อกหักมาพักนึงแล้วพี่ทั่น พี่ทั่นอาจรำพึง 'เรื่องอะไรมาบอกตูข้า(ฟะ) อกเอ็งก็อกเอ็ง ข้าไม่เกี่ยว' แต่โปรดได้รับฟังสักนิดหน่อยเถิดขะรับ (แค่เอ่ยนามทำหัวใจข้าพเจ้าหรุบหรู่ปานพนมเทียนต้องลมจะดับมิดับแหล่)
ก็เพราะความรักครานี้มีพี่ท่านร่วมรับทราบแต่ต้น บั้นกลางนั้นจะดำเนินไปเยี่ยงไร ข้าพเจ้ามิเคยส่งข่าว เพราะสุขสันต์หรรษาดีอยู่ (เป็นธรรมดาขะรับ ยามตนสุขไหนเลยมีเวลาคำนึงถึงสหาย ย่อมใช้เวลาเปรมปรีดารสไปตามลำพังตน ต่อวันใดหันทางไหนไม่เห็นใครแล้วแลจึงหันหาสหาย..เป็นธรรมดา..เป็นธรรมดา..)
พี่ทั่นยังจำ 'นิดหน่อย' ได้เปล่า? (แรกพบนิดหน่อย..คลิก)
นิดหน่อยกับเพื่อน ๆ ปั่นจักรยานมาตลาดนัดทุกเช้าวันเอาทิตย์ ปกติตลาดนัดโรแมนติกที่สุดในโลกของข้าพเจ้านั่นเฉาแห้ง แข็ง ทื่อ และจำเจ แม่ค้าหน้าเดิม ลูกค้าหน้า (เหี่ยว ๆ) เดิม ๆ (โดยมากเป็นป้า ๆ ยาย ๆ มาจ่ายตลาด) ข้าพเจ้านั่งซดน้ำชา มือว่างก็ขีด ๆ เขี่ย ๆ ไป คิดถึงพี่ท่านทุกคราเช้าวันอาทิตย์ อยากเคาะตัวหนังสือมาหาไม่เว้นนัด หลายครั้งจดยึกยือไว้แล้วในสมุด กลับถึงขนำจำเป็นให้มีกิจอื่นกระทำก่อน ย้อนหาสมุดอีกที ความสดเหือดหายไป คล้ายองุ่นกลายเป็นลูกเกด คิดส่งให้พี่ท่านกระไรอยู่ เลยเก็บไว้เสียเอง (ข้าพเจ้ายังหลงรักลูกเกดไม่เสื่อมคลาย ต่อเธอแต่งไปแล้วก็เถอะ!)
ครั้นเช้าอาทิตย์เวียนมาอีกก็คิดถึงอีก คิดเขียนอีก บางครั้งได้แค่หัวข้อ ไปต่อไม่ได้ หลายครั้งยาวเกินไปจบไม่ลง (อยากบ้องกบาลตัวเอง)
และแล้วเมื่อมีนิดหน่อยผ่านเข้ามา ฉากตลาดนัดเหี่ยว ๆ เคยตา กลายสว่างไสว เต็มด้วยแสงสีสดใส นิดหน่อยคงขยันสางผม (อาจโกรกสีด้วยเพราะดูเหลื่อมสีหมากสุกไม่ถึงดำ) ผมยาวของเธอจึงเหยียดตรงไม่มีพันหรือฟ่องฟู มีสายคาดผมทุกครั้ง ดวงตากลมโต ใบหน้ากลมมนเต่งตึงเรียบเนียนไร้ไฝฝ้าราคี สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นรัดรูป เดินอย่างมาดมั่น ต่างกับสาว ๆคนอื่น ๆ ข้าพเจ้าเดาเอาว่านิดหน่อยจะตัองอาบน้ำอาบท่าก่อนมาตลาดแน่ ๆ โดยมากไม่ค่อยมีใครกระทำดอกขะรับ (ข้าพเจ้าด้วย) แหกขี้ตาก็คงเร่งเผ่นออกมา อาจวักน้ำลูบหน้า หวีผมพอเป็นพิธี ก็เพราะหากขืนชักช้าตลาดจะวาย
นิดหน่อยคงรู้ว่าข้าพเจ้าแอบมอง เธอมักทำหน้าตาเฉยเมยเดินผ่านไป แต่จะแวะกลับมาซื้อโกโก้เย็นใส่ถุงทุกครั้ง ขณะคอยหันพูดคุยกับเพื่อน ๆ ด้วยน้ำเสียงสำเนียงแบ็งค็อกเคี่ยนมาดมั่น เมื่ออยู่กับกลุ่มเพื่อนนิดหน่อยจะคล้ายไข่แดงของไข่ดาว ก็เพราะที่เหลือออกแนวสาวชาวเล ผิวเกรียมคล้ำ ผมฟู เสื้อผ้าหลวมโพรก นิดหน่อยพูดคุยโดยไม่หันมองข้าพเจ้า ทั้งรู้ว่าข้าพเจ้ามองอยู่ (ข้อนี้อาจคิดไปเอง) แต่จริตจะก้านเช่นนี้กระมังขะรับ ทำให้หัวใจเหี่ยว ๆ พองฟู สัมผัสไร้เดียงสาที่ผ่านมานานเพียงใดแล้ว..มิอาจจดจำ มีบางหนเธอเหลือบตามองมา ข้าพเจ้ารีบส่งยิ้มให้ ยิ้มตอบของเธอทำเอาข้าพเจ้าลอยไปเกาะปลายสน
เช้าวันอาทิตย์จึงมีเรื่องให้ข้าพเจ้ากระชุ่มกระชวย พ้นไปจากชาร้อนไม่หวานปาท่องโก๋สามตัว ได้นั่งดูแฟชั่นการแต่งกายของนิดหน่อย ตั้งแต่สายคาดผม เสื้อยืดลายโน่นนี่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ (กางเกงขาสั้นรัดรูปอาจไม่ค่อยเปลี่ยนมักเห็นแต่สีดำ ไม่รู้ตัวเดิมเปล่า)
ซดน้ำชาไปข้าพเจ้าคิดไป 'เอ่อนะ หากบอกนิดหน่อยว่านี่ตะเองเรามาเป็นแฟนกันมั้ย? เราจะได้คุยกันมากกว่านี้หน่อย ดีกว่าเอาแต่นั่งมองอยู่หยั่งงี้' เธอจะว่าไงนะ ไม่ก็ไปที่บ้านพูดคุยกะแม่พ่อนิดหน่อยขอหมั่นไว้เสียเลย (อาจโดนถีบตกเรือน) คิดไปเรื่อยเปื่อยขะรับพี่ทั่น อย่างน้อยก็ทำให้โลกปลายนาที่มีแต่เสียงนกเสียงกาสดชื่นขึ้นสัปดาห์ละครั้ง
แต่นิดหน่อยไปแล้ว
ไม่มาตลาดนัดอีกแล้ว หายไปร่วมเดือนแล้วขะรับ แรก ๆ ข้าพเจ้าตั้งตาคอย ไม่มานัดนี้รอไว้นัดหน้าก็ได้ แต่นิดหน่อยไม่เคยโผล่มา พี่ท่านอาบน้ำร้อนมาก่อนคงจดจำอารมณ์นี้ได้ดีโดยมิพักบรรยายความรู้สึก ตลาดนัดโรแมนติกข้าพเจ้ากลับกลายว่างเปล่า เหงาหง่าว น้ำชากลายรสน้ำล้างแก้ว ปาท่องโก๋เหม็นหืนน้ำมันค้างปี ข้าพเจ้านั่งหันไปหันมาไม่มีที่ทางให้วางตา เห็นแต่คุณยายคุณป้าเดินจ่ายตลาดขวักไขว่ โลกกลม ๆ ของข้าพเจ้าถูกทำลายแหว่งไปครึ่งใบเหมือนเดธสตาร์ของพวกจักรวรรดิในสตาร์วอร์ มันไม่เต็มอีกแล้ว พี่ท่านเข้าใจอารมณ์นี้ใช่ไหม..ข้าพเจ้าอกหัก!
เธอจากไปโดยที่ไม่ร่ำลา หายไปเหมือนไม่เคยพบกันมาก่อน สายตาเมินเฉยสำเนียงมาดมั่นไม่มีอีกแล้ว
ข้าพเจ้ารู้สึกตัวเองคล้ายหมาชายหาด หากพี่ท่านไปพักผ่อนริมทะเลจะพบหมาพวกนี้ สายตาพวกมันตอนมองพี่ท่านมิต่างข้าพจ้ามองนิดหน่อย สร้อยเศร้า อาทร เต็มด้วยมิตรไมตรี และค่อย ๆ เข้ามากะลิ้มกะเหลี่ย หากพี่ท่านยื่นอะไรให้มันสักชิ้น มันจะต้อยตามแจเป็นสาวกผู้ภักดีในทันที (คิดถึงข้าพเจ้าได้รอยยิ้มจากนิดหน่อยคงมิต่างเจ้าหมาชายหาดได้กระดูกไก่)
ตลอดหลายวันพักผ่อนริมทะเลพี่ท่านจะมีองครักษ์ รับรองไปไหนปลอดการรังควานจากมาเฟียประจำถิ่น แต่ช่วงเวลาพักผ่อนมักไม่ยืนยาว (กระทั่งสั้นอย่างน่าใจหาย) พี่ท่านจะต้องกลับเข้าเมือง พี่ท่านเก็บข้าวของขื้นรถโดยมีองครักษ์วิ่งสะบัดหางอยู่ข้าง สตาร์ทเครื่องเคลื่อนรถออกจากที่พัก จากไปโดยมิได้หันมอง เจ้าหมาชายหาดวิ่งตามไม่ลดละ วิ่งจนยอมรับรู้ว่าไม่อาจติดตามให้ทัน มันหยุดยืนมอง ดวงตาละห้อยอาลัยหา โลกเวลาซึ่งหัวใจโดดเดี่ยวมีที่พักพิงทลายลงอีกครั้ง มันก้มหน้าคอตกเดินกลับสู่ชายหาด
ข้าพเจ้าคงเป็นอย่างนั้น นั่งตาปรอยอยู่ตรงนี้ บนเก้าอี้พับตัวเดิม ร้านกาแฟเจ้าเดิม มองความเคลื่อนไหวตรงหน้าเห็นเพียงความว่างเปล่า ข้าพเจ้าคงต้องพยายามอยู่กับตัวเองโดยไม่เอาความสุขไปผูกติดกับใคร ไม่งั้นเวลาแห่งความทุกข์ระทมคงแวะเวียนมาเยือนครั้งแล้วครั้งเล่า คงต้องยินยอมพึงใจภาพที่เห็นตรงหน้า (ถึงเต็มด้วยคุณยายคุณป้าก็ตามที) คงเหลือแต่ความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเคยปลื้มดวงตาคมซึ้งคู่นั้น รอยยิ้มนั้น ข้าพเจ้าคงไม่ได้พบนิดหน่อยอีกแล้ว
อ๊ะ! เดี๋ยวพี่ทั่น!
ฟ้าคงไม่ถึงใจไม้ไส้ระกำ ที่ปั่นจักรยานแหวกผู้คนด้วยมาดมั่นมานั่นตัวเล็กกว่านิดหน่อย สวมเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้น หน้าหวานแฝงจริตจะก้าน (เหมียนกัลล์) ต่างกับนิดหน่อยก็ที่ผิวเธอคล้ำแบบสาวชายเล ผมฟูหน้าเยิน (เชีย) คงยังไม่ได้อาบน้ำ จักรยานคันเล็กน่ารักสีชมพูแปะสติกเกอร์รอบคัน ข้าพเจ้าคงต้องเรียนรู้ที่จะหัดรักสาวพื้นถิ่น แม้ผิวกายจะคล้ำ พูดจาไม่ฉลาดฉะฉานอย่างนิดหน่อยซึ่งมาจากกทม. แต่เธออยู่ที่นี่ คงไม่ทิ้งตลาดนัดวันอาทิตย์ (และข้าพเจ้า) ไปไหน แน่ะปั่นจักรยานตรงมาแวะร้านขายของเล่นข้าง ๆ ที่สำคัญฟันหลอเสียด้วย
ความสิ้นสุดเป็นมารดาชราของการเริ่มต้น ดวงตะวันมักโผล่พ้นขอบฟ้าฉายแสงอุ่นเมื่อหลังการมาเยือนของค่ำคืนเหน็บหนาว หัวใจเหี่ยว ๆ เริ่มพองตัวคล้ายลูกโป่งได้ลมเป่า ชักจะตึงเต้นตูมตาม ข้าพเจ้าอาจเริ่มรักครั้งใหม่ หากเงียบหายไป ขอพี่ท่านรับทราบว่าโลกตลาดนัดโรแมนติกของข้าพเจ้าเข้าสู่ช่วงเปรมปรีดารส..อีกครั้ง
เรียนมาด้วยความระลึกถึง
ธุลีดิน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น