เธอเชื่อว่าการเขียนเป็นเรื่องเฉพาะตัวและเป็นการลงทุนทางอารมณ์สูง แม้จะรักการเขียนมาตลอดชีวิต แต่สิ่งที่เธอฝันอยากเป็นคือ คนเก็บขยะ! ทำไม?
นักเขียนหญิงที่มาพูดคุยกับเราวันนี้สร้างสรรค์ผลงานออกมาแล้ว 3 เล่ม แต่ละเล่มล้วนเป็นแนวผสมผสานเรื่องจริงกับจินตนาการ (magical realism) ที่มีกลิ่นอายทางตอนใต้ และเหตุผลของการเขียนเรื่องแนวนี้ ก็เพราะเธอชอบอ่าน มันเป็นแนวเรื่องที่เธอโปรดปรานอย่างมาก และได้อ่านครั้งแรกเมื่อตอนเรียนวิทยาลัย ซึ่งซาร่าเปรียบว่าเป็นการเปิดโลกใบใหม่ รวมถึงชื่อเรื่องของนวนิยายแต่ละเรื่องก็ล้วนมิอาจลืมเลือน ซึ่งเสมือนรักครั้งแรกยังไงยังงั้นเชียว
ซาร่า เล่าให้ฟังว่าแม้จะรักการเขียนมาตลอดชีวิต ทว่าเธอไม่เคยนึกอยากเป็นนักเขียนแม้แต่น้อย สิ่งที่เด็กหญิงฝันอยากเป็นคือคนเก็บขยะ!
จนเมื่อจบจากวิทยาลัยนั่นแหละซาร่าจึงอยากมีอาชีพเป็นนักเขียน เธอซุ่มเขียนเป็นเวลา 12 ปี ได้เงินจากการขายเรื่องบ้างเล็กน้อย จนวันหนึ่งจึงได้ตระหนักว่า เวลาที่ผ่านมาเธอพยายามไล่ตามเขียนอย่างบ้าคลั่งในแบบเดียวกับหนังสือที่กำลังมาแรงในตลาด แต่ก็ไม่สามารถขายได้สักเรื่อง จนที่สุดเธอจึงตัดสินใจได้ว่าเธอจะเขียนแต่ในสิ่งที่ต้องการเขียน ไม่ใช่เขียนเรื่องที่คิดว่าจะได้ตีพิมพ์
และนับแต่นั้นมาเธอก็เขียนตามเสียงที่อยู่ในใจของตัวเอง นวนิยายเรื่องแรก Garden Spells จึงถือกำเนิดมาจากจุดนี้และสร้างจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ ครั้งแรกให้แก่ชีวิตของเธอ
ซาร่าสรุปบทเรียนในครั้งนั้นว่า "สำหรับฉันการเขียนเป็นเรื่องเฉพาะตัวและเป็นการลงทุนทางอารมณ์สูง หากฉันไม่ได้รู้สึกในสิ่งที่ฉันเขียน มันก็จะไม่สำเร็จ เมื่อตอนที่ฉันพยายามเขียนตามตลาด ฉันเขียนถึงสิ่งที่ฉันไม่ได้รู้สึกใส่ใจกับมันสักนิด เพียงเขียนเพื่อให้ได้ตีพิมพ์เท่านั้น"
ประสบการณ์สมัยเรียนวิทยาลัยช่วยเธออย่างมากในการเขียน แต่ความจำเป็นที่ต้องอ่านอย่างมากมายในช่วงเรียนปริญญาโททางด้านวรรณคดีก็เป็นส่วนที่ทำให้การเขียนสมบูรณ์ขึ้นโดยเฉพาะเรื่องไวยากรณ์จากห้องเรียนฝรั่งเศส และการเขียนข่าวที่สอนให้รู้ถึงแกนหลักของเรื่อง
ซาร่าเป็นนักเขียนผู้หนึ่งที่ไว้วางใจในกระบวนการเขียน เพราะเมื่อถามถึงอุปสรรคในการสร้างตัวละคร เธอยอมรับว่ามีปัญหามากในตอนช่วงแรก แต่เมื่อเขียนไปเรื่อยๆ ก็เหมือนกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ต้องใช้เวลา แล้วปัญหาก็จะหมดไปเอง
กระบวนการเขียนของซาร่าเป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง โดยเริ่มจากความคิดอันหนึ่ง มีเนื้อหาเรื่องคร่าวๆ ซึ่งเมื่อลงมือเขียนหลายสิ่งก็เปลี่ยนแปลง มีตัวละครใหม่ๆ เกิดขึ้น บางตัวก็หายไปและเชื่อไหมหากซาร่าบอกเราว่าแม้สิ่งที่เป็นเรื่องเหนือจริงอันเป็นสิ่งสำคัญในเรื่องก็เพิ่งเกิดขึ้นในระหว่างการเขียนนี่เอง ซึ่งแม้แต่ตัวเธอเองก็ยังประหลาดใจในการปรากฏของสิ่งเหล่านี้
ดังนั้นการเสกสรรปั้นแต่งขณะเขียนไปด้วยจึงเป็นส่วนที่เยี่ยมที่สุด แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นส่วนที่แย่ที่สุดด้วยก็ได้
"เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยมั่นคงเท่าไรนักหรอก กับการไม่รู้ว่าไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่มันก็ทำให้ฉันได้เรียนรู้ที่จะไว้ใจกระบวนการเขียน!" ซาร่าสรุป
เรื่องที่ซาร่าเขียนจบมักไม่ค่อยเหมือนเป๊ะกับเรื่องที่เธอตั้งใจจะเล่าแต่แรก ดังนั้นกระบวนการตรวจแก้ไขจึงเกิดขึ้นขณะเขียนไปด้วย แล้วเมื่อเขียนร่างเสร็จก็จะหวนกลับไปตรวจแก้ไขทั้งหมดอีก
สุดท้ายซาร่าได้ฝากสิ่งที่เธออยากให้นักเขียนคนอื่นๆ รู้ นั่นคือ
"อย่ายอมแพ้ในวันที่หมองหม่นเพราะความสำเร็จเกิดขึ้นจากสิ่งเหล่านี้ วันที่มืดดำจะทำให้วันที่สดใสดูเหมือนจะสว่างไสวกว่าปกติ และเจิดจ้าจนคุณแทบมิอาจต้านได้"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น