ค่ำคืนสวัสดิ์ขอรับตะละแม่ท่านย่าที่เคารพ

เป็นวันที่สามแล้วที่ข้าพเจ้าหมดเรี่ยวหมดแรงแม้แต่จะยกแขนวางมือบนแป้น  ข้าพเจ้าค่อย ๆ ใช้มือขวาพยุงมือซ้ายวางลง  เห็นมือขวาทำตาประหลับประเหลือก (คำนี้หาไม่เห็นในพจนานุกรมไม่รู้ข้าพเจ้าเอามาจากไหน  แบบว่าทำตาหลับ ๆ เหลือก ๆ น่ะขะรับ..ได้ไหม?) มันคงคิดในใจ..'แล้วใครจะพยุงข้าวางล่ะเนีย?' มันเหลือบมองข้าพเจ้า  ข้าพเจ้าได้แต่ส่ายหน้าดิก ๆ ส่งสายตาตอบไปว่า 'ข้าเองก็หมดแรงเว้ย!

ย่างเข้าเดือนตุลาฯ เป็นเดือนที่ฝนเริ่มมา (สำหรับถิ่นนี้)  มามากมาน้อยแล้วแต่สวรรค์จะดลบันดาล  เพื่อความไม่ประมาทข้าพเจ้าจึงต้องจัดแจงย้ายขนำเสียก่อนที่ฝนจะเทเพราะฝนปีกลายให้บทเรียนแบบไม่ได้หลับได้นอนดีเลยเจียว  พายุซัดเสียขนำโยกไปโยกมา  ฟังดูเหมือนเป็นเปลก็น่าจะหลับสบาย  แต่อาการขนำจะล้มแหล่มิล้มแหล่เนี่ยอย่างไรก็หลับไม่ลง  ปีนี้ต้องเตรียมตัวแต่เนิ่น  ย้ายเสียก่อน (ไม่ใช่ยกขนำย้ายนะขะรับ..เป็นย้ายตัวข้าพเจ้าเอง) เพราะหากบังเอิญฝนมาหนักแต่หัวฤดูล่ะไม่เป็นอันได้ย้ายแน่(ท่านคงยังจำได้  พวกตกแบบนันสต็อปเสียจริง ๆ จัง ๆ)

แลที่ต้องย้ายเพราะขนำข้าพเจ้าหมดสภาพแล้วอย่างสิ้นหนทางเยียวยา  ทีแรกกะว่าจะซ่อมหลังคา  แต่ปลวกยกขบวนบุกจนข้าพเจ้าจนปัญญา  ข้าพเจ้าสร้างขนำด้วยไม้สนซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน(และถูกราคา :))  ปลวกจึงให้บทเรียนซะ 

เรื่องจึงได้เริ่มเนี่ยล่ะขะรับท่านย่า  (ที่เล่ามายังไม่ได้เริ่มนะ แค่เกริ่น..จะเริ่มเดี๋ยวนี้ล่ะ)

มีขนำอยู่สามลูกให้ข้าพเจ้าเลือก  ลูกที่ยังดี(ปลวกกินนิดหน่อย) ใช้เก็บเครื่อง นั่นเป็นลูกที่ข้าพเจ้าสมควรเข้าไปสิงสถิตย์ที่สุดแต่กลิ่นเครื่องรุนแรงมาก  ข้าพเจ้าอยู่ไม่ได้  เหลืออีกสองลูก  ข้าพเจ้าเลือกเอาลูกที่ปลวกกินน้อย..จากนั้นก็เริ่มปัดกวาด (ทิ้งไว้นานขะรับ เต็มไปด้วยขี้จิ้งจก ฝุ่น ปัดกวาดเสร็จออกไปหาแปรงลวดมาถูกพื้น..น้ำก็ไม่มีท่อประปาไปไม่ถึง  น้ำฝนที่เคยเก็บไว้ในโอ่งมีมือดีมาใช้จนหมด  ข้าพเจ้าต้องขนน้ำไม่รู้กี่รอบ  กว่าจะล้างเสร็จเล่นเอาเหนื่อยลิ้นห้อย  วันถัดมาเดินสายไฟ  ต้องไปรื้อสายไฟ  ซ่อมรอยต่อ เดินสายไฟ ทั้งหมดนั่นข้าพเจ้าต้องเดินไปเดินมา  น่าจะถึงสิบโล  ท่านลองคิดดูคันบ่อละร้อยเมตร เล่นเอาลิ้นห้อย(อีกที)  รื้อคัดเอ้าท์ที่สนิมเขรอะ  หลอดไฟใช้งานไม่ได้  กว่าจะเสร็จเล่นเอาลิ้นห้อย (สุดท้ายแล้)

จากนั้นถึงขั้นตอนย้ายข้าวของ

แม่เจ้า! ไม่น่าเชื่อ! ทั้งที่ข้าพเจ้ารึก็ตัดโน่นตัดนี่เสียนับว่าหายไปมากแล้ว  ข้าวของข้าพเจ้ายังเยอะจนต้องขนหลายรอบ  หอบจนลิ้น เอ่อ..พอก่อนดีกว่า  ประเดี๋ยวท่านจะหมั่นไส้เอา 

จัดข้าวของเสร็จนั่งหย่อนขาเปิดเพลงบรรเลงที่เก็บไว้ในเครื่อง  พักผ่อนกายาอันเมื่อยขบไปทั้งสรรพางค์  แต่โอ..ท่านย่า  แทนที่จะเย็นสบายยามบ่ายเหมือนกระต๊อบเก่ากลับนั่งรับไอร้อนจากหลังคากระเบื้อง  เหมือนอบซาวน่าอย่างไรอย่างนั้น  พอลมพัดมาทีเย็นที  พอลมพัดไปทีก็ร้อนที  ร้อน ๆ เย็น ๆ เย็น ๆ ร้อน ๆ  จนแทบจับไข้  ขนำมันอยู่กลางแดดไม่มีร่มเงาโพธิ์ทะเลอย่างขนำเก่า  ข้าพเจ้าไม่รู้จะไปนั่งที่ไหนเลยล่ะ 

สุดท้ายตัดสินใจอยู่ขนำที่ใช้เก็บเครื่อง  แล้วขั้นตอนกวาดถูก็เริ่มขึ้นอีกครา  จะฟังอีกทีไหม? ไม่เหรอ..

เอาล่ะสรุป..ข้าพเจ้าจึงได้มานั่งหมดเรี่ยวหมดแรงยกมือไม่ขึ้นแลสูดกลิ่นน้ำมันเครื่องจนคอหอยบวมเป่งอยู่นี่ล่ะขะรับ  บอกตัวเองว่าอย่างน้อยยังได้ล้างความรู้สึกผิดในใจที่พระมารดาฝากไว้แค่เนี้ยก็เฝ้าให้แกไม่ได้

มือขวามันค้อนอีกแล้วขะรับ  มันคอยอู้จะไม่ยอมพิมพ์ต่อ  เดี๋ยวข้าพเจ้าขอเวลาสั่งสอนมันเสียหน่อย  หนอย..มือซ้ายยังไม่บ่นสักคำ

ดีไมดีหากฝนไม่ตก  ข้าพเจ้าคงหอบมุ้งหมอนไปนอนขนำเก่า

"แล้วที่ทะลึ่งปัดกวาดเช็ดถูซะเหนื่อยแทบตาย..ทำไปทำไม?"

มือขวามันโวยขอรับ...เดี๋ยวข้าพเจ้าต้องจัดการ..ลาแค่นี้ก่อนขอรับท่านย่า
มานี่เลยเอ็ง...เดี๋ยวเอ็งเจอดี...รอเดี๋ยว...

อ้อ..คารวะชาขะรับ
ราตรีสวัสดิ์

มา..เลย..มา..

k r a t o m t u l e e Din : My Writing Life,

3 ความคิดเห็น:

  1. นานๆ หลงมาที บ้านกว้างขวางขึ้นนะท่านดิน.. ดีเจ้าค่ะ สบายตา หาง่าย ไม่โดนตัวหนังสือพันตา :D

    ตอบลบ
  2. ขนำร้างเช่นนี้..ท่านยังมีแก่ใจแวะมานะ
    นับถือ
    นับถือ

    ตอบลบ