ลมเอยเจ้าพัดมาแต่หนใด
คล้ายล่องลอยไกล
คล้ายใกล้แค่ใจคนึง
ผ่อนกายสบายคล้ายคลึง
ล่องลอยรัดรึง
หอมซึ้งอบอวลชวนดม
ช่างชวนนิยม
หนอลมรำเพยพัดมา
..
..
เสียงคนข้าง ๆ ร้องขึ้นว่า..

"ใครตดวะ?"

12 ความคิดเห็น:

  1. ลมเอยพัดเลยผ่านไป
    กลิ่นยังซ่านซึ้งใจ
    ชวนให้ใฝ่หาคะนึง
    ลมเอยรำเพยซ่านซึ้ง
    หอมหวนตราตรึง
    รัดรึงอุราไม่คลาย

    ตอบลบ
  2. โห...แจ่ม !
    (ความเห็นขึ้นไปไม่ทันรู้ตัว)

    วันเสาร์ยังทำงานปกติเจ้าค่ะ
    ที่บอกว่าวันพรุ่งก็หมายถึงวันนี้แหละ ก็เข้ามาเยือนท่านนั่งเคาะประตูป๊อกๆตั้งแต่ก่อนเที่ยงคืน ตีหนึ่งยังไม่มีใครมาเปิดประตูให้

    ร้านหนังสือที่สวนฯเค้าเปิดทุกวัน ไปวันธรรมดาคนไม่เยอะเลือกสะดวกดี

    ช่วงนี้สมองฝืดๆ เลยหาเรื่องออกไปเตร็ดเตร่เสียหน่อย
    (บางที เฮลบลูบอยก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้เลย เฮ่อ)

    ตอบลบ
  3. อา..เร็วปานนั้ลล์เจียวหรือทั่น!

    การเปลี่ยนสถานที่ช่วยได้จริง ๆ ขอรับ แปลกดี
    หลายครั้งข้าพเจ้านั่งมึนอยู่ในขนำ แค่ปั่นจักรยานออกไปนั่งซดกาแฟหนึ่งแก้ว มองโน่นนี่ สมองก็ทำงานต่อ (เอ่..เป็นเพราะกาแฟ หรือเปลี่ยนสถานที่หว่า..?)

    ยินดีต้อนรับสู่สุดสัปดาห์แห่งการทำงานขอรับ

    คารวะ

    อา..จะลองคลิกดู หากสามารถป้องกัน Spam โดยไม่ต้องคลิ้กสองครั้ง ล่ะก็..เอาเป็นว่าใช้วิธีนี้นะขอรับ

    (แหะ แหะ มันให้คลิ้กอีกครั้ง

    ตอบลบ
  4. ห้าทุ่มสิบสี่นาทีคืนวันศุกร์สวัสดิ์เจ้าค่ะ

    ท่านปั่นจักรยานออกไปนั่งซดกาแฟกลับมาสมองโล่งทำงานต่อได้

    ข้าเจ้าใช้บริการ ขสมก.ออกไปชะเวิ้บชะว้าบกลับมาสมองตึ๊บ คิดอะไรไม่ออก นอนหายใจพะงาบๆ

    ลุกขึ้นมาเปิดเครื่องเขียนงานได้ย่อหน้าเดียวปิดเครื่องไปเปิดทีวีนอนดูสบายใจเฉิบ

    วันพรุ่งเจอกันเจ้าค่ะ

    วันนี้เดินตามหาแม่มณีจันทร์เสียขาคลอน

    หลับฝันดีนะทั่น

    ตอบลบ
  5. โอ๊ะโอ..นวด..นวด..นวด..
    เดี๋ยวแถมอะโรม่าฯเอากลิ่น..อ่า..กุหลาบละกัลล์
    นวด..นวด..นวด..

    ตอบลบ
  6. .....ดรุณีแรกรุ่นวัยกำดัด
    ทรวดทรงสาระพัดไม่ขัดเขิน
    ผุดขึ้นกลางเรือนชานโดยบังเอิญ
    เทพหรือพรายผกเผินบิดเบือนกาย...
    .....ฤานางเป็นเทพนฤมิต
    ให้ยลวิบตาแล้วหาย
    ฤานางเป็นเพียงนางพราย
    เลือนหายยามรุ่งอโณทัย
    ฤานองเป็นเพียงละลองน้ำ
    สุริย์ฉายต้องซ้ำละไอหาย
    ฤานางเพียงฝันพรรณราย
    ตื่นตาเลือนหายไป่คืน.....

    บ่ายสองกว่าๆ วันทำงานสวัสดิ์เจ้าค่ะ

    เช้าวันนี้รู้สึกยุ่งๆ สับสนชอบกลทั้งที่มันก็เหมือนเช้าวันเสาร์เช่นทุกวัน เพราะสมองเรายุ่งไปเองหรือเปล่าก็ไม่รู้

    สิบหน้ากระดาษที่ตั้งไว้ทะลุเป้าไปตั้งแต่วันจันทร์โน่นแน่ะ แต่หลังจากนั้นชักแผ่ว...ชักแผ่ว...เค้นออกมาได้ทีละวรรค...ทีละวรรค... เหนื่อยนะท่านนั่งเค้นสักประโยคเหนื่อยกว่านั่งเขียนรวดเดียวสิบหน้ากระดาษอีก สรุปเสร็จสรรพอาทิตย์นี้ได้มาสิบเก้าหน้า กับกลอนเห่ยๆ อีกหนึ่งชิ้น

    ท่านว่ากลอนที่ข้าเจ้าลงไปมันขัดๆ ไหม อ่านทีไรข้าเจ้าเหมือนจะนั่งสิ้นใจอยู่ตรงนั้น ทั้งที่มันเป็นกลอนรักหวานไม่ใช่กลอนรันทดคร่ำครวญ หาแล้วหาอีกจะปรับแก้ ร่ำๆ จะขีดทิ้งแล้วเขียนใหม่เสียทั้งหมดแต่ยั้งใจไว้ได้ทุกครั้งไป เลยเอามาลงทั้งเห่ยๆอย่างนั้น(ยิ่งเขียนยิ่งห่วย)

    หนังสือทวิภพได้มาแล้วนะ เดินหากันให้ควั่กฝั่งสวนฯ ไม่มีสักร้าน ฝั่งตรงข้ามสวนเดินห้าร้าน มีอยู่ร้านเดียว ชุดเดียวด้วย มีแต่คนบอกว่าหนังสือพวกนี้หายาก เขาหาเก็บกันเยอะ อย่างพวกปริศนา,คู่กรรม,สี่แผ่นดิน ฯลฯ(เขาบอกมาอีกหลายเรื่อง จำไม่ได้แล้ว)

    ที่ได้มาเป็นแบบปกแข็งพิมพ์ปี ๒๕๓๐ โดยสำนักพิมพ์บำรุงสาส์น ราคาปก ๔๐๐ ทางร้านลด ๓๐% เหลือ ๒๘๐ คงเห็นข้าเจ้าทำหน้าม่อยแสนเสียดายหยิบแล้ววางหยิบแล้ววางอยู่สี่ห้ารอบ คนขายเลยลดให้เหลือสองห้า ถึงกระนั้นก็ยังลังเล เขาเลยบอก

    "มันมีปกอ่อนด้วยนะ วางคู่กัน ลองดูสิ ของเข้ามาไล่ๆ กันนั่นแหละ"

    หาบนชั้นก็แล้ว ก้มดูใต้ชั้นก็แล้ว แปลงร่างเป็นแมลงสาบมุดไปตามซอกตามหลืบก็แล้ว...ไม่มี

    "ไม่เห็นมีเลยค่ะพี่" ข้าเจ้าเดินหน้าม่อยไปบอกพี่คนขายด้านหน้า
    พี่เขาก็ใจดีเหลือหลายเดินกลับมามุดซอกหลืบให้อีกคน แต่ไม่มีมันก็คือไม่มี สมมติฐานว่าน่าจะโดนมือดีชิงตัดหน้าไปแล้ว

    กลับมาที่ ๒๕๐

    "ลดอีกสิบบาทไม่ได้หรือพี่"
    "ไม่ได้หรอกน้อง สามสิบบาทก็ลดให้เยอะแล้วนะ ของนานๆ กว่าจะมา พวกนี้หายากมากเลย น้องลองไปถามดูร้านไหนก็ได้"
    (ไม่ต้องไปลองถามดูหรอก ถามมาหมดแล้ว)

    "สิบบาทเองน่าพี่ เนี่ยสองเล่มพอดีเลยหนูจะได้ซื้อปกห่อ"
    "..."(คนขายทำท่าคิดหนัก)

    "นะพี่นะ หนูไม่ได้ซื้อเอง มีคนเขาฝากซื้อ เนี่ย ซื้อเสร็จหนูก็ต้องไปจ่ายค่าส่งให้เขาอีก"
    "น้องเอาบิลไปเรียกเก็บจากเขาสิ พี่ออกบิลให้เอาไหม"

    "เอาบิลไปนะได้ แต่จะเรียกเก็บได้หรือเปล่านี่สิ เขาสั่งซื้อที่ลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แต่หนูอยากซื้อเพราะจะได้อ่านด้วยไง"
    "โอ้ย ไม่มีหรอกน้องลดห้าสิบเปอร์เซ็น หนังสือพวกนี้มีแต่คนอยากซื้อไปเก็บ เดี๋ยวเสาร์อาทิตย์สวนฯเปิดน้องมาก็คงไม่เจอแล้วหละ "

    "พี่ไม่ลดให้หนูจริงๆ เหรอ สิบบาทเอง"(ทำหน้าละห้อยสุดฤทธิ์)
    "อ๊ะๆ ก็ได้ สองสี่ ก็สองสี่"

    สรุปก็คือได้มาในราคาลด ๔๐% ฮ่าๆๆ

    แต่รอก่อนนะท่าน ขออ่านก่อน เมื่อคืนอ่านไปได้ครึ่งเล่ม ปิดหนังสือปิดไฟนอนเลยฝันสารพันสารเพ เกือบครึ่งเป็นเรื่องในหนังสือทั้งน้าน.. (อย่างช้าไม่เกินวันศุกร์จะจัดส่งไปให้)

    ส่วนเรื่องค่าหนังสือท่านไม่ต้องส่งมาให้หรอก หาหนังสือดีๆ ของท่านส่งมาให้ข้าเจ้าอ่านสักเล่ม ถือว่าแลกหนังสือกันอ่านเป็นไง?(แต่หากไม่สะดวกส่งหนังสือมาให้ แจ้งมาละกันนะเจ้าคะ)

    ข้าเจ้าได้หนังสือมาอ่านเองสองเล่มเป็นวรรณเยาวชนของสำนักพิมพ์ผีเสื้อทั้งคู่(อันนี้ลด ๕๐% จากร้านประจำ) เตรียมตัวไว้รับมือกับยัยจอมขวัญนะเจ้าค่ะ

    สุขสันต์กับวันทำงานนะทั่น

    ปล.กลอนข้างบนนั่นเป็นคำโปรยปกในของหนังสือน่ะเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  7. สนธยาสวัสดิ์ขอรับท่านสาย

    แม่จ้าวววววว...
    สิบหน้าวันจันทร์ แสดงว่าท่านเขียนวันเดียวสิบหน้าเจียวรึ! รวดเร็วดุจเกาทัณฑ์หลุดจากแล่ง ก็นี่หากท่านเขียนสิบหน้าทุกวัน สิบวันมิปาเข้าร้อยหน้า ยี่สิบวันสองร้อยหน้า สามสิบวันสามร้อยหน้า

    เขียนนิยายสามร้อยหน้าภายในหนึ่งเดือน..แม่จ้าววววววว
    เขียนหนังสือปีละสิบสองเรื่อง พระเจ้าจ๊อดดดดดดดด

    ท่านว่าเราจะมีปัญญาฝึกตนให้ได้ความเร็วระดับนั้นไหมขะรับ?

    ข้าพเจ้าตระหนักดี ปัญหาคือคิดไม่ออก ไปต่อไม่ได้ บางวันไม่ได้สักบรรทัด บางวันกว่าจะคิดออกสักประโยคสักวรรคแทบเอาหัวชนก้อนเต้าหู้

    ทำให้วันเวลาล่วงไปขณะตัวอักษรไม่ยอมขยับแม้เสี้ยวตัว

    อีกทั้งเขียนโดยกำหนดหน้า เร่งจำนวนอักษรกลายเป็นนักวิ่งร้อยเมตรมุ่งแต่เข้าเส้นชัย มิสู้วิ่งมาราธอนที่ขาขยับไปขณะตาก็ยังมีเวลาชื่นชมทิวทัศน์สองข้างทาง

    แล้วแต่ว่าใครจะชมชอบแบบไหนนะทั่นนะ

    ข้าพเจ้าเองยังหวังสักวันสามารถฝึกฝนจนเขียนได้รวดเร็วดังท่านกระทำในวันจันทร์(วันหลัง ๆ มิบังอาจคิดเอาอย่าง) แน่ล่ะต้องมีวันพักกันบ้าง หากปั่นนิยายหนึ่งเรื่องจบภายในสามเดือนแล้วพัก สำหรับกับข้าพเจ้ายามนี้คิดว่าสาสมใจแล้ว

    จะใช้เวลาข้างหน้า (ตอนนี้จบบันทึกแล้ว ต่อไปคือเขียนรูปส่งสหายไม่งั้นค้างคาใจเพราะได้รับส.ค.ส.แต่ทะลึ่งไม่มีอะไรส่งมวลมิตรเลย)

    หลังจากนั้นจะทุ่มเทฝึกเขียนให้จบภายในกำหนด เรียนท่านไม่อาย จะพยายามข่มใจไม่สนว่าเรื่องจะเลวเพียงไร ขอเพียงขยับปลายนิ้วไปให้จบเรื่องที่เหลือค่อยแก้เกลาภายหลัง

    ยังไม่ทราบจะมีโอกาสไปถึงทักษะตรงนั้นหรือไม่ ก็ได้แต่ฝึกไปขอรับ

    เอาล่ะ..กลอน

    ไม่ทราบท่านกล่าวเพียงกึ่งยิงกึ่งผ่านหรือเป็นปุจฉาที่เอาจริงเอาจัง

    เป็นว่าข้าพเจ้าทึกทักเป็นจริงเป็นจังก็แล้วกัลล์นะทั่นนะ

    ขอให้ถือเป็นแลกเปลี่ยนฉันมิตรรักนักกลอนบ่อนข้าวเม่า แลตอบแทนที่ท่านทำให้ข้าพเจ้าได้กลอนเพิ่มในลิ้นชักสัปดาห์ละหนึ่งหัวเรื่อง

    อันดับแรก ไม่ว่ากลอนที่ได้มาจะดีร้ายเพียงไร กระทำเป็นประจำต่างหากคือประเด็น

    หลายท่านอาจกล่าวว่ากลอนเป็นบทกวี ต้องใช้อารมณ์ร่วม จะมาเขียนเป็นกิจวัตรเหมือนผลิตจากแท่นพิมพ์ไม่ได้

    คนที่กล่าวเช่นนี้เป็นธรรมดานาน ๆ จะได้มาสักบท และโดยมากมักเป็นบทที่เลิศเลอ

    หากแต่ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นด้วยกับวิธีคิดเยี่ยงนั้น

    ยังคงเชื่อมันการกระทำอันเป็นกิจวัตร กระทำจนร่างกายจิตใจผสานเป็นเดียว สร้างงานได้ไม่ว่าสถานการณ์ใด นั่นจึงเป็นยอดยุทธ์ ขณะสร้างงานไปตามกิจวัตร ยามใดเกิดสุนทรียารมณ์ก็เพียงหยุดกิจวัตร เปลี่ยนเป็นสลักลายอารมณ์นั้น ๆ ก็ยังสามารถกระทำได้

    ขอท่านลองคิดถึงงานนิราศสักชิ้น เดินทางไปขีดเขียนไปหากรอเวลาอารมณ์มาเยือนคงยากจบฉันทลักษณ์ร่วมร้อยบทนั่น

    การที่ท่านกระทำเป็นกิจวัตร ไม่ว่าผลที่ได้จะดีด้อยอย่างไร อย่างน้อยก็ได้ผล แลสหายต่ำต้อยของท่านพลอยรับอานิสงส์นั่นขอให้นับเป็นความสวยงามของงานชิ้นนั้นด้วยเถิดขะรับ

    อันดับหลัง ข้าพเจ้าเห็นว่ากลอนจะติด ๆ ขัด ๆ อย่างไรก็หาเป็นไรไม่ ทุกครั้งที่เขียนล้วนเป็นเครื่องมือพัฒนาทักษะ ยิ่งเขียนมากยิ่งทวีทักษะ

    หากท่านลองพลิกดูกลอนข้าพเจ้าเมื่อแรกเขียนครั้งสามปีก่อน ท่านจะอุทานว่า ทำไมมันช่างสะเปะสะปะจั๋งซี้ฟะ!

    ข้าพเจ้าบากหน้า ข่มอัปยศ ไม่ว่าจะเละอย่างไรตูข้าโพสท์ล่ะ แล้วค่อยว่ากันใหม่ (ฟังดูเหมือนใครสักคนแฮะ!)

    แล้วก็ค่อยคลี่คลาย ทั้งจังหวะ ความเข้าใจ อารมณ์ เนื้อหา เปิดและปิด ทั้งหมดล้วนตามมาภายหลังขอรับ ตามการฝึกจนเป็นกิจวัตรมา (ข้าพเจ้าเคยเขียนทุกอัสดง)

    ทะลึ่งยกตัวเองมาอ้างอิง หาได้เห็นไปว่ากลอนอัปลักษณ์อันตนขีดเขี่ยนั้นจักเข้าท่าเข้าทีอันใด ทราบดีว่ายังขาด ๆ เกิน ๆ เพียงใคร่เรียนว่า เราล้วนอยู่บนหนทางฝึกฝนเดียวกัน

    จำที่ข้าพเจ้าเคยบอกท่านเรื่องทำนองของกลอนได้ไหม?

    มีกลอนอยู่บทหนึ่งที่ข้าพเจ้าถือว่าไพเราะเป็นเอก ท่านลองดูแล้วค่อยคุยกัน แต่ตอนนี้ขอผลัดไว้ก่อน (เพราะต้องมีคำขยายยืดยาว)

    โอ้ย! ยาวเหลือเกิน
    ข้าพเจ้าต้องไปก่อนแล้วท่าน
    แล้วจะหาจังหวะมาโม้ต่อสำหรับทวิภพแลโครงการณ์หนังสือแลกเปลี่ยน(ช่างเป็นไอตะระเดียที่เลิศบรรเจิดนัก)

    ข้าพเจ้ากำลังคุยกับท่านโดยที่เบื้องหน้าคือเลิศนักจารอักขระแห่งสยามประเทศผู้มาจากแผ่นดินอื่น แวดล้อมด้วยหนังสือที่ท่านเคยอ่าน เบาะที่ท่านเคยนั่ง ข้างนอกส่งเสียงกันแล้วข้าพเจ้าขอออกไปดูพวกเขาหน่อย

    มางานทำบุญประจำปีท่านหนกที่บ้านควนขนุนพัทลุงขอรับ

    คารวะ

    ตอบลบ
  8. เฮ้อ..ผ่านเสียที ข้าพเจ้าพยายามโพสท์แต่ตอนเย็นแน่ะทั่น แต่ไม่ผ่านสักที

    ตอบลบ
  9. สายโด่งสวัสดิ์ครับพี่ท่าน

    ไม่ได้เขียนอะไรมาหลายวัน มัวแต่ยุ่งออกข้อสอบ พี่ท่านสบายดีนะครับ จะมาบอกข่าวว่าปลูกบ้านหลังใหม่(อีกแล้ว)เหตุผลก็คงอย่างที่พี่ท่านรู้ โฆษณามันตระการตาเกินไป พยายามไม่มอง แต่ทุกครั้งที่เปิดมันก็ต้องเหลือบไปเห็นทุกทีนี่สิ มันข่วนหัวใจตะหงิด ๆ

    ไอครั้นจะใช้บล๊อคเก่าที่เคยเปิดไว้ ดันเข้าไม่ได้ซะอย่างงั้น ก็ว่ารหัสเข้าก็ถูก ปล้ำกันอยู่พักใหญ่ ทำไปทำมากลายเป็นเปิดบล๊อคใหม่ไปเลย เผอิญอีแมวผมมีอยู่สองอัน ง่ายหน่อย

    ความจริงแวะเข้ามาเยี่ยมขนำพี่ท่านอยู่บ่อย ๆ แต่อย่างว่า มันรู้สึกผิด ๆ อย่างไรไม่รู้ที่ไม่ได้เขียนอะไรเสียบ้างเลย พี่ท่านอาจไม่เคยรู้สึกทำนองนี้เพราะเขียนอยู่เป็นวัตรปฏิบัติ แต่กับเด็กหัดเขียนครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นผมให้รู้สึกผิดอย่างไรไม่รู้ แบบนี้กระมังพี่ท่านที่พวกเราเรียกว่าแรงขับเคลื่อนซึ่งกันและกัน

    แวะมาบ่นตามเคย

    ด้วยความระลึกถึง

    คั่นฯ

    ตอบลบ
  10. ฟ้าแจ้งจางปางเจงเปงโจงโปงสวัสดิ์เจ้าค่ะ

    ท่านจำ 'ร่างแรก' ที่ท่านเคยกล่าวถึงได้ไหม?

    เมื่อก่อนเขียนเสร็จสักตอนสองตอนข้าเจ้ามักจะกลับไปเกลาสำนวน วนไปวนมาอยู่นั่น เสียเวลาโขตัวอักษรไม่คืบหน้าสักนิด ท่านกล่าวถึงเรื่องร่างแรกให้ฟัง ข้าเจ้าจึงลองนำมาใช้ดู และที่เขียนนี่ก็คือร่างแรก นึกจะเขียนอะไรเขียนไปก่อน จบแล้วค่อยขัดค่อยเกลาอันไหนไม่ดีอันไหนไม่เอา ตัดทิ้ง อันไหนใช้ได้แต่ภาษาไม่ได้เรื่อง ก็ปรับปรุง

    หากเขียนจบสักเรื่อง แม้จะเป็นแค่ร่างแรก แต่เชื่อแน่ว่าฝีมือการเขียนได้พัฒนาขึ้นอีกนิดนึงแล้ว มุมมองมุมคิดเกี่ยวกับนิยายของเราก็ละเอียดขึ้น(ตอนนี้เลยตะบันเขียนร่างแรกนี่แหละ แฮ่)

    สำหรับคำถาม

    ท่านว่าเราจะมีปัญญาฝึกตนให้ได้ความเร็วระดับนั้นไหมขะรับ?
    คำตอบคือ --- มันก็ต้องได้อยู่แล้ว

    ขนาดไม่มีปีกมนุษย์ยังขึ้นไปบินบนฟ้าได้เลย(เกี่ยวกันไหม?)

    มนุษย์มีศักยภาพไร้ขีดจำกัด หนังสือตั้งอยู่บนโต๊ะมนุษย์ยังฝึกฝนวันแล้ววันเล่าเพื่อส่งพลังจิตไปทำให้หนังสือมันลอยตัวอยู่บนอากาศได้ มันยากเย็นและดูจะเป็นไปไม่ได้เสียยิ่งกว่าฝึกฝนความเร็วในการเขียนอีกนะท่าน(ข้าเจ้าไม่รู้ว่าท่านเชื่อเรื่องพลังจิตแค่ไหน แต่หากคิดว่ามีหลายคนที่เขาทำสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ อย่างน้อยก็เป็นพลังใจให้เราพยายามทำสิ่งต่างๆ ขึ้นได้มาบ้าง)

    เท่าที่อ่านเจอในหนังสือมนุษย์ยังใช้สมองไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นด้วยซ้ำ(ใช่หรือเปล่า?)

    เรื่องกลอนข้าเจ้าก็เห็นด้วยกับการฝึกเขียนอยู่เรื่อย อย่างน้อยความคุ้นมือคุ้นไม้ก็มีภาษีดีกว่า

    และขอบคุณที่ทำให้ข้าเจ้าได้เห็นแง่งามของกลอนที่นำไปลงในอาทิตย์นี้

    เมล็ดพันธุ์แม้มันจะแคระเกร็นจนดูไม่น่าจะเป็นกล้าพันธุ์ที่ดีได้ หากมันสามารถแตกหน่อเพิ่มช่อต่อกิ่งยังความอุดมให้กับผืนดินแม้สักนิด ถือว่ามันได้ทำหน้าที่ของมันสมบูรณ์แล้ว ยังดีกว่าเมล็ดพันธุ์อวบเต่ง ที่ยังเป็นเมล็ดพันธุ์อยู่วันแล้ววันเล่าไม่เคยโผล่ยอดอ่อนขึ้นมาให้เห็น

    และ เมล็ดพันธุ์แคระเกร็นของข้าเจ้ามันแตกยอดอ่อนให้เห็นแล้ว!

    ทุกครั้งที่นำกลอนไปลงแล้วได้ต่อกลอนกับสหาย ข้าเจ้าเพียงนึกขอบคุณสหายที่มาใส่กลอนไว้ เพราะนั่นทำให้ได้ฝึกได้พัฒนาฝีมือ ได้มีตัวอักษรเพิ่มขึ้นในสมุดอีกหน้า แต่คำกล่าวของท่านทำให้ข้าเจ้าคิดเลยไปไกลกว่านั้น..

    หากข้าเจ้าไม่มีกลอนไปลง กลอนของสหายก็ไม่มีมาต่อ ตัวอักษรเหล่านั้นในสมุดข้าเจ้าก็ไม่มีวันเพิ่มขึ้น ทุกอย่างเกี่ยวเนื่องกันเหมือนสายโซ่ที่เส้นหนึ่งต้องมีที่มาจากอีกเส้น

    เอ..วันนี้คุยเรื่องอะไรเนี่ย ยิ่งคุยยิ่งงง!

    รอ 'กลอนบทหนึ่ง' ที่ว่านั่นอยู่น้า..

    ตอบลบ
  11. ลืม! ท่านคั่นฯ ท่านหายไปนาน ไม่เห็นงานกลอนที่สำนัก ท่านดินบ่นถึงท่านใหญ่ แต่งานอาทิตย์นี้ดีมากๆ เลย รู้สึกเหมือนได้อ่านงานเขียนดีๆ ในหนังสือของกวีเอกสักคน หรือคล้ายงานเขียนดีๆ ที่ปรากฏตามหน้านิตยสาร

    ตอบลบ
  12. นีออนสว่างโร่สวัสดิ์เจ้าค่ะ

    ได้เวลาเก็บตัวเข้าฌาณผนึกลมปราณอีกแล้วแย้วววว

    เป้าหมายยังคงเดิมสิบหน้า หากมากกว่านี้คือกำไร

    เหมือนเคย ถ้าไม่มีปัญหาอะไรเจอกันคืนวันศุกร์หรือไม่ก็สายวันเสาร์นะทั่น

    ขอทั่นสำเริงสำราญในงานเขียน

    ปล1.แล้วจะกลับมาฟังท่านโม้เรื่องทวิภพและโครงการหนังสือแลกเปลี่ยน

    ปล2.แล้วจะกลับมาฟังท่านคุยเรื่อง'กลอนบทหนึ่ง'

    ปล3.แล้วจะกลับมาฟังท่านเล่าเรื่องงานบุญประจำปีท่านหนก

    อีกสัก ปล.นิตยสารเดินทางถึงจุดหมายยังอะท่าน

    ตอบลบ