๏ เขียวใบหญ้าครึ้มเข้มเต็มลานเขียว
หญ้าใบเรียวเกี่ยวกระหวัดขนัดย่าน
ยื่นหย่อมโยงเยื้องทอดตลอดลาน
ดูมิปานทะเลหญ้าสุดตาแล
นุ่มใบยาวยวนชมเคยล้มเล่น
ราวว่าเป็นเปลญวนชวนนอนแผ่
มองปุยเมฆเรื่อยปอยลอยเป็นแพ
สูงฟ้าครามยามแลแค่มือคว้า
ภาพพร่าเลือนเลื่อนรับพยับเมฆ
เลื่อมริ้วเฉกฉากละคอนอาวรณ์หา
หลากชีวิตเวียนฉายว่ายชีวา
สนามหญ้ายังเป็นเช่นเวที
เคยวิ่งผลัดคัดตัวกลัวแทบแย่
กระโดดไกลก็แพ้แลตาถี่
วิ่งร้อยเมตรได้ที่โหล่เพื่อนโห่ฮี้
กีฬาสีทุกปีเป็นกองเชียร์
สีแดงเขียวเที่ยวเล่นเป็นกองหลัง
ส่งเสียงดังบางครั้งนั่งใจละเหี่ย
แพ้ชนะคละกันตะบันเชียร์
จนคอเปลี้ยเสียงค่อยละห้อยมอง
ปิดเทอมใหญ่อำเภอจัดคัดเลือกทหาร
ทั้งมีงานประจำปีอึงมี่ผอง
มหรสพครบสรรพมาจับจอง
แบ่งกันครองสนามหญ้าเปิดหน้าร้าน
เย็นย่ำค่ำคล้อยดวงสุริย์ศรี
เสียงดนตรีดังรับสดับขาน
ใจเต้นถี่รี่เร้าอยากเข้างาน
ขอตังค์แม่โดดชานไปทันใด
เสียงโฆษกโกรกกรากประกาศลั่น
เร่งเร็วพลันพ่อแม่อย่าแฉไฉ
สองมือล้วงกระเป๋าสองเท้าก้าวไวไว
ลิเกบรรหารขวัญใจจะเริ่มแล้ว
เตร่ทั่วงานผ่านไหนล้วนใจส่ำ
โรงระบำรำวงลำโพงแจ้ว
โรงจ้ำบ๊ะ "ชะไฮ้!" ผู้ใหญ่แซว
"ไอ้หนูนี่มีแววเสียแล้วสิ"
ยิ่งดึกดื่นค่อนคืนยิ่งตื่นเต้น
ล้วนอยากเห็นเล่นสนุกไปทุกที่
วงลูกทุ่งเริ่มประเดิมเพิ่มดีกรี
โน่นดนตรีนี่โนราร้อยท่ารำ
ชิงช้าสวรรค์ขันแข่งด้วยแสงสี
มุดเวทีลูกทุ่งกุมพุงขำ
ผ่านไปทางหนังกลางแปลงแสดงนำ
มิตร-เพชราขาประจำคู่ขวัญใจ
นั่งบนหญ้าอ่อนนุ่มชุ่มน้ำค้าง
ตรงที่ว่างข้างจอล้อลมไหว
หนังไม่รู้เดินเรื่องมาว่ายังไง
คนดูกลับหลับไปไม่รู้ตัว
รุ่งสว่างถ่างตาผวาตื่น
กระโดดยืนยักย้ายแล้วส่ายหัว
เหลือแต่เศษใบตองกองกันนัว
รายรอบตัวว่างเปล่าเช้าแล้วสิ
กระโจนแผลวโผนผลับรีบกลับบ้าน่
ที่นอกชานแม่ร้องว่า "มะมานี่!
หายไปไหนทั้งคืนหนอพ่อตัวดี
มาให้ตีเสียดีดีอย่ารีรอ"
ยอพระแสงแรงอ่อนลงรอนลับ
พลิ้วหญ้าซับระยับพรายคล้ายวอนขอ
เลื่อมรางลำคล้ำเงาลงเคล้าคลอ
ตะวันยอแสงงามยามอัสดง 
ลืมตามองท้องฟ้าหันมายิ้ม
พรมใบหญ้าพยักพริ้มแล้วยิ้มส่ง
ฉากละคอนฉายเปลี่ยนหมุนเวียนวง
เคียงแต่คงลานหญ้ามาช้านาน ฯ