มัธยมวันสวัสดิ์ขอรับท่านสาย
หวังว่าเช้านี้ท้องฟ้าทางโน้นจะสดใส ชักชวนท่านปฎิบัติภารกิจโดยเบิกบานใจ ไม่มีหงุดหงิดอย่างวันวาน
ข้าพเจ้าทางนี้พอจะฟื้นไข้ คิดปัดกวาดขนำซักล้างเสื้อผ้าหลังละเหย้าร่วมสัปดาห์ ฝนก็พรำเม็ดเสียแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง ถึงตอนนี้ยังทมึนหม่นก่นแต่เสียงครางครืนร่ำ ๆ จะรินหยาดเสียไห้ได้
เป็นอันผลัดซักผ้าไว้วันถัด วันนี้คงปัดกวาดเอาผงเอาฝุ่นออกเสียก่อนจะส่งผลกับร่างกายยึดเยื้อภูมิแพ้ให้ยื้ออาการนานไปกว่านี้
ผ่านไปแล้วสองเดือน
ที่เขียนได้เป็นชิ้นเป็นอันมีก็แค่บันทึกหลวงพระบางไม่กี่หน้า ความตั้งใจจะนำ 'กาลครั้งหนึ่ง' ไปให้ได้อย่างน้อยหกสิบหน้าตามจำนวนวันเป็นอันล่มสลาย
ภารกิจชีวิตส่งผลต่องานเขียนอย่างมากมาย ถึงตอนนี้ลองอ่านทวนหวังดำเนินเรื่องต่อ แต่อารมณ์เรื่องที่เคยมีอยู่ไม่ทราบหดหายไปหนใดเสียหมดแล้ว
การทิ้งเรื่องลืมไว้ดีต่อการทบทวน แต่ไม่ดีแก่การจะเขียนต่อเลย
ทุกครั้งที่พยายามกลับเข้าในอารมณ์เรื่องเป็นความทรมานใจนัก คงไม่ต่างพยายามสวมรองเท้าผิดเบอร์ ขนาดเล็กกว่าเท้า ต้องยัดแล้วยันอีกกว่าสวมเข้า ครั้นสวมไปแล้วก็หาได้ยังความสะดวกสบายแก่เท้าประการใด ด้วยผิดขนาดเสียแล้วแต่ต้น
ตรงนี้เองเป็นจุดที่ข้าพเจ้าต้องฝึกฝน
ต้องผ่านให้ได้ มิใช่อารมณ์ขาดช่วงแล้วละทิ้งเริ่มเรื่องใหม่เรื่อยไป
จุดอ่อนของกาลครั้งหนึ่งที่ท่านเคยทักไว้เรื่องนางบ่าวไม่รู้จักคันฉ่องก็ชวนสะดุดคิดว่าฝืนจริงเพียงไร..หรือไม่ เรื่องนี้ก็สุดจะค้นคว้าว่ามีไหมที่ทาสยุคกลางรัชกาลที่ ๕ จะไม่รู้จักคันฉ่อง
อีกประการเล่า การใช้คันฉ่องเป็นตัวเชื่อมเรื่องก็ดูเหมือนจะเลียน 'ทวิภพ' จนจงใจ เกรงทำลายเรื่องไปเสียโดยตื้นเขิน
อาจบางทีข้าพเจ้าสมควรรื้อทั้งเรื่อง แล้วประกอบขึ้นใหม่ด้วยลายอารมณ์ประจุบันโดยมิพักเสาะหาร่องรอยอารมณ์เดิมอันได้เริ่มไว้
ทั้งหมดล้วนเป็นอานิสงส์ของการที่ได้มีสหายผู้ร่วมรักในลายอักขระของกันและกันช่วยสอดตาแล
หากไม่ได้ท่านทักท้วงไว้ ปล่อยข้าพเจ้าดำเนินเรื่องไป การจักแก้ไขภายหลังนั้นอาจเป็นการยาก อีกหากบังเอิญเป็นประเด็นหลักของเรื่องอาจถึงต้องแก้ยกกระบิ เช่นนั้นคงถึงเป็นลมล้มพับเมื่อปลายทาง
ขอท่านรับทราบ ข้าพเจ้าตระหนัก การได้มีท่านช่วยอ่านเป็นความสำคัญต่อข้าพเจ้ายิ่งยวด ครั้นคิดจะนำระกำแก่การเปิดอ่านให้ท่านต้องลำบากนั้น เป็นที่กล้ำกลืนต่อข้าพเจ้านัก
แต่ด้วยตั้งใจไว้ว่าเมื่อปลายปี จะส่งเรื่องให้ 'ทมยันตีอะวอร์ด' พิจารณา เงื่อนไขหนึ่งก็คือเรื่องต้องไม่ผ่านการเผยแพร่มาก่อน
ข้อนี้เป็นที่น่ากังขาสำหรับการเผยแพร่บนบล็อกซึ่งอ่านกันก็แต่เราท่าน แต่หากเรื่องจะต้องตกพิจารณาไปเพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าก็คงผิดต่อตัวเรื่องไม่น้อย เพื่อตัดไฟเสียต้นลม ข้าพเจ้าคิดโพสท์เรื่องโดยใส่ระหัส (ยังไม่ทราบว่าจะทำกับ Blogger ได้หรือไม่) ซึ่งระหัสก็หาใช่ความลับอันใด แต่จะเป็นตัวบล็อกไม่ให้เสิร์ชเอ็นจิ้นหาเจอ และขัดสะดวกที่จะต้องผ่านอีกขั้นตอนก่อนเปิดอ่าน ซึ่งก็หวังว่าท่านที่เคารพรักจะให้ความเห็นใจ แลแจ้งผลว่าเข้าได้มิได้ สะดวกมิสะดวกเยี่ยงไร เพื่อข้าพเจ้าจะได้ปรับปรุงแก้ไขต่อไป
หลังผ่านภารกิจชีวิตครั้งนี้ ข้าพเจ้าคงได้คืนชีพจรอักขระ นั่งขีดเขียนทุกย่ำค่ำดังเคยกระทำ ตั้งมั่นว่าจะครุ่นอยู่กับ 'กาลครั้งหนึ่ง' จนกว่าจบเรื่อง
จะกระทำได้ดังตั้งใจหรือไม่ยังไม่แน่นัก แต่จะเริ่มด้วยปัดกวาดขนำจัดโต๊ะเขียนหนังสือให้เรียบร้อยสะอาดตาเสียในบัดเดี๋ยวนี้
สุดสัปดาห์หน้าคุยกันใหม่ขอรับท่านสาย
คารวะ
เอามาลงตอนไหนนี่ เข้ามาตอนเที่ยงไม่ยักเจอ
ตอบลบมีเวลาคุยด้วยไม่นานเจ้าค่ะ ต้องออกไปหามื้อเย็นใส่ท้อง
เรามาเริ่มนับหนึ่งเดือนมีนาฯ พร้อมกันนะทั่น
นิยายที่เขียน อีกสิบหน้าคงยังไม่จบ ตอนแรกตั้งใจไว้ที่สองร้อยหน้า แต่ตอนนี้ไม่กะแล้ว เรื่องจะดำเนินไปกี่หน้าก็แล้วแต่ใจของเรื่อง ข้าเจ้ามีหน้าที่แค่เพียงเขียนไปเรื่อยๆ จนเมื่อตัวละครขี้คร้านจะโลดแล่นแล้วนั่นแหละ จึงจะจรดอักษรตัวสุดท้ายและปิดหน้ากระดาษ เมื่อนั้นหน้าที่ก็สิ้นสุด(สำหรับเรื่องนี้ ออ คงต้องกลับมาอ่านทวน แก้ไขอีกนิดหน่อย) แล้วก็หาพล็อตใหม่เขียนต่อ
ไปกินข้าวแล้ว
กลับบ้านไปมุดหัวนอนแล้วเจ้าค่ะ
ตอบลบวันพรุ่งจะเข้ามาละเอียดอ่านอีกรอบ วันนี้แค่กวาดตาผ่านๆ
นิทรารมณ์สวัสดิ์
เสร็จงานอีกหนึ่งสัปดาห์สินะขอรับ
ตอบลบท่านกวาดเสร็จเดี๋ยวข้าพเจ้าจะเอาผ้าชุบน้ำเช็ดอีกรอบ
ขนำจะได้น่าอยู่น่าอ่าน
มีความสุขตลอดสัปดาห์ขะรับ
คารวะ
มากวาดขนำให้แว้วววว เตรียมผ้าขี้ริ้วโลด
ตอบลบเพลงที่ร้องให้ฟังน้ำเสียงไม่เหมือนต้อม เรนโบว์เลยสักนิด แต่เหมือนอ๊อด คีรูบูน หยั่งกะแกะ ฮา
กลับห้องเมื่อคืนไปนั่งก๊อกๆ แก๊กๆ ได้บันทึกมาตอนนึง(เค้าเรียกบันทึกป่าวไม่รู้) เอาไปลงไว้ในสำนักแล้วเจ้าค่ะ หากแวะไป รบกวนแนะนำเรื่องสำนวนด้วยเจ้าค่ะ อ่านแล้วสะดุดมาก?-เล็กน้อย?-ปานกลาง? ให้อ่านเองทวนเอง ก็เหมือนวนรอบอ่าง
วันก่อนข้าเจ้าเปิดทีวีเจอละครหลังข่าวเรื่องหนึ่ง รู้สึกจะเป็นเรื่องย้อนยุคสองสมัย คงประมาณชาตินี้กับชาติก่อนละมัง(ข้าเจ้าไม่แน่ใจเพราะหาได้ดูจริงจัง ก็บอกแล้วไงว่าเปิดผ่าน) ฉากที่เปิดเจอ(คิดว่าเป็นภพอดีต)เป็นตอนนางเอกโดนตัวอิจฉารังแกจนเกือบจมน้ำตาย บังเอิญน้องสาวของตัวอิจฉาได้ยินเสียงเอะอะจึงเข้ามาดู และใช้ให้บ่าวไพร่ลงไปช่วยนางเอกขึ้นมาได้
ที่สะดุดตาหาใช่เนื้อหาของเรื่อง หากแต่เป็นชุดที่ตัวละครสวมใส่ เป็นสไบกับโจงกระเบน ตอนดูฉากแรกข้าเจ้าคิดโดยไม่สงสัยใดๆ เลยว่าเนื้อเรื่องคงราวๆ ยุคเดียวกับ'สายโลหิต' 'ญาติกา' 'ฟ้าใหม่'(ทุกเรื่องที่กล่าวหาได้อ่านหนังสือ หรือดูละครมาจริงจังหรอกค่ะ แต่พอผ่านตากับละครมาบ้าง)
ละครสลับไปฉากถัดไป น้องสาวตัวอิจฉาพานางเอกมายังเรือนเพื่อหาอะไรอุ่นๆ ให้ดื่ม องค์ประกอบฉากเป็นยังไงข้าเจ้าบรรยายไม่ถูก แต่ท่านพอจะคิดถึงบ้านรวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านของเรื่อง 'บ้านทรายทอง' ได้ป่าว นั่นแหละอย่างนั้นเลย ข้าเจ้าได้แต่นั่งงงแต็ก ตกลงเนื้อเรื่องดำเนินอยู่ในสมัยไหนกัน พาลให้นึกอยากอ่านลายอักษรของบทประพันธ์(อันนี้สงสัยใคร่รู้จริงๆ เจ้าค่ะ หาได้มีความรู้สึกดีหรือไม่ดีกับบทประพันธ์แต่อย่างใด)
ดูตอนนั้นจบข้าเจ้าก็แอบคิดว่า บางที งานเขียนที่เป็นนิยายอาจขึ้นอยู่กับการใส่สีตีไข่ของผู้เขียนว่าอยากให้เป็นอย่างไร แบบไหนโดยไม่ต้องคำนึงถึงกรอบใดๆ ก็นิยายที่เราเขียนกันล้วนออกมาจากจินตนาการนี่นา หากใครสักคนต้องการอ่านงานที่อยู่บนพื้นฐานของความจริง ทำไมเขาไม่ไปหานิยายอิงประวัติศาสตร์หรือประวัติพงศาวดารมาอ่านเสียเลยล่ะ
หากพอคิดอีกที งานเขียนนั้นหาได้เป็นนิยายแฟนตาซีเสียหน่อยก็ต้องอิงบนความจริงหน่อยเซ่!
เฮ้อ ยิ่งคิดยิ่งสับสน ยิ่งคุยกับท่านยิ่งงงเอง
เรื่องเข้ารหัสนั้นจะเข้าทั้งบล็อกหรือเฉพาะเรื่องละเจ้าคะ? จะเข้าเมื่อไหร่ก็เตือนล่วงหน้านะ หากเข้าไม่ได้จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
คารวะ
ปล.ตีสี่ตีห้านั่น ยังไม่นอนหรือเพิ่งตื่นเจ้าคะ