๏ เพราะรักรึงจึงร้อยมาลัยพจน์
มธุรสเอื้อนคำจำนรรจ์สาร
วอนเถิดแม่อย่าเมินเชิญสราญ
ด้วยกลอนกานท์กล่อมใจพิไรครวญ

เคยมีกันขวัญเคียงอยู่เพียงใกล้
กลับร้างไร้ขวัญโรยมาโหยหวน
ไร้ขวัญแม่แลไหนให้รัญจวน
ครุ่นแต่ครวญครางคร่ำร่ำน้ำตา

มองหนังสือเคยอ่านผ่านมือเจ้า
กี่ค่ำเช้ากล่อมเห่เสน่หา
มนต์อักษรหมอนรักอักษรา
ยังเอมสุขทุกทิวาราตรีกาล

อยากกล่อมนวลอวลกลิ่นประทินผ่อง
ร่ายร้อยกรองเรื่อยคำประจำผสาน
หวังเจ้าแอบอุ่นไอในกาพย์กานท์
เชิญเถิดแม่สุขสราญวิมานภิรมย์

เพราะไร้ทรัพย์โภไคยพิไลพิลาส
จะหมายมาดสิ่งใดพอได้สม
ก็เกินกายจักหมายมาชายชม
หนาวเพียงลมห่มฟ้าดูน่าอาย

แม้นยากไร้ยิ่งแล้วเจ้าแก้วเอ๋ย
จะสิ้นเลยแรงศรัทธานั้นอย่าหมาย
ไร้สินทรัพย์นับค่ามาเรียงราย
ก็จักร่ายเลิศรุจีมณีนิพนธ์

จะก่อโคลงกาพย์กานท์พิมานแก้ว
อันเพริศแพร้วพร่างไปในเวหน
ฑิฆัมพรพลอยโสมโพยมยนต์
ด้วยเพลงมนต์มัฆวาศิลปาการ

แล้วจักเชิญคนธรรพ์คันธมาทน์
แรมนิราศมาบรรเลงเพลงประสาน
ให้เจ้าเพลินพรายพริ้มนิ่มนงคราญ
ในวิมานกานท์กาพย์กำซาบทรวง

เชิญอัปสรร่อนร่ามารำฟ้อน
เริงละครร้องเร่ชวนเสสรวล
เหล่ากินนรกินรีก็ชี้ชวน
เบิกกระบวนร่ายร่ำระบำรำ

วอนอย่าเมินเดินหนีไมตรีจิต
ขออย่าคิดเหยียดว่าช่างน่าขำ
สร้างวิมานลอยฟ้ามาแสร้งทำ
ให้ดื่มด่ำฉ่ำใจไปวันวัน

หวังเจ้าเพลินเพียงครู่คราอยู่ใกล้
โปรดเก็บไว้เถิดกาพย์กลอนอักษรนั่น
โลกความจริงอยู่ได้อย่างไรกัน
หากสิ้นไร้โลกฝันมาคั่นใจ ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น