครา...
ท่านต้องออกเดินทางค้นหาสักครา...
ชีวิตล้วนเต็มด้วยเรื่องราวน่าค้นหาอยู่แล้ว หรือมิใช่?
เงาทะมึน ‘หอหนึ่งในใต้หล้า’ คลี่คลุมทั่วยุทธภพ
ท่านจะรู้เยี่ยงไร ว่ามันอยู่ที่ใด ?
เสียงร่ำลือกล่าวว่า...
เมื่อไรกลิ่นไอฆ่าฟันรุนแรงขึ้น
นั่นบ่งบอกว่า..ท่านได้เข้าใกล้มันแล้ว!
ท่านจะรู้เยี่ยงไร ว่ามันอยู่ที่ใด ?
เสียงร่ำลือกล่าวว่า...
เมื่อไรกลิ่นไอฆ่าฟันรุนแรงขึ้น
นั่นบ่งบอกว่า..ท่านได้เข้าใกล้มันแล้ว!
ตอนที่ ๑. เภทภัยกล้ำกราย
๑ กระบี่ดาวตก
สนธยายังไม่สนธยา แสงสีเพลิงย้อมทุ่งหญ้าแดงฉาน
สายลมพัดพลิ้ว
กลีบบุบผาร่วงพรู
ทุ่งหญ้าที่คล้ายถูกฉาบทาด้วยคราบโลหิตโยนไหวไปมา เสียงอาวุธปะทะดังก้องทั้งอาณาบริเวณ รังสีฆ่าฟันกระจายอย่างรุนแรง แนวหญ้าลู่ล้มคล้ายคลื่นน้ำไล่ตามกันระลอกแล้วระลอกเล่า ประกายกระบี่สะท้อนแสงสนธยาวิบวับ
ในเสียงลมหวีดหวิว เงาร่างสองสายโผปะทะกลางอากาศ รวดเร็วดุจสายฟ้า ทั้งคู่ทะยานเข้าหักหาญด้วยพลังมหาศาล ความว่องไวของท่าร่างสุดหยั่งคาดคำนวณ
ทุกครั้งกระบี่ทั้งสองปะทะเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง แสงสว่างวาบแผ่ขยายเป็นวงกว้าง กิ่งไม้ใบไม้ร่วงพรูลู่ตามแรงคลื่นความร้อน เสียงระเบิดดังต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า สภาวะรอบด้านวุ่นวายปั่นป่วน ใบไม้ร่อนวนราวต้องลมพายุหมุน
สิ้นเสียงหวีดหวิวที่คล้ายปีศาจครางครวญ เห็นใบไม้ใบสุดท้ายพลิกพลิ้วปลิวร่วงลงซบยอดหญ้า
คลื่นรังสีฆ่าฟันพลันหยุดชะงัก
สายลมสนธยาพัดโชย อาภรณ์ขาวถูกย้อมด้วยแสงสีเพลิงสะบัดตามแรงลม ใบหน้าคมเข้มสงบนิ่งดุจภูผา กระบี่ในมือสะท้อนเงาแวววาว ปลายกระบี่ยังคงสั่นสะท้านคล้ายไม่ยินยอม มันเป็นกระบี่ดาวตกอันลือลั่น
กระบี่เดียวสยบทั่วปฐพี
ไม่ทราบมีชาวยุทธ์ผู้กล้าหลั่งโลหิตชโลมมาแล้วเท่าไร นับแต่มันออกผาดโผนไม่เคยพ่ายต่อผู้ใด กระบี่ของมันเฉกเช่นเดียวกัน
มันกับกระบี่
กระบี่กับมัน
เป็นหนึ่งเดียว
หนึ่งเดียวในยุทธภพที่เหล่าชาวยุทธ์เรียกขาน ‘กระบี่ดาวตก’
ปลายกระบี่ยังสั่นไหวเหมือนเร่งเร้าเข้าโจมตี มันขยับข้อมือเคลื่อนลมปราณออกควบคุม กระบี่สงบลง ดวงตาคมกล้าเพ่งมองบุรุษชุดครามเบื้องหน้าแน่วนิ่ง มันเอ่ยถาม
“ข้าพเจ้าก่อความคับแค้นแก่ท่าน?”
“ไม่มี” บุรุษชุดครามตอบ
“ข้าพเจ้ารังควานลูกเมียเครือญาติท่าน?”
“ไม่มี”
“ข้าพเจ้าเป็นหนี้ค้างชำระต่อท่าน?”
“ไม่มี”
“เช่นนั้นไยท่านลงมือใช้กระบี่?”
“นั่นต้องโทษตัวท่าน!” บุรุษชุดครามสะบัดกระบี่ในมือ ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้ใดใช้ท่านพกพากระบี่นั่น ผู้ใดเรียกท่านเป็นกระบี่ดาวตกที่เลื่องลือ นับว่าท่านแส่หาความยุ่งยากใส่ตัว” มันลอบเกร็งลมปราณ “วันนี้ท่านต้องตื้นตันสำนึกบุญคุณข้าพเจ้า”
กระบี่ดาวตกร้อง “อ้อ!”
บุรุษชุดครามกล่าวต่อว่า “นับจากวันนี้จะไม่มีผู้ใดตอแยอีก ท่านจะอยู่อย่างสุขสงบ วันนี้ของปีหน้าข้าพเจ้ายินดีมาคารวะท่าน”
“ท่านมั่นใจสามารถเอาชนะข้าพเจ้า?”
“ผู้ใช้กระบี่ไม่มีความมั่นใจไม่ยินยอมลงมือ”
“เช่นนั้น เชิญท่านทุ่มเทให้เต็มกำลังเถิด”
กล่าวจบรังสีกระบี่ของบุรุษชุดครามกรีดขวางถึงเบื้องหน้า มันยังยืนนิ่งแต่ปลายกระบี่ดาวตกในมือสั่นไหวแล้ว
บุรุษชุดครามยิ้มมุมปาก กระบี่ของมันแฝงพลังฝึกปรือกล้าแกร่งทั้งรวดเร็วทั้งรุนแรง มันมั่นใจกระบี่ของมันไร้ช่องว่างรอยโหว่ ขอเพียงลงมือก่อนไม่เคยมีผู้ใดหลบพ้น
แต่มันกลับไม่ทราบความจริงเรื่องหนึ่ง
ความมั่นใจ บางครั้งเฉกเช่นเดียวกับหลอกตัวเอง ผู้คนต่างปลุกขวัญ กระตุ้นความมั่นใจหวังชัยชนะทั้งไม่อาจเอาชนะ นั่นไยมิใช่หลอกตัวเองชนิดหนึ่ง บัดนี้มันแม้คิดได้กลับสายไปแล้ว
รอยยิ้มมุมปากปลาสนาการ ดวงตาเบิกกว้าง กระบี่ของมันสัมผัสร่างกระบี่ดาวตก แต่ไม่ทราบคนหายไปที่ใด
บุรุษชุดครามตกตะลึง สะกดกลั้นลมหายใจ มองกวาดรอบข้าง คล้ายมันยืนเพียงเดียวในทุ่งหญ้าไกลสุดตา พลันเสียงชายเสื้อปะทะลมหวีดหวิวจากเบื้องบน มันเงยหน้าตาเบิกโพลง เงากระบี่แดงฉานฉายเข้าในดวงตา จากนั้นเป็นความเย็นลึกล้ำ เย็นยะเยียบจนสั่นสะท้าน
สนธยากลับสนธยาแล้ว
แสงรำไรฉายฉานตรงขอบฟ้า
เงามืดคลี่เคลื่อนเข้าคลุมทิวเขา
ที่ริมผา..มันยืนโดดเดี่ยวเดียวดาย อาภรณ์ขาวพลิ้วไหวตามแรงลม มันทอดถอนใจ ผู้คนในต่ำใต้ต่างทุ่มเทแลกชีวิตกับเรื่องราวไร้สาระ มันเองหาได้ยกเว้น ยังมีเรื่องต้องกระทำ ต้องทุ่มเทแลกชีวิต ม่านวิกาลคลี่ผ่านทิวเขาเบื้องหน้า บุรุษหนุ่มเกร็งลมปราณทะยานออกไป เกิดประกายแสงเจิดจ้าดุจดาวตกสว่างวาบพุ่งผ่านนภา