ท่าเรือข้ามฟากสวยที่สุดในประเทศไทย
ผมขับรถฟังเพลงไปเรื่อย ๆ หยิบแผนที่ขึ้นมาดูหมายเลขถนนเป็นระยะกันหลงทาง เส้นทางออกจากหัวไทร เป็นถนนสองเลน ผ่านหมู่บ้านชนบท ทุ่งนา วัดวาอาราม ผมเลี้ยวซ้ายที่บ่อล้อออกตัดสายเอเชีย จากนั้นภูมิประเทศเปลี่ยนจากพื้นราบกลายเป็นที่ราบเนินเขา สูงต่ำลดหลั่นไปมา เส้นทางตัดป่าขึ้นควน(เขา)หนองหงษ์ที่สูงพอดู บรรยากาศคล้ายไปลดเลี้ยวอยู่ในเส้นทางภาคเหนือ พ้นควนหนองหงษ์ก็เหมือนเข้าสู่เขตฝั่งตะวันตก ผมขับไปดูหมายเลขถนนไปจนถึงวังวิเศษ แวะกินก๋วยเตี๋ยว จากนั้นออกเดินทางต่อ... มีขบวนขบวนรถช็อปเปอร์ทัวริ่งสวนทางมา..ฮ่า..ฮ่า..คอเดียวกัน..ผมอุทาน(ในใจ) ไม่ใช่ผมจะเป็นคอช็อปเปอร์คันละหลายแสนเวลาจะขี่ต้องสวมบู้ตยาว ๆ ไม่งั้นขนหน้าแข้งไหม้นะครับ แต่เป็นคนคอเดินทางเช่นเดียวกัน พบเจอแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเรามันจำพวกนกรอนแรมเหมือนกัน ขับไปจิบโค้กไปสักพัก จ๊ะเอ๋อาการหลงทางเข้าจนได้! เจอสามแยกไปบ้านท่ามะพร้าว..ในแผนที่ดูเหมือนว่า..บ้านท่ามะพร้าวจะเป็นทางลงเกาะลันตา ขับเลยแยกไปแล้วลังเล..ด้วยความไม่ประมาท(และไม่ต้องหยิ่ง) เลี้ยวกลับมาถามร้านค้าข้างทางได้ความว่าเกาะลันตาต้องไปอีก ขับต่อไปอีกประมาณ ๑๐ กิโลฯ จึงถึงแยกลงเกาะ เป็นเพราะแผนที่พิมพ์คำทับระหว่างสองจุดซึ่งความเป็นจริงห่างร่วมสิบกิโลฯ (แต่ระยะในแผนที่น่าจะสองกระเบียด) คำ บ.ท่ามะพร้าวพาดผ่านทั้งสองจุดทำให้สับสน แยกไปเกาะลันตาเป็นถนนสองเลนยังใหม่ อา..มาถึงแล้ว แต่ขับไปสักพักอารมณ์ก็เปลี่ยน! ถนนกลายเป็นสนามนักขี่มอเตอร์ไซค์วัยรุ่น ขี่กันเกะกะเต็มถนนจนไม่มีที่ให้รถใหญ่แซง ต้องขับตามหลังรอจังหวะไปเรื่อย ๆ ยิ่งใกล้ท่าเรือจำนวนมอเตอร์ไซค์ยิ่งมากขึ้น ใกล้ถึงท่าเรือ...เห็นรถต่อขบวนยาวเหยียดอ้อมโค้ง รถคันหน้าให้สัญญาณเลี้ยวเข้าข้างทางทั้งที่ยังอยู่ไกลจากรถที่จอดต่อคิว ผมงงอยู่ครู่หนึ่ง..กำลังคิดว่าจะเอาไงดี ปรากฏมีวัยรุ่นไล่ตีกันข้างหน้า! ผมชะลอรถเข้าจอดต่อท้าย ไม่เข้าไปดีกว่าเดี๋ยวโดนลูกหลง คันหน้าจอดดูท่าทีอยู่ครู่หนึ่งจนการไล่ตีหยุดลง สองฝ่ายยึดพื้นที่คนละฟากถนน ถือเหล็กแป็บยาวคอยคุมเชิงกัน พอขบวนรถที่จอดรอเคลื่อนตัว รถคันหน้าค่อย ๆ เคลื่อนไปต่อคิว..ผมขยับตาม..อย่างไรจะได้เป็นเพื่อนกัน เวรกรรม! ขบวนรถหยุดนิ่งในจังหวะที่ผมเข้าไปอยู่ตรงกลางระหว่างกลุ่มวัยรุ่นที่ยืนคุมเชิงสองฟากถนน วัยรุ่นเลือดร้อนวิ่งไปมาระหว่างรถ ผมได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ พอดีขบวนรถเคลื่อนตัว..ผมผ่านจุดนั้นมาอย่างอะดรีนาลีนฉีดพล่าน พอจอดรอที่ท่าเรือก็เหมือนหลุดมาสู่อีกโลกหนึ่ง ทิวทัศน์สวยอย่างไม่มีที่ไหนจะเทียบ นับเป็นท่าเรือสวยที่สุดในประเทศจริง ๆ เห็นเกาะอยู่เบื้องหน้าไม่ใกล้ไม่ไกลคงเป็นเกาะลันตา มีเกาะเล็ก ๆ ลอยอยู่ระหว่างกลาง ทำให้พิ้นทะเลดูไม่ว่างเปล่า มีสายเคเบิ้ลโยงข้ามไปยังเกาะเบื้องหน้ามีลูกโป่งสีสดห้อยเป็นระยะ(ไม่ทราบเรียกว่าอะไรผมเรียกลูกโป่งไปก่อนล่ะ) ผู้คนเดินไปมาขวักไขว่ ขบวนรถเคลื่อนผ่านตู้ขายตั๋ว..ผมได้ตั๋วมาสองใบ ก็ยังงง ๆ (แต่ทำเป็นเก๊กไม่เอ่ยถามกลัวคนขายจะรู้ว่ากะเหรี่ยงหลงทางมา) รถเคลื่อนผ่านคนตรวจตั๋วผมทำหน้าเหรอหรา ส่งตั๋วไปทั้งสองใบ ได้คืนมาใบหนึ่ง(ทำหน้าตาเฉยรับไว้) พอเคลื่อนรถลงจอดสนิทบนเรือเฟอร์รี่ เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำหนัก คลื่นทะเลปั่นป่วน ดีที่เป็นเรือใหญ่ เลยไม่มีอาการโคลงแต่ก็นั่งเร้าใจอยู่ในรถเพราะจอดเป็นคันแรกจ่ออยู่ที่หัวเรือหากมีการเทกระจาดกันขึ้นมา..(คิดมาก) เสียงเครื่องเรือกระหึ่มสู้เสียงคลื่นลม เรือเฟอร์รี่เร่งเครื่องเคลื่อนออกจากท่า หากไม่นับความน่ากลัวของคลื่นลมนับเป็นการข้ามฟากสู่เกาะลันตาที่คลาสิคมาก มองออกไปรอบด้าน บรรยากาศทึม ๆ ด้วยม่านพายุฝน เห็นเกาะข้างหน้าเพียงรางเลือน แรงลมหอบมวลฝนหนัก ๆ กระหน่ำกระจกรถตลอดเวลา..เหมือนเข้าสู่ดินแดนแห่งเทพนิยาย จุดหมายลอยอยู่เบื้องหน้า... (มีต่อ)
มองก็ไม่กล้ามอง เดี๋ยวมันจะหมั่นไส้เอา ห่วงรถก็ห่วง หากพวกมันไล่ตีกันขึ้นมาพลาดท่าพลาดทางรถผมมิโดนลูกหลงไปด้วยรึ! เกิดพวกมันบ้าพลังทุบกระจกรถขึ้นมา..วุ้ย! ยิ่งคิดยิ่งขนหัวลุก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น