ที่สุดก็สำเร็จเสร็จสิ้น!

ครั้งเริ่มลงมือชักชวนเจ้ากระรอกน้อยออกเดินทาง ข้าพเจ้าเคยคิดหวังจะเขียนบันทึกการเดินทางชนิดหนึ่ง เป็นบันทึกการเดินทางของละอ่อนนักหัดเขียนแนมการรอนแรมในป่าอักษรที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่รู้จะเจอะเจออะไรเมื่อไร? เพื่อเก็บไว้เป็นแผนที่ประกอบการเดินทางครั้งต่อ ๆ ไป

ด้วยสำเหนียกว่าตลอดระยะเวลารอนแรม ข้าพเจ้าต้องพาไอ้กระรอกหลงทิศผิดทาง พลัดเขาตกห้วยเป็นแม่นมั่น หากทำการบันทึกไว้อาจได้อะไรบางอย่างที่ข้าพเจ้าเองหาล่วงรู้ไม่ว่าเป็นอะไร แต่อย่างน้อยระหว่างกำลังงมโข่งอยู่นั่น การระบายเรียบเรียงความคิดอาจทำให้ได้พบทางออก

ข้าพเจ้าไม่ได้กระทำดังตั้งใจ

เพราะพ่ายต่อความละอายในการที่จะเผยหางอึ่งของตนออกมา หรือบางครั้งรู้สึกคล้ายเป็นการบ่นกระปอดกระแปดซึ่งข้าพเจ้าก็ได้แต่ถามตัวเองว่า "เอ็งจะบ่นไปทำไม? เขียนไม่ออกก็เขียนไม่ออกสิ!" กับอีกหลายต่อหลายเหตุปัจจัย สุดท้ายไม่มีบันทึกการเดินทางของเจ้ากระรอก (ถึงตอนนี้ได้แต่นึกเสียดาย)

แต่ ณ ชั่วโมงนี้ นาทีนี้ ความละอายแลเหตุปัจจัยใด ๆ หาได้มีน้ำหนักไปกว่าความรู้สึกขณะนี้ ความรู้สึกตื้นตันในมุทิตาจิตอันได้รับจากสหาย จึ่งขอฝากบันทึกการเดินทางที่หน้าแรกเป็นหน้าสุดท้ายราวกับเปิดอ่านภาษาฮาโตริ(อย่างไรอย่างนั้น)

ข้าพเจ้าเพียรขัดเพียรเกลาเจ้ากระรอกอยู่ร่วมเดือน จนสุดวิสัยที่หางอึ่งน้อยจะกระดิกได้แล้ว (รวมทั้งเบื่อหน่ายเป็นกำลัง..หากคิดภาพไม่ออกลองอ่านนิยายพื้น ๆ ภาษาดาษ ๆ สำนวนตลาด ๆ หนาสองร้อยหน้าสักสามรอบขอรับ..ท่านจะได้อารมณ์ที่ว่า)

ข้าพเจ้ารู้ดีว่ายังต้องมีริ้วรอยรุ่มร่ามคำพลาดผิดกลบฝังอยู่อีกมากหลาย เพียงสายตาที่อ่อนล้าและคุ้นชินนั้นไม่มีทางเลยที่จะมองออกดูเห็น คิดถึงสหายร่วมน้ำใจรักเส้นทางสายอักษร แต่ก็พรั่นใจเกรงเป็นการรบกวนสหายจนเกินไป ด้วยตระหนักอยู่ว่าการต้องละลายสายตากับริ้วอักษรที่หาได้สังวาสด้วยรสนิยมแห่งตนนั้นช่างเป็นการทรมานกายใจนัก

เมื่อจนหนทางเข้า ข้าพเจ้าคิดเอาประโยชน์ข้างตนเป็นที่ตั้งอย่างหน้าชื่นตาบาน

เอ่..ลองส่งให้สหายพิจารณ์เถอะนา หากเหล่าสหายที่เคารพไม่ว่าง ไม่มีเวลาก็หาได้เสียหายอันใด แต่หากมีผู้ใดกรุณาผ่านตาย่อมเกิดประโยชน์โภชน์ผลต่อไอ้กระรอกเป็นแม่นมั่น คิดได้เช่นนั้นข้าพเจ้าจึ่งจัดการร่างลายอักษรกึ่งยิงกึ่งผ่านแนบไปกับสองร้อยหน้าของไอ้กระรอกน้อย

แล้วตั้งตาคอยด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน

ผ่านไปนานเอาการอยู่ นานเหมือนไอ้ขวัญรอแม่เรียมกลับคืนท้องทุ่งบางกะปิ ข้าพเจ้านั่งเป่าขลุยที่หัวนาเป็นเพลงรอของซิลลี่ฟูล(เพลงนี้ยังไม่ได้อัดแผ่น) จบไปสามรอบตามด้วยนานแค่ไหนก็จะรอของก๊อต จักรพรรณอีกหนึ่งรอบ

สายฝนฉ่ำชื่นจากท่านย่าโปรดมาห่าแรก (เอ..เดี๋ยว! มันชักจะไม่เหมาะนาเปรียบเป็นสายฝนมีลักษณะนามเป็นห่า..เอ่อ..ทำไมฝนต้องเป็นห่าด้วยล่ะเนี่ยทำไมไม่เป็นกอง เป็นกระบุง ไม่ก็เป็นบิ้งก็ยังดี เอาเถอะขอใช้สายฝนไปก่อน) ท่านต่อมาเป็นสหายป๋าไอซ์ กระทั่งสิ้นสุดสัปดาห์หนังสือการุณยพิจารณ์ฉบับพริ้นต์สองร้อยกว่าหน้าหนาปึ้กจากพี่ท่านอานันท์จึงโผล่มาวางแหมะ ณ ตู้ปณ.ริมทะเลสาบสงขลา

ข้าพเจ้าใช้เวลาอดตาหลับขับตาตื่นอีกร่วมสองสัปดาห์ ขัดเนื้อหา เกลาสำนวน ตรวจสอบคำผิด ทวนซ้ำสามสี่รอบ เปิดพจนานุกรมมือเป็นระวิง บางครั้งถึงกับไม่ได้กินข้าวกินปลา(ฝนตกหนักเสบียงหมด! ไม่เกี่ยวกับเกลากระบี่ฯ แต่อดข้าวจริง ๆ) เพ่งสายตาตามอักษรทีละตัวจนตาลายแทบอาเจียนออกมาเป็นไอ้กระรอก เพราะพบว่าตัวสะกดตกหล่นมีมากมายเสียเหลือเกิน เจอคำซ้ำมโหฬารต้องคิดเค้นเลี่ยงหาคำอื่นแต่คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก พบรูปประโยคที่หละหลวมต้องเรียบเรียงใหม่จนบางครั้งจ้องจออยู่ครึ่งค่อนวันกับแค่ประโยคเดียว และอีกร้อยแปดพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าประการพบ

ที่สุดก็สำเร็จเสร็จสิ้น!

เสร็จสิ้นด้วยจิตคารวะที่น้อมส่งถึงเหล่าท่าน หากไม่ได้คำทักท้วงของย่าหนุงข้าพเจ้าคงยังใช้คำ ภาค แทน ตอน อย่างใจเบา ปล่อยคำซ้ำให้ลอยนวลอยู่หน้าสลอน หากไม่ได้ข้อติงจากป๋าไอซ์ข้าพเจ้าก็ยังไม่สำนึกว่าโกมุทคือบัวแดง หาใช่บัวเฉย ๆ ดังข้าพเจ้าเข้าใจ แลหากไม่ได้ทุกลายมือยึกยือตลอดสองร้อยหน้าของพี่ท่านอานันท์ที่อ่านไปได้ทั้งคมคิดคมขำ ไอ้กระรอกน้อยก็คงไม่มีคุณลักษณ์แม้จะให้พิมพ์บนกระดาษชำระ

แลที่สำคัญยิ่ง ข้าพเจ้าได้เรียนรู้มากมาย เรียนรู้จากมุมคิดมุมเห็นที่แตกต่าง ได้ขยายเส้นขอบรอบวงของการมองออกไปอย่างไม่มีทางเลยที่จะเกิดขึ้นหากข้าพเจ้าเอาแต่หดศีรษะขีดเขียนอยู่ในกะลา ไม่ก็ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกหลายปีกว่าได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้

ข้าพเจ้างุนงง (ค่อนไปทางไม่ใคร่เชื่อถือ) ครั้งพบคำประพันธกรนามอุโฆษแห่งสยามประเทศกล่าวไว้ "มิตรแท้คือสิ่งสำคัญข้อต้นในทางของการประพันธ์" ด้วยข้าพเจ้าไม่เห็นทางไหนเลยที่คนเขียนหนังสืออันต้องขับเคี่ยวกับความเปลี่ยวเหงาจะรับประโยชน์โภชน์ผลจากการสมาคมในหมู่มวลมิตร นอกจากดึงเวลาพร่างนิ้วบนพรมอักษรไปเพลินพลิ้วพรายฟองเบียร์ จะมีคุณในแง่งานประพันธ์อยู่บ้างก็หากร่ำเมรัยแลกเปลี่ยนริ้วลายอักษรกัน แต่นั่นยังไม่ถึงทำข้าพเจ้าคล้อยเห็นที่จะจัดไว้เป็นสิ่งสำคัญข้อต้น

ถึงวันนี้..ตระหนักใจ

ทุกนาทีที่เหล่าท่านมอบให้ในการละลายสายตาไปกับอักษรโกโรโกโส ทุกคำแนะนำที่เหล่าท่านหยิบยื่น ก่อตัวขึ้นเป็นคำคำหนึ่ง คำที่ไม่สามารถเกิดขึ้นหากไร้เสียแล้วซึ่งหัวใจที่เปิดกว้าง พร้อมบรรณาการ อ่อนน้อมถ่อมตน เปี่ยมด้วยปราถนาดี ไร้มายาคติใด คำที่ข้าพเจ้าคิดหวังจะเป็นเช่นนั้นเสมอมา..มิตรแท้

ด้วยจิตคารวะ
ธุลีดิน

ก ร ะ ท่ อ ม ธุ ลี ดิ น

2 ความคิดเห็น:

  1. อ่า...

    น้อมจิตคารวะ

    อันความอ่อนด้อยด้วยประสบการณ์ หากไม่ย่ำค้นคว้า ไหนเลยจะกระจ่าง

    สารภาพ วันนี้ข้าน้อยชักชอบใจ นิยมภาษาอันกระชับ จากนิยายจีนยิ่ง...

    อันความอ่อนด้อย พึงเห็นเมื่อเปิดใจกว้าง น้อมรับคำพิจาร... หาใช่วิจารณ์

    หากท่านว่าง รบกวนกลับไปอ่าน หนทางข้างหน้าอยู่ที่เบื้องหลัง บ้านหนอน

    ท่านเจ้าสำนักพิจารณ์ในความด้อยของข้าพเจ้าได้อย่างท่องแท้ ถึงแก่น ไม่มีเปลือก

    มายาภาพและอคติ...

    ด้วยจิตคารวะ

    ศิษย์สำนักจิตโคมไฟ

    ตอบลบ
  2. กลับมาแล้วนะขอรับพี่ท่าน
    วันเหนื่อยผ่านก็วานพักสักคราหนา
    อุแหม่..เล่นเอาซะคาตา
    คงปรีดาน่าดูผมรู้ทัน(อิอิ)

    นั่งขัดเกลาเอาใจใส่ในคำบอก
    ขีดฆ่าออกกรอกคำใหม่ให้เหมือนฝัน
    บรรจงร้อยถ้อยรวงข้ามห้วงวัน
    นี่แหละทั่น!รสชวนฝันวรรณรมณ์(เขาบอกมา)

    ยินดียิ่งที่มิ่งมิตรช่วยคิดอ่าน
    คงผ่อนงานพี่ท่านให้ผ่านขม
    มีมิ่งมิตรสะกิดแกะแนะคำคม
    พี่เสร็จสม ไอ้กระผม พลอยยินดี

    ได้เลย!ท่านพี่ที่เคารพ
    แหม่ช่างสบอารมณ์ละทีนี้
    ได้ร่วมร่ายร้อยรสบทกวี
    ได้พาทีกันพร้อมพรัก เหล่านักกลอน

    เกล้ากระผมขอก้มรับในน้ำจิต
    เคยใกล้ชิดอารมณ์นี้ที่บ้านหนอน
    ครั้งกระนั้นลั่นอักษรกันก่อนนอน
    ครั้นอิงหมอนยังยิ้มรื่น ชื่นอารมณ์

    ท่านต่อเราต่อคลอกันไป
    ตามแต่ใจจะเพ่งเจาะคำเหมาะสม
    กลอนไหลลื่นมันชื่นใจในอารมณ์
    แต่งแล้วล่ม ไม่กระไร ใช่ประเด็น

    วันเก่าเก่าราวกับผ่านมานานเนิ่น
    มิตรต่างเดินไปหลบเร้นไม่เห็นเห็น
    บ้างภาระที่กระทำก็จำเป็น
    บ้างห่างเว้นด้วยเรื่องราวร้าวระทม

    ขอร่วมบากฝากใจผมไปด้วย
    จะขอช่วยลงแรงบ้างสร้างอาศรม
    ร่วมขุดดินสร้างเรือนไทย ปั้นลม
    จะทุ่มถมทั้งแรงใจไปอีกแรง



    ยินดีอย่างยิ่งขอรับพี่ท่าน วันนี้เพิ่งจะอ่าน"บันทึกจากหุบเขาฝนโปรยไพร"ของพี่หนกจบ ในนั้นมีคำตอบมากมายที่ตอบโจทย์ผมได้ว่าขีดเขียนไปเพื่ออะไร

    หวังว่าพี่ท่านคงสบายดี

    ด้วยความเคารพขอรับ

    ตอบลบ