๒
แสงไต้วับแวมผ่านรอยแยกแทรกบานประตูเผยอ้า เคลื่อนฝ่าเงาสลัวภายในห้องอย่างเงียบงันคล้ายอสรพิษเลื้อยแหวกพงหญ้า กลิ่นบุหงารำไปเย็นรื่นชื่นโชยต้องนาสิก ลำแสงอ่อนค่อยเคลื่อนเลื่อนตามบานประตูตรงยังวัตถุสีทองสะท้อนเงาหญิงสาวเลิกคิ้วกิ่วโก่งเยื้องปลายเท้านวลผ่องยกย่าง ผ้าทอเนื้อหนาสอดดิ้นทองเลื่อนไล้ธรณีประตูสู่ภายใน
นางเคลื่อนกายแช่มช้าใช้สองมือรวบผ้าจากด้านหลังย่อกายลงนั่งพับเพียบเบื้องหน้าหญิงสาววงพักตร์โค้งมน ขนตางอนโก่งงามอยู่เหนือประกายตาคมใส สันนาสิกต้องแสงแฝงเงาทอดสู่ริมฝีปากอวบอิ่มพริ้มเผยอ แพรผมเรียบต้องแสงเลื่อมแววสะท้อนวาวเลือนหายในเงาสลัวรางคล้ายงำเรื่องราวเร้นลับ
หญิงสาวยื่นเรียวนิ้วสัมผัสวงพักตร์งามตรงหน้า เลื่อนไล้อย่างถนอมออมเอื้อม แววตาสดใสตรงข้ามสั่นสะท้าน พรายน้ำพลันรื้นเลื่อนเลือนขอบคมตาหยดประกายพรายพริ้มผ่านอิ่มแก้ม
เงามืดเคลื่อนมาบดบัง
ใบหน้าเข้มขรึมประดับเรียวหนวดบางเหนือรอยยิ้มปรากฎอยู่เยื้องวงพักตร์หญิงสาวเบื้องหน้า
"ชอบไหม?"
แทนคำตอบนางอิงแผ่นหลังแนบอกอุ่น กรุ่นกลิ่นลมหายใจเจือใบยาสูบโชยอยู่บางเบา
"ดูสิสไบทองของฉันงดงามเพียงใด ฉันน่ะอยากเก็บสไบทองไว้ในคันฉ่องนี้ไม่อยากให้ใครมาเห็นกลัวเขาจะแย่งสไบทองของฉันไป"
"ไม่มีใครหาญแย่งดอกเจ้าค่ะ สไบทองเป็นของคุณพี่แล้ว.." นางพริ้มหลบดวงตาคมเข้ม "ทั้งกายใจ"
"กระนั้นก็เถอะ ประสาคนรักคนหวง ฉันรักของฉันอย่างนี้ หักใจได้ที่ไหนจะไม่หวง"
สองมือโอบอ้อมไหล่ทาบผ่านทับทรวง กายหญิงสาวสะท้านสั่นหัวใจหวิวไหวระรัวเอียงแก้มอิงซบต้นแขนอุ่นที่ปกป้องคุ้มครองนาง
แสงไต้ยักย้ายวับวอมอยู่ชั่วครู่ก่อนวูบวับดับลง ยินยอมปล่อยม่านราตรีคลี่เคลื่อนลงห่มหล้าเหลือเพียงเงาจันทร์ข้างแรมแซมดารา เสียงหรีดหริ่งกลับมาระงมร้อง แว่วครวญสายลมหยอกเย้าเคล้าคลึงเรียวจันทรา พันธุ์พฤกษาในรั้วชบาส่ายไหว ม่านลูกไม้ยักย้ายไกวลมกรรโชกราวพายุจะพัดโหมกระหน่ำมา และแล้วความเงียบก็เคลื่อนเข้าแทนที่ รายรอบเรือนราตรีหลับไหลอยู่ในภวังค์
(มีต่อ)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น