เสียงซอด้วงเศร้าสร้อยครวญแว่วมาจากเรือนปั้นหยาหลังใหญ่ในรั้วชบา เสียงครวญหวนไห้อาลัยหาราวจะกลั่นน้ำตาระรินไหล บางครั้งทอดทำนองลงอย่างอาลัย..บางคราถี่กระชั้นสั่นไหวราวร่ำหัวใจระรัวร้อง ทิ้งท่วงทำนองหวิวไหวปานจะสิ้นใจ แต่แล้วกลับกระชับเนิบช้าราวกับว่าความหวังเรืองโรจน์กลับคืนมา

เสียงกังวานหวานระคนเศร้าโลมไล้พรายพริ้มไปตามริมไม้ปลายหญ้าแม้หรีดหริ่งรอบเรือนยังหยุดกรีดปีกร่ำร้องเฝ้าสดับอยู่โดยเงียบงัน กลิ่นโมกหอมอ่อนล่องลอยมากับสายลม เรื่อยไล้ตะโกดัดในโอ่งใหญ่เชิงบันได ผีเสื้อราตรีขยับปีกบินลอดเชิงซุ้มประตูผ่านกรงนกแขวนชายคา สาลิกาในกรงเหลือบตากะพริบ กลับซุกหัวลึกเข้าในปีกไม่ใส่ใจ

แสงไฟแสงไต้โยกย้ายวับวอมอยู่ในเงื้อมเงารายรอบเรือนเหมือนผู้เหย้ากล่าวคำทักทายอาคันตุกะยามวิกาล

ผีเสื้อราตรีบินโฉบกระถางบัว แมลงน้อยตกใจผละกลีบละมุน ผีเสื้อโผเกาะฝาเรือน แสงไต้สะท้อนดวงตาเป็นประกายเพลิงพริบพราย

ประกายดุจเดียวกับเรือนพลอยทับทิมเม็ดเขื่องประดับซอสะท้อนแสงแวบวับยามคันซอขยับยักย้าย

หญิงสาวห่มสไบทองนั่งพริ้มตาเหนือตั่งขัดเงา มือขยับคันซออ่อนช้อยราวทิพย์อัปสรฟ้อนนาฎลีลา เสียงซอยังอ้อยสร้อยละห้อยหาเหมือนคร่ำครวญถึงคนรักที่จากไปไกลตา..

เสียงหับประตูแผ่วเบา

นางช้อนตามองขณะทอดทำนองอ้อยอิ่ง ชายวัยกลางคนยกมือปราม นางยิ้มอ่อนหวาน ลักยิ้มพริ้มเงาอยู่ชั่วครู่ก่อนจางหาย ฝ่ายชายก้าวโดยแผ่วนั่งลงข้างกาย แผ่นหลังเหยียดตรงมือทั้งสองวางเหนือเข่า กางเกงแพรเลื่อมเงาสะท้อนแสงไฟ เสียงซอทอดสำเนียงราวอาลัยลาแผ่วเบาจนเงียบหาย

"ไยไม่สีต่อ?" เขาพับเข่าวางเหนือตั่งหันกายหาหญิงสาว "ฉันแค่อยากมาฟังใกล้ ๆ"

"เกรงเสียงซอรบกวนคุณพี่" หญิงสาวประกบคันชักหาคันซอวางลงอย่างทะนุถนอม

"ไม่รบกวนดอกสไบทอง ดีเสียอีกทำงานพลางมีเสียงดนตรีกล่อม"

"แต่ทำให้คุณพี่ต้องผละงาน"

"ใครจะอดใจอยู่กับงานได้ เสียงซอเศร้าสร้อยกระนี้" เขายิ้มอ่อนโยน

"ดิฉันสีเพลงสุขต่างหาก ไยคุณพี่ฟังเป็นเศร้าเสียได้" หญิงสาวยิ้มสัพยอก

"นั่นสินะ" เขาเอื้อมฉวยนวลมือนุ่มใช้มืออีกข้างประกบลงแผ่วเบา ความอบอุ่นแผ่ซ่านสู่ห้วงใจหญิงสาว "หรือเพราะใจฉันเศร้าสร้อย..ท่านจึงว่าใจเช่นไรดนตรีก็เป็นเช่นนั้น"

หญิงสาวเขินอายยื้อมือคืนเขากลับยึดไว้

"ไม่ทราบใจคุณพี่สิคะ" หญิงสาวดึงมืออีกครั้งกลับถูกยึดไว้แน่นกว่าเดิม "ปล่อยเถอะค่ะ ประเดี๋ยวพวกบ่าวไพร่มาปะเข้า"

ฝ่ายชายอมยิ้ม "ไม่มีใครดอกสไบทอง ฉันบอกให้กลับเรือนกันหมดแล้ว บนเรือนใหญ่ยามนี้เห็นจะมีก็แต่เราสอง" กล่าวจบนั่งอมยิ้มมองหญิงสาวอยู่เยี่ยงนั้น

พวงแก้มอ่อนอิ่มระเรื่อเหมือนจะแข่งแสงไต้ ดวงตากระจ่างใสส่งค้อนก่อนเสมองไปทางเงาสลัวของซุ้มประตูปล่อยแขนนวลผ่องทอดอยู่ในเกาะกุมของอีกฝ่าย

"ฉันมีของขวัญให้สไบทอง"

หญิงสาวเลิกคิ้วหันมองดวงตาอ้อนกังขา

"เป็นของที่สไบทองใคร่ได้มาเนิ่นแล้ว ฉันเสาะหาอยู่เป็นนาน"

โค้งคิ้วกิ่วโก่งงามค้อมหากัน

"สไบทองไปดูเองเถอะ..อยู่ในห้องแน่ะ"

หญิงสาวขยับกาย ชายผ้าทอสะท้อนเงาคลี่เคลื่อนเลื่อนลงสู่พื้น เยื้องกายไปทางเรือนนอน เรียวนิ้วช้อยผลักบานประตูแผ่ว..เพ่งแววตาคมมองภายในด้วยใจพิศวง

(มีต่อ)

9 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ4 มกราคม 2552 เวลา 12:07

    รอมาตั้งนาน ในที่สุดท่านก็เอามาลงเสียที แหม..แต่เล่นสลับฉากทรมานใจคนอ่านยิ่งกว่าเก่า


    ตกลง'คุณพี่'กับ'แม่หญิงสไบทอง'นี่เขาเป็นฝาละมีแอนด์พันละเมียกันรึเปล่าทั่น อ่านๆไปรู้สึกเหมือนแอบลักลอกพบปะกันยังไงก็ม่ายรุ๊

    ตรงประโยค
    "ปล่อยเถอะค่ะ ประเดี๋ยวพวกข้ามาปะเข้า"

    พวกข้าไหนเจ้าคะ ข้าทาสบริวาร? หรือ พวกข้าที่หมายถึงพรรคพวกของแม่นาง?


    ผีเสื้อราตรีขยับปีกบินรอดเชิงซุ้มประตู

    ตั้งใจใช้'รอด'หรือเปล่าเจ้าคะ?

    รอดพ้นอันตราย หรือ ผ่านเข้าไปในช่องแคบๆ?

    สงกะสัยจึงอยากไต่ถาม

    แต่เรื่องนี้ของท่านอ่านเพลินดีจัง ข้าเจ้าชอบตั้งแต่สองตอนก่อนแล้วล่ะ พรรณนาราวกับจะพาข้าเจ้าล่องลอยตามตัวอักษรท่านไปด้วยแน่ะ

    อาทิตย์สุขสันต์
    สายลม

    ตอบลบ
  2. อาทิตย์สุขสรรสวัสดิ์ขอรับท่านสาย

    ข้อสังเกตท่านทำเอาข้าพเจ้าสะดุ้งเฮือก! ตอนจิ้มอักขระข้าพเจ้านั่งเล่นคลอสเวิร์ดเป็นนานไม่รู้ใช้คำอะไรดี จะว่า 'อ้ายอี'ก็เหมาะกับประดาบุคลิกภาพเย่อหยิ่งถือตัว แต่นี่แม่สไบทองเธอออกจะอ่อนหวานปานนั้น จะให้เรียกข้าทาสบริวารว่ากระไรดี ข้าพเจ้าใช้คำ 'ข้า'ไปโดยมิทันสะกิดใจเลยนะทั่นว่าจะมีนักอ่านหัวใจยุกยิกไพล่ความไปทางพรรคพวกของแม่นางเข้าได้ ฮืมมม์..

    การเขียนที่ยังคลุมเคลือเป็นจุดอ่อนต้องระวัง ข้าพเจ้าเก็บไว้ขบคิดสักหลายเพลาเพราะยามนี้ไม่รู้ใช้คำใดจริง ๆ (ท่านมีคำแนะนำไหม?)

    แลคำ 'รอด' นั้นก็ต้องโขกศีรษะขอบพระคุณอีกครั้ง

    ข้าพเจ้าอ่านทวนเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบเก้ารอบ แต่ก็ยังมีคำผิดเล็ดลอดจนได้ แล้วจะแก้ไขขอรับ (ไม่ใช่กำลังภายในนะขะรับ ที่ประตูมันจะงับเจ้าผีเสื้อกลางคืนตัวนั้นให้หลบหลีกรอดพ้นอันตรายไปได้ ฮึ!)

    ขอบคุณที่เอื้อคำชมไปถึงสองตอนก่อน จะเขียนทุกวันมิให้ขาดหาย ปะม่องใดสมควรชี้แนะขออย่าได้ลังเลบอกกล่าวเทียวขะรับ ผู้น้อยน้อมรับฟังด้วยสำนึกในพระคุณไม่หน่ายเลย

    สวัสดีปีใหม่ขะรับ

    ตอบลบ
  3. แก้แล้ว..เป็นไงบ้าง?

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ4 มกราคม 2552 เวลา 16:37

    คำบ้านๆ ที่เขาใช้กันเกลื่อน

    'บ่าวไพร่' หรือถ้าอยากได้แบบคำเดียวก็'บ่าว'


    เฮ่อ...คิดไม่ออกเหมือนกัลล์

    แต่ท่านนี่ว่องไวชะมัด ไหนบอกคิดไม่ออกไง?


    แม่สายสวาท

    ตอบลบ
  5. ไม่ได้คิด..จิ๊กมาจากคำทั่นนั่นแหละ
    อะนะช่วยกัลล์..ช่วยกัลล์..

    พ่อสายตลอด

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ4 มกราคม 2552 เวลา 20:48

    แป๊ป ๆ สองทุ่มกว่าแล้วสวัสดิ์ครับพี่ท่าน

    หยุด5วันนี้พี่ท่านไปทำอะไรมาบ้าง ที่ถามนี่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกครับพี่ท่าน จะเกริ่นเพื่อเล่าถึงกิจกรรม5วันที่ผ่านมาของผม พี่ท่านเชื่อไหม ได้เรื่องสั้นมาตั้งสามเรื่อง แต่ไม่จบสักเรื่อง (ฮา)

    ไม่ได้เครียดอะไรหรอกครับกับเรื่องนี้ อย่างที่พี่ท่านบอก เขียนไม่ได้ดั่งใจก็ถือเป็นการฝึกเขียนไป 5วันที่ผ่านมาผมลองฝึกวัตรปฏิบัติใหม่ ทอลองตื่นก่อนเวลาปรกติ นอนหลังเวลาปรกติ วันที่สองที่สามเริ่มพอได้ (หวังว่าถ้าวันพรุ่งเริ่มงานจริง ๆ ที่ฝึกมาจะไม่สูญเปล่า)

    พี่ท่านเคยมีปัญหากับการเขียนเรื่องสั้นไหมครับ ปัญหาที่ผมกำลังเจอคือเปิดเรื่องได้ แต่ทว่าต่อให้เข้ากับประเด็นของเรื่องไม่ได้ พี่ท่านอาจงง(ผมก็งง ๆ ไม่รู้จะอธิบายยังไงถูก ฮา )เอาเป็นว่า มันดูไม่ลื่นไหลเหมือนเรื่องของคนอื่น ๆ เหมือนจู่ ๆ ไอ้คนเดินเรื่องมันอยากจะนึกอะไรขึ้นมาก็นึก ไม่รุ่มรวย ผมลองมานั่งเทียบเคียงกับงานของพี่หนก(ตอนนี้ขอยกพี่เขาเป็นครูด้วยคารวะต่องานท่าน)ยิ่งสังเกตก็ยิ่งเห็น สมมุติว่าแกจะโยนเรื่องราวจากปัจจุบันไปในอดีต เหมือนกับว่าคนอ่านแทบไม่รู้ตัว ไม่มีรูปคำประเภทว่า 'เขานึกไปถึงวัยเด็ก''เขาจำได้ในวัยเด็ก'อะไรเทือกนั้น หรือถ้ามีมันก็น้อยแสนน้อยแม้พี่แกจะเล่าเรื่องสลับอดีตกับปัจจุบันอยู่ย่อหน้าต่อย่อหน้าก็ตามที อัศจรรย์ไหมละครับ

    5วันที่ผ่านมาทำให้ผมได้คิดอะไรบางอย่างได้

    ผมมาลองนั่งนึกดู ที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้ลองหัดเรื่องพวกนี้อย่างจริงจังเลย เคยคิดไปว่าการได้เขียนกลอนนั้นก็ถือเป็นสุดยอดของการฝึกใช้คำแล้วละ แต่ผิดถนัดเลยพี่ท่าน กลับไม่ได้ช่วยเรื่องของการต่อประโยคแต่อย่างใดเลย มีอยู่เรื่องหนึ่งในสามเรื่อง ผมตั้งชื่อไว้ว่า 'ผู้ลาดตระเวน'นั่นนับเป็นเรื่องที่ผมเจอปัญหาเข้าอย่างจัง ผมบรรยายฉากเริ่มเรื่องได้อย่างสวยงาม (อย่างน้อยก็ในความรู้สึกผม ผมคิดว่าพอใจ)แต่ผ่านไปสักครึ่งหน้าดันเอาตัวละครออกมาไม่ได้ พยายามยังไงมันก็ดูเหมือนจงใจเกินไปที่จะให้ตัวละครออกมา พอมาเปลี่ยนเป็นการนึกของคนเดินเรื่องยิ่งไปกันใหญ่ ติดอยู่แต่คำจำพวก'เขาจำได้ว่า...เขายังจำได้..'อะไรพวกนี้

    สุดท้ายผลก็ออกมาอย่างที่บอกนั่นแหละครับพี่ท่าน เรื่องสั้นที่ตั้งอกตั้งใจว่า5วันนี้คงสมบูรณ์สักเรื่องก็ยังไม่ไปถึงไหน

    แวะมาบ่นตามประสาคนฟุ้งซ่านอีกตามเคย

    หวังพี่ท่านไม่ถือสานะครับ

    ปล.ช่วงนี้คงหยุดใช้เน็ตสักพัก ไว้เรื่องสั้น1ใน3เรื่องจบจะมารบกวนพี่ท่านใหม่

    ด้วยความเคารพเหมียนเดิมล์

    คั่นฯ

    ตอบลบ
  7. ล่วงวันใหม่สวัสดิ์ขอรับท่านคั่น

    ต่อไปนี้หากข้าพเจ้ากล่าวไม่ได้ความถามไม่รู้เรื่องของท่านพึงเข้าใจว่าข้าพเจ้าอ้อแอ้ได้ที่แล้วนะขะรับ

    ทั้งตั้งใจว่าปีใหม่จะไม่ยอมให้แอลกอฮอล์พ้องพาน แต่สหายเลิฟก็ชักพากันลุยน้ำท่วมบางหิ้งเหล้ามาชวนชนข้าพเจ้าถึงขนำจนได้

    เป็นความยินดีได้ยินข้อข้องคาใจนี้

    ท่านดำเนินถึงปากกะตูแห่งสตอรี่เทลเลอร์แล้วละขะรับ
    ผู้วนเวียนอยู่กับบอกเล่าด้วยเอาง่ายเข้าว่าจะไม่มีวันลุถึงตำแหน่งอันท่านสงกาอยู่เลย

    การทำไม่ให้ดูจงใจนั้นเป็นทักษะนักเล่าโดยแท้ หวังท่านจะค้นพบทักษะใช้ในแต่ละสถานะการณ์ของเรื่องโดยละม่อม

    แลหวังเพียงท่านไม่รังเกียจความจงใจ ซึ่งบางครั้งหากสถานะการณ์เหมาะก็เป็นจังหวะที่ลงตัวชนิดหนึ่ง

    ข้าพเจ้าเคยเจอะมุกเด็ดของสตีเฟ่น คิงก์ ประมาณว่า..ปล่อยตัวละคอนพูด..แกอยากเล่าใช่ใหม่ หากไม่เล่าแกคงอึดอัดแย่ เอาสิ..ลองเล่าข้าจะลองฟัง..

    จากนั้นเรื่องราวย้อนอดีตอันฝาหรั่งเรียกแฟลชแบ็คร่ายเรียงมาเป็นกระตั๊ก ซึ่งก็เสริมเนื้อหาอันจะดำเนินต่อไป

    คิดถึงครั้งข้าพเจ้าเอา 'ซำหม้อ' ลงบอร์ดหนอน ใคร่ทราบว่าจะสามารถใช้มุกหลับฝันซึ่งใช้กันมาจนเฝือโดยผู้อ่านไม่รู้สึกได้หรือไม่?

    ผลมีแต่พี่สองสิณจญ์ท่านเดียวที่กล่าวออกมาว่า 'เขียนซะเนียนเชียวนะ!' นั่นเป็นความเก๋าของตะแกโดยแท้ แต่ก็ให้คำตอบข้าพเจ้าต่อผลการทดลองเขียนเยี่ยงนั้น

    ค้นหาต่อไปขะรับท่านคั่น

    ไม่แน่ว่าสเน่ห์ของการเขียนอาจอยู่ตรงนี้นี่เอง ตรงที่ทำอย่างไรก้าวข้ามขีดจำกัดความพอใจของเราไปให้ได้

    ข้าพเจ้าไม่มีวันหยุด ฉะนั้น ๕ วันที่ผ่านตอบได้เต็มคำว่า เขียนหนังสือขอรับทั่นคั่นที่เคารพ

    คารวะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ6 มกราคม 2552 เวลา 16:04

    ตกลงเอา'บ่าวไพร่'หรือท่าน?

    ข้าเจ้าเพิ่งได้ฤกษ์ยุรยาตรออกมาจากวิมานรูหนูหามื้อเช้ายัดใส่ท้อง

    เมื่อคืนกว่าจะได้ข่มตาหลับขับตานอนเล่นเอาสว่างคาตา เพื่อนเก่าไม่ได้แวะมาทักทายหรอกเจ้าค่ะ แต่เพื่อนที่อยู่ด้วยกันมันเล่นทิ้งให้ข้าเจ้านอนกอดหมอนข้างอยู่เดียวดายตั้งอาทิตย์นึง ไอ้เราก็ดันเป็นประเภทพวกจินตนาการบรรเจิด เลยไม่กล้าแม้แต่จะกระพริบตา ขนาดเปิดไฟสว่างโร่ยังต้องนั่งถ่างตาทั้งคืน

    ยังไม่รู้เลยคืนนี้จะเอาไง สงสัยคงต้องหาใครมานอนด้วยสักคน ปล่อยไว้อย่างนี้เห็นทีจะอันตราย

    วันนี้ดวงดีจริงได้เห็นหิมะตกในเมืองไทยด้วย ท่านเห็นป่าว? คิกคิก

    สุขสันต์วันเดียวดาย
    โดดเดี่ยวผู้น่ารัก

    ตอบลบ
  9. ตกลงเอา 'บ่าวไพร่' เจ้าค่ะ(ไม่ได้ทั่นล่ะคิดไม่ออกดอกนะเนี่ย)
    อา..กลัวผีนี่เอง..แบล๋..แบล๋..
    แสงหิ่งห้อยต่างหาก หิมะที่ไหนกัลล์

    โดดเดี่ยวผู้น่าหยิก

    กระพริบ --> กะพริบ

    ตอบลบ