ห้องพักหมายเลข 510 : ต้นไม้ริมระเบียง(สายลม)
ในทุกเช้าของสังคมเมือง-มักหนีไม่พ้นเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจร้อยแปดสารพันอย่างดังระงมอยู่ทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้ริมรั้วอพาร์ตเม้นต์เล็กๆ ขนาดเจ็ดชั้นแห่งหนึ่งที่ซุกกายอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ในย่านชุมชนชาวแฟลตของมหานคร
Comment : กาย-ไม่น่าใช้กับสิ่งไม่มีชีวิตนะขอรับ(แต่ใช้อะไรแทนในความรู้สึกเดียวกันนี่สิ..คิดไม่ออก)
ทำเลของอพาร์ตเม้นต์จัดว่าอยู่ในมุมสงบแต่ไม่ถึงกับเงียบนัก ทางทิศเหนือของอพาร์ตเม้นต์มีซอยแคบๆ ขนานไปกับรั้วคอนกรีตสูงเลยศีรษะ พื้นที่ถนนกว้างพอให้มอเตอร์ไซด์วิ่งสวนกันได้แบบทุลักทุเล ในทุกเช้าบริเวณซอยแห่งนี้จะมีพ่อค้าแม่ขายห้าหกรายรวมตัวกันยึดพื้นที่บาง-ส่วนตั้งเป็นตลาดย่อมๆ ขายของสดสำหรับประกอบอาหาร จึงหนีไม่พ้นที่จะมีเสียงจ๊อกแจ๊กคล้ายนกกระจอกแตกรังจากผู้มาจับจ่ายซื้อ-ของ และเสียงมอเตอร์ไซด์วิ่งเข้า-ออกกันขวักไขว่ดังขึ้นมาถึงห้องพักหมายเลข 510 ให้สดับตรับฟัง และแน่นอน ห้อง 510 เป็นห้องพักของฉันเอง
Comment : กล่าวถึงอพาร์ตเม้นต์ในประโยคนำแล้ว หากตัดออกจะกระชับกว่าไหม? ใน-น่าจะมาจาก In the Morning ภาษาไทยไม่ต้องใช้-ใน-ก็ได้ความ
บางคนอาจคิดรำคาญเสียงชุลมุนวุ่นวายเหล่านั้น แต่ฉันไม่เคยรู้สึกอะไรกับมันเลยสักนิด เพราะกว่าฉันจะลืมตาตื่นขึ้นมาผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยซื้อหากับข้าวคงกลับ-ไปทำมื้อเช้าและนั่งกินกันอิ่มแปล้ ส่วนพ่อค้าแม่ขายก็คงเก็บข้าวของไปนอนตีพุงที่บ้านสบายใจไปแล้ว
ฉันไม่เคยแปลกใจว่าทำไมฉันยังนอนหลับอุตุอยู่ได้ท่ามกลางเสียงนานาสารพันที่-ว่า เพราะครั้งหนึ่งเคยมีคำวิจารณ์จากบางคนมาเข้าหู “มันนอนขี้เซาบรรลัยเลย” นั่นคือคำตอบว่าทำไมฉันยังนอนหลับสบายอยู่บนเหนือเสียงวุ่นวายเบื้องล่างอย่างไม่-อนาทรร้อนใจใดๆ บางทีฉันก็แอบคิดว่านี่เป็นข้อดีอย่างหนึ่งในชีวิตที่ฉันมี (ใช้ 'ของฉัน'แทนเป็นไง?)
Comment : ใช้'บน'ให้ความรู้สึกว่าทับอยู่ด้านบน หากใช้ 'เหนือ' คิดว่าเป็นอย่างไร?(ข้าพเจ้าไม่แน่ใจ)
ห้องพักหมายเลข 510 มีระเบียงแคบๆ ขนาดหนึ่งคูณสามเมตร ขึงลวดสำหรับตากผ้าไว้ด้านบน มุมฝาผนังติดประตูเป็นที่วางชั้นรองเท้าขนาดสองชั้น ถ้าจะเรียกชั้นวางนี้ว่า ‘สุสานรองเท้า’ คงไม่ผิดนัก เพราะไม่เคยมีใครรื้อรองเท้าที่เอามาวางบนชั้นนี้ไปใช้อีก และไม่มีใครอีกเช่นกันที่ตัดใจทิ้งมันได้ลงคอ รองเท้าที่วางบนชั้นจึงไม่เคยลดลงนอกจากจะเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ
ตลอดแถวริมระเบียงเต็มไปด้วยกระถางต้นไม้หลากสายพันธุ์-ที่เพื่อนร่วมห้องของฉันซื้อมาวางไว้ ก็คงต้องบอกว่าซื้อมาวางไว้นั่นแหละ เพราะตอนที่ซื้อเธอยกมาทั้งกระถาง หาที่เหมาะสมได้แล้วก็วางมันลงไป รดน้ำให้มันบ้างตามสะดวกเจ้าของ ตามความสะดวกที่ว่านี่ก็หมายถึงเวลาที่เธอตื่นนอน ต้นไม้จะได้น้ำทันทีที่เธอลุกจากเตียง ไม่ว่าตอนนั้นจะเป็นเวลาไหน แม้แต่เที่ยงวันหรือบ่ายสอง ทุกครั้งที่ฉันมองต้นไม้เหล่านั้น ฉันมักรู้สึกว่า พวกมันพิกลพิการไม่สมประกอบเลยสักต้น
มุมในสุดของระเบียงเป็นที่ซ้อนเรียงของกระถางเปล่าหลายขนาด ซึ่งจะเพิ่มจำนวนขึ้นตามจำนวนต้นไม้ที่ตายไป แน่นอนว่าตอนนี้มันได้ซ้อนเรียงกันเป็นตั้งสูงจนขี้คร้านจะนับจำนวน และอีกไม่ช้าไม่นานมันคงได้จัดงานเลี้ยงฉลองต้อนรับสมาชิกใหม่อีกครั้ง
กระถางทุกใบล้วนมีตำนานความเป็นมา ฉันจำรายละเอียดได้ไม่หมดในทุกใบ นอกจากใบใหญ่สุดที่จำได้ไม่เคยลืม และมักมีรอยยิ้มผุดพรายตามมาด้วยเสมอในทุกครั้งที่นึกถึง
Comment : ระวังคำ 'ใน' นะขอรับ น่าจะเป็นคำติดปาก
จำได้ว่าวันหนึ่ง เธอผู้เป็นเพื่อนร่วมห้อง ไปเที่ยวสวนจตุจักรและกลับมาพร้อมต้นไม้ชนิดหนึ่งหอบประคองไว้ในอ้อมแขน มันสูงประมาณหน้าอก ใบมีขนาดเท่าเหรียญห้าบาทดกหนาเขียวชอุ่มไปทั้งต้น ด้านบนมีดอกตูมเต่งนับสิบเข่งแข่งกันชูก้านรอเวลาผลิบานอวดความเย้ายวน ฉันถามเธอว่าต้นอะไร น้ำเสียงที่ตอบกลับบอกความภาคภูมิใจเสียนักหนาเมื่อเธอสามารถเป็นเจ้าของมัน ได้
Comment : 'เย้ายวน' เป็นกริยา ไม่น่าจะใส่ 'ความ' นำหน้าเพื่อให้เป็นคำนามได้นะขอรับ ท่านลองคิดถึงกริยา เดิน กิน แล้วใส่ 'ความ' นำหน้าดูจะได้ความรู้สึกที่ข้าพเจ้าเป็นอยู่ แต่เพราะหาใช่ผู้ชำนาญหลักภาษาอันใด จึงคุยกันในแง่มุมความรู้สึก
'กลับ' -จะใช้ต่อเมื่อเป็นไปทางตรงข้ามกับประโยคก่อนหน้า
'เมื่อเธอสามารถเป็นเจ้าของมัน ได้'-คอยระมัดระวังประโยคอย่างนี้นะขอรับ หากกล่าวเพียง 'เมื่อเธอเป็นเจ้าของมัน' ก็ได้ความ คำที่เหลือจึงล้วนไม่มีความจำเป็น
“กุหลาบเลื้อย --- สวยมั้ย”
“อืม สวย”
ฉันไม่ได้พูดโกหกเลย แม้ฉันจะรู้ตัวว่าสายตาฉันไม่ได้มีไว้สำหรับมองงานศิลปะชนิดใดก็ตาม แต่ฉันก็พอแยกแยะความสวยกับความไม่สวยได้ในระดับหนึ่ง และไม่ว่าจะมองมุมไหนกุหลาบเลื้อยต้นนั้นก็สวยหมดจดในความรู้สึกฉัน
ครบหนึ่งอาทิตย์ กุหลาบเลื้อยแสนงามที่เคยเขียวชอุ่มกลับเหลืองอร่ามไปทั้งต้น ฉันยังแอบสงสัยว่าตอนเพาะพันธุ์อาจมีใครสักคนตัดต่อยีนต์ยีนส์(สะกดอย่างนี้ไหม?)จิ้งจกหรือกิ้งก่า-มาใส่ในยีนต์ยีนส์กุหลาบเลื้อยต้นนี้ก็เป็นได้ เพราะมันเปลี่ยนสีได้ฉับไวและมีประสิทธิภาพยิ่ง ไม่มีรอยตำหนิใดๆ ให้เห็น
หลังจากนั้นทุกวันเมื่อเธอตื่นนอน นอกจากเธอจะรดน้ำต้นไม้แล้ว ยังต้องจัดการกับใบของกุหลาบเลื้อยที่ร่วงหล่นเกลื่อนพื้น แต่ไม่น่าเป็นห่วงเป็นใยมากนัก เพราะเธอทำหน้าที่นั้นอยู่เพียงอาทิตย์เดียว กุหลาบแสนงามก็เหลือแค่ตอยืนต้นโด่เด่ ดอกตูมเต่งนับสิบที่มี มีโอกาสแย้มบานชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ฉันคิดว่ามันคงพยายามต่อสู้น่าดูเพื่อ-ให้กลีบแต่ละกลีบได้คลี่ขยายอวดเนื้อนวล
หลังจากจัดการกับซากกุหลาบที่เธอภาคภูมิใจจนเรียบร้อย วันหยุดถัดมาตำแหน่งที่เคยวางกระถางกุหลาบเลื้อย ก็เป็นของต้นไม้อื่น และเป็นของต้นอื่นอยู่(ไป)เรื่อยๆ ซึ่งสลับหมุนเวียนกันเข้ามาทิ้งซากไว้ ไม่เว้นแม้แต่พริกขี้หนู!
ครั้งหนึ่งฉันเคยถามเธอ “แกจะซื้อมาอีกทำไมวะ เดี๋ยวมันก็ตายอีก”
เธอตอบกลับมาว่า “ทำไมล่ะ ก็ฉันอยากปลูก”
คำตอบธรรมดาแต่ความหมายไม่ธรรมดา ทำให้ฉันไม่ถามเธออีก นอกจาก(เฝ้า)มองดูเธอดูแลต้นไม้ของเธอ และชื่นชม(พวกมัน)ต้นไม้เหล่านั้นเมื่อเธอมีโอกาส (ขึ้นย่อหน้าใหม่เพื่อปิดท้าย)
ไม่รู้ว่าแปลกไหมที่ฉันมักนั่งอมยิ้มทุกครั้งเมื่อรู้ว่ามีต้นใดต้นหนึ่งได้จากไปอีกแล้ว
OOO
Note :
เครื่องหมาย - ใส่ไว้ตรงตำแหน่งเว้นวรรคที่ข้าพเจ้าคิดว่าไม่น่าจะเว้น
ขีดทับอักษร เป็นคำที่น่าจะตัดออกได้โดยไม่เสียความและสำนวนภาษา
ในวงเล็บเป็นคำใส่เพิ่ม
วิเคราะห์บทความแยกเป็นสองส่วน
๑ ประเด็น,วิธีนำเสนอ
๒ ข้อปลีกย่อยการใช้ภาษา
๑ ประเด็นและวิธีนำเสนอ
สี่ย่อหน้าแรกน่าจะยุบรวมกันเหลือเพียงแนะนำอพาร์ตเม้นต์
เนื้อหาไม่เกี่ยวกับเสียงชุลมุนจอแจและอาการขี้เซา(“มันนอนขี้เซาบรรลัยเลย” บอกใบ้ให้คนอ่านพยายามเดาว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจากอาการนี้ แต่ไม่มี) หากเปิดอย่างนี้และเนื้อหานำไปสู่ผลที่เกิดจากอาการขี้เซาในเสียงจอแจและปิด จะได้บทความที่สมบูรณ์
แต่นั่นเป็นคนละประเด็น
ที่ท่านอ่านแล้วรู้สึกสะดุดข้าพเจ้าเดาว่าเป็นเพราะเนื้อหาต้นกลางท้ายยังไม่สอดรับกัน อีกอย่างส่วนเนื้อหายังไม่เร่งเร้าถึงขีดสุดของประเด็นที่ท่านต้องการจับตอนจบจึงไม่ปิดคลิก!ดังหมายใจ
ประเด็นของบทความคือ อุปนิสัยรักต้นไม้(แต่ไม่รักดูแล)
ปัญหาคือนำเสนออย่างไรเมื่อถึงตอนปิดให้ได้ยินเสียง คลิก!
มองประเด็นก็ขำดี ยัยคนนี้รักต้นไม้เสียเอาจริงเอาจังแต่ไม่ยักรักดูแล ตายก็ซื้อใหม่ ตายก็ซื้อใหม่ ยังกะเปลี่ยนแฟน (ว่าไปนั่ลล์..อย่าให้เธอทราบเข้าเชียวเดี๋ยวข้าพเจ้าโดนดี)(แต่อย่าลืมว่าที่มา..เป็นทั่น..แฮ่!)
ลองอย่างนี้ดีมั้ย?
เปิดเรื่องด้วยเธอนักรักต้นไม้กลับจากจตุจักร์มีกระถางกุหลาบมาเต็มอ้อมอุ้ม ไม่ถือเองดีกว่า เอาเป็นว่ามีชายหนุ่มถือมาให้ แนะนำตัวเสร็จสรรพ ท่านนั่งเขียนหนังสือหันมองแล้วยิ้ม เธอทำหน้าเฉียว(เอ่..ทำอย่างไรล่ะหน้ายั่งงี้?)ถามว่า "ยิ้มอะไร!?" ท่านบอก "เปล่า" แล้วนั่งอมยิ้มมองเธอ(กับแฟนหนุ่ม)จัดที่ทางให้กระถางกุหลาบสมาชิกใหม่ มิไยหันมาถามอีก "เอ๊ะ! เธอยิ้มอะไรของเธอหือยัยบ๊อง!?"
ท่านก็ตอบว่า "เปล๊า!"
จบท่อนเปิด จากนั้นย้อนเล่าสภาพทั่วไปของอพาร์ตเม้นต์และระเบียงอันเป็นสุสานกระถาง (ทำให้คนอ่านสงกาว่าทำไมระเบียงจึงเป็นสุสานกระถางไปได้) เดินเรื่องเข้าเนื้อหาท่อนกลางบรรยายยุทธวิธีดูแลต้นไม้ของสหายนักรักษ์พรรณพฤกษ์ บรรยายให้เว่อร์ไปเลย
เว่อร์อย่างไรหรือ?
อ่า..ขนาดที่ว่าดอกกุหลาบของเธอคอตกอยู่ในแสงอรุณเกสรละห้อยอ้อนมองผู้เป็นเจ้าของที่กำลังนอนซูดน้ำลายไหลย้อยกอดหมอนข้างอุตุ (ซ้ำยังทำปากขมุบขมิบ) ไม่ก็กลางแสงเดือนเหลียวใบมองหาหล่อนผู้เป็นเจ้าของที่ยังไม่กลับมาจากปาร์ตี้ กลับมาก็ขมีขมันรดน้ำจนสำลัก(แบบว่ารดเผื่อตอนเช้า)
ผลก็คือตายเกลี้ยง
และปิดด้วยคุณเธอกับกระถางใบใหม่ แน่ล่ะชายหนุ่ม(ที่ไม่ใช่คนเดิม)ถือมาให้ ท่านนั่งเขียนหนังสือหันมอง หลังแนะนำตัวกันแล้วก็อมยิ้มแบบเดิม อืมม์ ปิดด้วยบทสนทนาสักหน่อยดีไหม ประมาณ..
"ทำไมกระถางเยอะอย่างนี้ล่ะครับ" เพื่อนชายสงสัย
"เอ่อ.." นักรักษ์ต้นไม้อึ้งนิดนึง "แม่บอกว่าฉันมือร้อนปลูกอะไรไม่ค่อยขึ้นน่ะค่ะ"
ท่านนั่งอมยิ้ม เสียงจากระเบียงฟังว่า
"ยิ้มอะไรยัยบ๊อง!?"
อิ อิ อิ จบ (อาจต้องเปลี่ยนหัวเรื่องเป็น 'คนมือร้อน')
ไม่มีอะไรดอกขอรับ แค่อยากบอกว่าจับประเด็นให้มั่น เปิดให้ตรงประเด็น แล้วบรรยายองค์ประกอบ(ฉาก บรรยากาศ เนื้อหา) ไปยังประเด็น (ท่อนนี้จะยาว-สั้น พลิกแพลงอย่างไรก็ได้แล้วแต่ทักษะเฉพาะตน)และไม่ลืมปิด ฉับ! เข้าหาประเด็น
เอาไว้ข้าพเจ้าจะนำความเรียงที่สอดรับต้นกลางท้ายอย่างน่ากราบมาให้ลองชม (แต่ต้องทวงนา ไม่งั้นจะถือว่าท่านยังไม่มีเวลานำพา)
๒ ข้อปลีกย่อยการใช้ภาษา
ส่วนนี้อยู่ใน Note&Comment ด้านบน
หมายเหตุ : ทั้งหมดเป็นเพียงความเห็นต่ำต้อยไร้หลักการทางภาษาใด ๆ รองรับ ข้าพเจ้าเพียงกระดุกไปตามหางอึ่งกุด ๆ จะพอกระดิก หาได้นึกคิดไปว่าถูกต้องเสียทั้งสิ้นทั้งเพ หวังแค่สะกิดชวนชายตา ที่ใดตำแหน่งใดท่านมิได้พร้อมใจเอออวยขออย่าได้คิดระคายใจไปว่า ชิชะมาตัดมาแก้ของเราได้อย่างไร หากท่านยังคงไว้ก็หาได้ราญน้ำใจข้าพเจ้าแม้น้อย
เพียงหวังให้ท่านชั่งใจ ทบทวนตำแหน่งที่ทักท้วง หากมีจุดใดแก้แล้วพาทักษะไปในทางที่คล่องเขียนขึ้น นั่นย่อมนำความสุขใจแก่สหายน้อยของท่านยิ่งแล้ว
ต้องให้ได้อย่างงี้สิ! ขออะไรจากทั่นไม่เคยผิดหวังเลยสิน่า
ตอบลบแล้ววันหลังจะเข้ามาขอตังค์ใช้ อะจึ๋ย!!!
แจ่มแจ้งแดงแจ๋เลยเจ้าค่ะ ขอบพระคุณมั่กมั่ก ตอนจับปากกาเขียนไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก่อนหน้านี้นึกอยากหาอะไรเขียนเป็นตอนๆ อยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเรื่องให้เขียนดังใจหมาย ก็เลยตั้งผลัดมาเรื่อย บวกด้วยช่วงนี้มีอารมณ์อยากเม้าท์เพื่อน ก็เลย อืมม์ เอามันนี่แหละมาเป็นเหยื่อ
แต่จะเขียนเม้าท์มันอยู่อย่างเดียวก็กระไรอยู่ เลยตั้งเป็นชื่อ "ห้องพักหมายเลข 510" ตั้งใจเขียนเรื่องราวเป็นตอนๆ ที่เกิดขึ้นในห้องนี้ และ/หรือเรื่องราวต่างๆ ที่เกี่ยวพันกับห้องนี้ คล้ายบันทึกความประทับใจนั่นแหละทั่น ตอนนี้คิดชื่อไว้หลายตอนเลย แล้วจะทยอยปั่นเนื้อหาใส่ในแต่ละตอนไปเรื่อยๆ ไม่นานก็คงได้เห็นมันไปเริงร่ายในสำนักอีกสักตอน
คำชี้แนะของท่านมีประโยชน์กับข้าเจ้ามากจริงๆ เจ้าค่ะ น่าละอายใจที่ข้าเจ้าหาได้มีอะไรตอบแทนมากไปกว่าคำ
"ขอบพระคุณท่านอย่างสุดซึ้ง"
คารวะ
ใช่แล้วขอรับ ตอนจับปากกาหรือจรดปลายนิ้วบนคีย์ไม่ต้องพะวง ปล่อยตัวอักษรเลื่อยไหลออกมา ขั้นตอนเกลาจึงจัดการเติมที่ขาดตัดที่เกิน
ตอบลบค่อย ๆ ตะล่อม จนกว่าทักษะเข้าฝัก
ชุดความเรียงนี่แลขะรับเป็นแบบฝึกหัดชั้นดี ข้าพเจ้าเคยฝึกเอาจริงจังโดยมีสหายพี่สองพี่สามป๋าไอซ์เป็นพี่เลี้ยง ตอนนั้นแหกขี้ตาก็เขียนเลยขอรับ บางครั้งคิดก่อนนอนไม่รู้จะเขียนหัวข้ออะไร คิดจนเก็บไปฝัน ไม่ก็ตื่นนอนสมองเกิดใสปิ๊งขึ้นตอนนั้นก็มี
เวลาแค่ช่วงสั้น ๆ ข้าพเจ้าฝึกปั่นเร็วเอาให้เสร็จภายในสิบห้ายี่สิบนาที ทวนอีกสิบนาที ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงไม่ว่าจะดีร้ายโพสท์เลย
แต่เพราะกลัวพลาด ไม่กล้าโพสท์บอร์ดจึงแปะแต่ที่บล็อก
ใช้เวลาหนึ่งเดือนเต็มได้ 'บ่นวรรณเวร'ที่สมใจพระเดชพระคุณ ประดาพี่เลี้ยงนั่นเล่า ตะละคนยังกะเมาสปายน้ำลายแตกฟองฝอยกันยาวเป็นหางว่าวปั๊กเป้า (คิดจะเอามารวมเล่มหนังสือทำเม้าส์ยังไม่ว่างทำสักที)
ผลของการฝึกฝนครั้งนั้นสะท้อนกลับมาเป็นเสียงชมจากย่าหนุงว่าข้าพเจ้าเขียนความเรียงพอจะชวนอ่านแต่นิยายน่ะ..ห่วยแตก! เป็นที่ปลาบปลื้มประโลมใจ
จะคอยชมซิทคอมซีรี่ 'ห้องพักหมายเลข 510'ขอรับ
คารวะ
เฮ้ออ.. เมื่อใด ข้าพเจ้าจะว่างกับเขาเสียที ฮะ-เนี้ยย เคยเกริ่นกับท่านพี่สองไว้ ว่าจะชวน แกทำสัปดาห์วิจารณ์ สัปดนวรรณกรรม เสียหน่อย จนแล้วก็ ไม่ได้ว่างเสียที เห็นท่านพี่ ขยัน เช่นนี้แล้ว อายตัวเอง-ว่ะ
ตอบลบน้องฉาม