“บ่อยครั้งที่เราได้ยินเธอพูดดังเพ้อฝันว่า นายช่างผู้แกะสลักหินอ่อน และประจักษ์รูปร่างวิญญาณของตนเองในหินผานั้น สูงศักดิ์กว่าชาวนาผู้คราดไถแผ่นดิน และผู้ที่คว้าจับเอาสีสันของสายรุ้งวางระบายบนผืนผ้าใบเป็นรูปร่างมนุษย์นั้น วิเศษกว่าช่างรองเท้า”

“แต่เราขอกล่าว มิใช่ในความหลับหลง แต่ในความตื่นเต็มที่แห่งกลางเที่ยงวันนี้ว่า สายลมนั้นมิได้กระซิบแก่ต้นกร่างใหญ่ ไพเราะไปกว่ากระซิบแก่ใบหญ้าเล็กที่สุดเลย และผู้ใดก็ตามที่แปรเสียงแห่งกระแสลม เป็นทำนองเพลงอันหวานล้ำด้วยความรักของตนเอง ผู้นั้นนับว่ายิ่งใหญ่โดยแท้”

‘คาลิล ยิบราน’


'ปณิธาน'
.
☉ เพราะเลือกที่จะรักความเรียบง่าย...ขอเพียงได้ผ่านวันคืนตื่นตาฝัน
อุ่นไอแดดแผดกล้ารับตาวัน.........ชมแสงจันทร์แจ่มฟ้าคราค่ำคืน
เลือกจะอยู่อย่างคนไร้โขนครอบ......ถามก็ตอบกลับไปไม่แข็งขืน
ล้มก็ลุกทุกครั้งยังหยัดยืน..........จะไม่ฝืนปั้นหน้าเข้าหาใคร ฯ
.
☉ เลือกเลี้ยงชีพอย่างชนอิสระ.......เลิก ลด ละ อัตตาเลิกคว้าไขว่
ปลดความอยากหยุดความหลงลงที่ใจ ...เดินทางไปสู่จุดหมายด้วยสายกลาง
หาพอได้จุนเจือเผื่อยามยาก..........กินพอปากอิ่มพอท้องไม่หมองหมาง
เหลือพอเก็บยามเจ็บไข้ได้เบาบาง......หากมีบ้างช่วยเหลือเผื่อสังคม ฯ
.
☉ แบ่งเวลาอีกครึ่งของชีวิต..........ไว้ขบคิดขดร้อยถ้อยคำประสม
หัตถกรรมสานทอก่อคำคม...........เป็นแผ่นพรมผืนงามตามใจจินต์
สุขได้สรรสร้างสานงานที่รัก...........พอได้พักพิงใจในโลกศิลป์
ใช่จักงามยิ่งใหญ่ในแผ่นดิน...........หวังเพียงยินยลไว้ในอกตน ฯ
.
☉ มีหนังสืออ่านเล่นไว้เป็นเพื่อน.......ภาพเลือนเลือนพร่างพรายชมสายฝน
ฉ่ำสีน้ำชื่นใจยามได้ยล..............ร่ายมนต์กวีวรรณเย้ยจันทรา
เพราะเลือกที่จะรักความเรียบง่าย........ยิ้มรับรอความตายไถ่ถามหา
เศร้า สุข โศก โลกล้วนอนัตตา.........พอใจอยู่อย่างธรรมดากว่าสิ้นลม ฯ
.
***
bart.jpg

ทักทายสวัสดิ์ขอรับ

ข้าพเจ้าขออนุญาตแนะนำตัวสักเล็กน้อย นามต่ำต้อยธุลีดินได้มาจากภาพยนตร์กำลังภายใน 'ฟงหวิน' ขี่พายุทะลุฟ้า ซึ่งชอบเสียเป็นนักเป็นหนา หมายใจไว้ว่าสักวันจะต้องเขียนเรื่องที่สาสมใจอย่างฟงหวินไห้ได้สักเรื่อง

ข้าพเจ้าจึงเพียรฝึกหัดขีดเขียน แลนำตัวอักษรซอมซ่อออกมานวยนาดชวนระคายตาผู้คนโดยละแล้วซึ่งความอายทั้งมวล ด้วยเพียงหวังได้รับคำชี้แนะโดยมุทิตาจิตให้ผู้น้อยได้แก้ไขปรับปรุงตนไปสู่ทักษะงานเขียนที่ถูกที่ควร

ผู้น้อยตอกเสามุงหลังคากระท่อมขึ้นมาหวังชายคาพักกาย ยามสหายกรายผ่านได้ฝากข้อความถึงกัน แลเป็นยุ้งฉางเก็บเมล็ดอักษรอัปลักษณ์ที่เผื่อว่าสักวันอาจโชคดีเติบหน่อแตกก่อขึ้นเป็นกล้าลีบ ๆ พอได้หล่อเลี้ยงวิญญาณผู้น้อยที่เฝ้าคอยไถคอยหว่าน

ข้าพเจ้ายังคงพอใจชีวิตในกะลาที่เงียบเหงาอยู่กับเงาของตัวเองไปวัน ๆ สาส์นที่ส่งสู่โลกภายนอกจึงเป็นตัวอักษรซอมซ่ออันหาได้มีสื่อหมายใด ๆ เพียงท่อนไม้แกะสลักยังเต็มด้วยริ้วรอยสิ่วฆ้อน เป็นภาพเขียนเลอะ ๆ ที่เห็นแต่เส้นสายดินสอยุ่งเหยิง หวังใจว่างานเขียนอันยังไม่นับเป็นงานเขียนอันใดเหล่านั้น จะช่วยฝึกข้าพเจ้าให้แคล่วคิดคล่องมือชำนิชำนาญขึ้นวันละเล็กละน้อย

ทั้งสิ้นทั้งมวลเพียงหวังผ่านเวลาชีวิตด้วยกิจที่ตนรัก จนกว่าจะถึงวันที่จากโลกไปอย่างเงียบงัน อักษรซอมซ่อเหล่านั้นไม่ว่าจะถูกตัดสินดีเลวเพียงใร ก็หาได้เป็นสิ่งใดนอกเสียจากรอยจารอักขระที่จารึกไว้บนผิวน้ำ

คารวะ
ธุลีดิน