น้อยหน่าเป็นแมลงวัน เป็นแมลงวันมังสะวิรัติ น้อยหน่าไม่เคยเข้าใกล้ซากสัตว์ ไม่แม้แต่จะคิด เหตุนี้จึงทำให้น้อยหน่าแปลกแยกจากฝูง กลายเป็นแมลงวันโดดเดี่ยววัน ๆ แทบไม่ได้พูดคุยกะแมลงวันตัวใด แต่กลับพูดคุยได้เป็นวรรคเป็นเวรกะเต่าทองปุ๋ง จะว่าพูดคุยก็ไม่ถูกนักเพราะโดยมากแมลงวันน้อยหน่าเป็นผู้พูดฝ่ายเดียว เต่าทองปุ๋งเอาแต่นั่งฟังแล้วพยักหน้าหงึก ๆ หลายครั้งน้อยหน่าต้องยื่นปีกสะกิดเพื่อความมั่นใจว่าที่พยักหน้าหงึก ๆ มิใช่สัปหงก เปล่า เต่าทองปุ๋งไม่เคยหลับ เขาตั้งอกตั้งใจฟังสหายสนทนาด้วยความสนใจใคร่รู้จริงจัง แมลงวันน้อยหน่าเองยังชื่นชมข้อนี้ คิดหวังไว้ว่าสักวันจะตั้งใจฟังเต่าทองปุ๋งสนทนาบ้าง
"ทำไมนายไม่ลองเป็นฝ่ายพูดบ้างล่ะเราจะได้ตั้งใจฟัง" แมลงวันน้อยหน่าบอกตอนเต่าทองปุ๋งพยักหน้าครั้งที่เก้าสิบเก้าชั่วเวลาไม่ถึงสิบนาที
"เราเหรอ" เต่าทองปุ๋งหน้าตาเหลอหลายังกะเพิ่งคิดได้ว่าออกจากบ้านโดยลืมติดปีกนอกมา
"นายเอาแต่ฟังเราฝ่ายเดียว เราก็เกรงใจเป็นนะ" แมลงวันน้อยหน่ายักคางดุ๊กดิ๊กเอาอย่างแมลงวันอินเดียที่เคยเห็นในทีวีชาวบ้าน
"นายคุยน่ะดีแล้ว"
เต่าทองปุ๋งใช้ขาซ้ายที่สามไขว้ขาขวาที่สามเอนหลังประสานขาคู่หนึ่งรองท้ายทอยพิงใบผักบุ้ง ทั้งสองนั่งคร่อมปลายใบหันหน้าหากัน สายลมหัวค่ำเฉื่อยฉิวพัดก้านใบไหวโยกโยนคล้ายเป็นเปลผักบุ้ง โคมจันทร์ลอยเด่นคงมีใครเอาไปแขวนลืมไว้ แสงอ่อนสาดอาบไล้ใบไม้ใบหญ้านวลเนียนตา เสียงจิ้งหรีดกรีดปีกร้องระงมไปทั้งป่าสวนครัว เต่าทองปุ๋งแหงะมองจันทร์ วาวตาเป็นประกายออกนอกหน้าคิดไปว่า วันหลังท่าจะต้องชวนเต่าทองกระจิบมานั่งเปลผักบุ้งชมจันทร์อย่างนี้บ้าง
"โดยมากไม่ค่อยมีใครฟังตัวอื่น" เต่าทองปุ๋งกลับเข้าเรื่อง "ว่ากันว่าใคร ๆ ก็ชอบให้ตัวอื่นฟังตัวเอง อีกอย่าง เราสนใจเรื่องที่นายคุยจริง ๆ นะ นายคิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน ฟังแล้วทำให้เราสะกิดใจคิดอะไรได้บางอย่างทุกที" ถึงจะไม่ค่อยเหมือนนายสักเท่าไรก็เถอะ ประโยคหลังไม่ได้พูดออกไป เพราะไม่อยากทำร้ายจิตใจสหาย "หมู่นี้ไม่ค่อยเห็นหน้านาย นายหายไปไหนฮึ?"
แมลงวันน้อยหน่าถอนหายใจ ใช้มือรองท้ายทอยเอนหลังไขว้ขาบ้าง แล้วถอนหายใจอีกครั้ง ตาลอยจ้องมองดวงจันทร์กลมเหน่ง นวลแสงตรงหน้าใกล้จนแทบเอื้อมคว้า
ไม่มีคำตอบ ทั้งสองเงียบกันไปพักใหญ่ ปล่อยให้เสียงจิ้งหรีดกรีดปีกระงมห่มล้อมเปลผักบุ้ง แล้วแมลงวันน้อยหน่าก็ถอนใจอีกครั้งก่อนเอ่ยถาม
"นายว่าบนดวงจันทร์มีอะไร?"
เต่าทองปุ๋งผงกหน้าหลิ่วตาข้างเดียวมองสหาย ถามอะไรของเขา คิดอย่างนั้นแต่พูดไปว่า "ไม่รู้สิ เราไม่เคยไปเสียด้วย"
"นายไม่เคยสงสัยเรอะว่าทำไมดวงจันทร์ถึงสว่างนวลตาหยั่งงั้น? ทำไมนายไม่ลองไปล่ะ? นายก็มีปีก"
เจอไม้นี้เต่าทองปุ๋งสะอึก อย่าว่าแต่ดวงจันทร์เลย แค่ออกไปพ้นดงป่าสวนครัวนี้ก็หลงแล้ว
"นายก็เหมือนแมลงตัวอื่น ๆ ถูกกรอบความคิดครอบงำจนทึกทักเอาว่าที่เป็นอยู่ดีสุดแล้วสำหรับชีวิต" แมลงวันน้อยหน่าพูดพลางสายตาจ้องมองดวงจันทร์ "เราจะบินไปดวงจันทร์ ไปดูให้รู้ว่าบนนั้นมีอะไร"
"บินไปดวงจันทร์!" เต่าทองปุ๋งแทบพลัดตกใบผักบุ้ง
"ใช่ บินไปดวงจันทร์" แมลงวันน้อยหน่ากล่าวเสียงราบเรียบ "นายไม่ต้องทำหน้าหยั่งงั้น นายก็คงคิดเหมือนแมลงตัวอื่นว่าเป็นไปไม่ได้ คิดกันหยั่งงี้สิเลยไม่เคยลอง หากไม่ลองด้วยตัวเองแล้วจะรู้แน่ได้ไง เชื่อแค่ฟัง ๆ เขามาจะถือเป็นความรู้ได้ไง"
"แต่บางเรื่องไม่ต้องลองก็น่าจะได้นะ" เต่าทองปุ๋งเสียงอ่อย
"เราไม่เคยเชื่อหากไม่ดูไม่เห็นด้วยตาตัวเอง" แมลงวันน้อยหน่าพูดเสียงหนักแน่น "อีกอย่างเราอยากพิสูจน์ให้แมลงวันตัวอื่นเห็นว่าการที่พวกเรามีปีกใช่ว่าใช้แค่บินเรี่ยพื้นตอมขี้วัวขี้ควายไปวัน ๆ เราจะเอาอย่างแมลงวันโจนาธานนักบินในตำนาน นายรู้จักเปล่า?" ละสายตาจากดวงจันทร์หันมองเต่าทองปุ๋งหมายรอคำตอบ
"ฮึ" เต่าทองปุ๋งตอบโดยไม่ต้องขบคิด
"โจนาธานเป็นแมลงวันที่คิดไม่เหมือนแมลงวันตัวอื่น" แมลงวันน้อยหน่าบอก "เขาฝึกบินหนักกว่าแมลงวันตัวอื่นจึงทำให้เขาข้ามขีดจำกัดของการบิน ไปยังดินแดนที่แมลงวันตัวอื่น ๆ ไปไม่ถึงหรือไม่แม้จะคิดไป" สูดหายใจลึกแหงนมองดวงจันทร์ "เราเองกำลังฝึกบิน บินให้สูงขึ้น เร็วขึ้น เราจะเป็นนักบินในตำนานเหมือนอย่างโจนาธาน"
"นายเลยหายหน้า ไม่ค่อยได้มาเล่นกะเรา"
แมลงวันน้อยหน่าพยักหน้า ดวงตากลมโตทั้งคู่สะท้อนแสงจวงจันทร์ขาวนวล สายลมโชยพัดเฉื่อยฉิว เสียงนกแสกร้องแทรกในเสียงระงมของพวกจิ้งหรีดเงาดำบินตัดผ่านไป ท้องฟ้าโปร่งราวกระจกใส ใจแมลงวันน้อยหน่าลอยไปอยู่บนดวงจันทร์เรียบร้อยแล้ว
เต่าทองปุ๋งไม่ได้พบหน้าสหายอีกหลายวันต่อมา จนหัวค่ำวันหนึ่งแมลงวันน้อยหน่าในชุดทะมัดทะแมงก็มาบอกลา
"เรามีสหายรักอยู่ตัวเดียวเลยอยากมาร่ำลา"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอ" เต่าทองปุ๋งเสียงอ่อย นึกใจหายเกรงสหายจะได้ภัยก็เกรง แต่ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวของสหายก็น่านับถือ หากขัดขวางอาจคล้ายไม่เคารพความตั้งใจนั้น (ซึ่งตัวเองไม่ค่อยมีสักเท่าไร)
"นายอย่าห้ามเราเลย" แมลงวันน้อยหน่าบอก "เกิดมาทั้งทีชีวิตต้องมีความหมาย มีเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่ต้องบรรลุ ไม่งั้นชีวิตก็จะสูญเปล่า แมลงบางตัวเกิดมาแล้วก็ตายมิต่างอะไรเลยกับไม่ได้เกิดมา เราไม่อยากเป็นอย่างนั้น เราอยากเป็นที่จดจำ นายเป็นสหายเรา นายคงไม่อยากให้สหายของนายมีชีวิตไร้ค่าไปวัน ๆ หรอกนะ"
เต่าทองปุ๋งสะอึก ยิ่งพูดยิ่งโดนตัว ได้แต่ฉวยมือสหายรักไว้ ดวงตาสั่นริก
"ไม่ต้องปีบน้ำตา" แมลงวันน้อยหน่ายิ้มบอก "ไม่กี่วันเราก็กลับมา"
เต่าทองปุ๋งกลืนน้ำลายอึ๊กพยักหน้าหงึก คลายมือจากสหายรัก
แมลงวันน้อยหน่าถอยหลังสองก้าว ขบฟันเม้มริมฝีปากแน่น พยักหน้าให้สหายก่อนย่อตัวทะยานบินขึ้นไป ตรงไปยังดวงจันทร์กลมโตเบื้องบน เต่าทองปุ๋งแหงนมองจนร่างสหายบินลับตา
ช่วงเวลาที่ไม่มีสหายนั้นเปลี่ยวเหงาอยู่บ้าง แต่เต่าทองปุ๋งก็มิได้อยู่เฉย ออกตระเวนถามข่าวคราวทุกวัน เจอใครก็ถามแต่ว่าเห็นแมลงวันน้อยหน่ากลับมารึยัง? มีใครพบแมลงวันน้อยหน่าบ้าง? คำตอบล้วนเงียบงัน
ลองชวนเต่าทองกระจิบมานั่งเปลผักบุ้งชมจันทร์แล้ว แต่เต่าทองกระจิบบอกว่าเชย "สมัยนี้ใครเค้ามัวมานั่งชมจันทร์กันอยู่อีก เสียเวลา" เต่าทองกระจิบว่างั้นก่อนหันไปก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในไอแพ็ด 3
เต่าทองปุ๋งนั่งเปลผักบุ้งตัวเดียว แหงนมองจันทร์ดวงเดียวกับดวงที่ (คิดว่า) แมลงวันน้อยหน่าอยู่ ป่านนี้นายคงบินสำรวจดวงจันทร์จนทั่วแล้วสินะ กลับมาเราคงได้ฟังเรื่องแปลก ๆ ไม่เว้นวัน เต่าทองปุ๋งเพ้อคำนึง
จนเข้าวันที่ 5 ขณะเต่าทองปุ๋งครึ่งบินครึ่งคลาน แวะหาตั๊กแตนต๋อง แวะบ้านหนอนบุ้ง ปีนค้างถั่วพูขึ้นไปถามแมงมุงทองม้วนแล้วปีนกลับลงมา พบสหายรักเดินกะเผลกใช้ไม้ค้ำ ขาดามเฝือก
"น้อยหน่า! นายกลับมาแล้ว!" เต่าทองปุ๋งลิงโลด โดดกอดสหาย
"เบา ๆ ๆ ๆ" แมลงวันน้อยหน่าครางเสียงอูย
"โทษทีโทษที" เต่าทองปุ๋งละล่ำละลัก "นายหายไปหลายวันเรานั่งคอยนายทุกวัน" ดวงตาเต่าทองปุ๋งหวานเยิ้มยินดียังกะลักเพศ "ดวงจันทร์เป็นไงมั่ง?"
แมลงวันน้อยหน่าถอนใจเฮือก ดันไม้ค้ำออกจากรักแร้ เหยียดขาเข้าเฝือกออกไปหน้า ย่อเข่านั่งลงช้า ๆ
"เรายังฝึกหนักไม่พอ" ฉวยไม้ค้ำไว้ด้วยสองมือ "เราสัญญากับตัวเองไว้ หายดีแล้วเราจะต้องพยายามอีกสักครั้ง"
"เอาเถอะ เอาเถอะ รักษาตัวให้หายก่อน เรื่องนั้นค่อยว่ากัน"
เต่าทองปุ๋งเทียวมาเทียวไปช่วยส่งอาหาร ช่วยเป็นมือเป็นตีนให้สหายรักจนถอดเฝือก แมลงวันน้อยหน่ากลับมาขยับปีกบินได้ดุจเดิม ทั้งสองนั่งคุยกันริมสระน้ำ
"มาคิดดูอีกที ดวงจันทร์อาจอยู่ไกลเกินแมลงตัวเล็ก ๆ อย่างเราจะบินไปถึง" แมลงวันน้อยหน่าเปรย ลองขยับขาเตะน้ำเล่น
เต่าทองปุ๋งพยักหน้าเอออวย
"ความรู้บางอย่างเราเรียนรู้จากการลองผิดลองถูก แต่บางอย่างก็ต้องจากคำบอกกล่าวต่อ ๆ กันมา คงต้องแยกแยะ เชื่อทั้งหมดนั้นไม่ดี ลองทั้งหมดก็ไม่ได้"
เต่าทองปุ๋งผงกหัวหงึก ๆ
"มีชีวิตก็ต้องมีเป้าหมาย แต่ต้องรู้ว่าอันไหนเป็นเป้าหมายของตัวเอง อันไหนเป็นเป้าหมายของคนอื่น ไม่เอาเป้าหมายมาสลับจนสับสน ไม่ยึดเอาเป้าหมายที่ไม่เหมาะกับตัวมาเป็นของตนเอง"
เต่าทองปุ๋งส่งเสียงอือหันมองสหาย เห็นใบหน้าสหายยิ้มปล่อยวางค่อยใจชื้นว่าแมลงวันน้อยหน่าคงไม่คิดพิเรนทร์บินไปดวงจันทร์อีก แมลงวันน้อยหน่าเอนหลัง มือรองท้ายทอย
"ขอบใจนายมากที่ช่วยดูแลตอนเรา.."
"เฮ้ย! ขอบจงขอบใจอะไรกัน เรื่องจิ๊บ ๆ" เต่าทองปุ๋งขัดโบกไม้โบกตีนทั้งสามคู่
"เรามีสหายอยู่ก็แต่นาย ไม่ได้นายเราคงแย่"
"เออนา"
"อากาศดีนะวันนี้ว่ามั้ย?" แมลงวันน้อยหน่ายิ้มมองฟ้า
ท้องฟ้าหน้าฝนปกติเมฆครึ้มแทบทั้งวัน วันนี้มาแปลก ฟ้าโปร่งเมฆลอย เสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บอยู่ไกล ๆ แมลงวันน้อยหน่าสูดหายใจลึกหันยิ้มมองสหาย
"มองไร?" เต่าทองปุ๋งเลิกคิ้วถาม
"นายว่าบนเมฆนั่นมีอะไร?" ●
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น