ครูให้วาด ส.ค.ส. ตอน ป.๓
มีสายน้ำ ไหลมา จากป่าเขา
กระท่อมน้อย ริมลำธาร บ้านของเรา
ทั่วลำเนา แต้มสีสวย ด้วยพู่กัน

วันเวลา ผ่านไป ใกล้เกษียณ
ย้อนวัยเรียน เนิ่นนาน จึงสานฝัน
ปลูกเรือนไทย เคียงไม้ป่า นานาพรรณ
ดูลดหลั่น ร่มเรียงราย พริ้งพรายตา

ยามลมแล้ง แย้มบาน ต้านลมร้อน
ต้องแสงอ่อน พวงยาวย้อย ห้อยระย้า
เหลืองอร่าม ทั่วกิ่งก้าน ตระการตา
ลมพลิ้วพา กลีบร่วงหล่น บนพื้นทราย

หมู่ภมร ซอนเซาะกลิ่น กินเกสร
บินเวียนว่อน วกวน จนคล้อยสาย
ตะวันลับ จับขอบฟ้า ดาราราย
ส่องพร่างพราย หรีดร่ำร้อง ก้องกังวาน

ส.ค.ส. ที่วาดไว้ ในวันนั้น
เพียรมุ่งมั่น แผ้วทาง สร้างแก่นสาร
ฝ่าวิกฤติ ด้วยศักดิ์ศรี ปณิธาน
เป็นตำนาน อุทาหรณ์ สอนบุตรชาย

ป.กวีศิลป์

9 ความคิดเห็น:

  1. อ่านแล้วนึกถึง ใบลา ของอ.เนาว์

    ขึ้นว่าอะไรนะ..

    เขียนที่ตำบลต้นหมัน
    สิบห้ากัยยายนสองห้า
    เรื่องลาหยุดหลายเวลา
    เรียนคุณครูจำปา ป.ห้า ค.

    เลา ๆ ว่าเป็นเรื่องนำป่าที่ท่วมบ้านจนไม่สามารถไปเรียนได้ตามปรกติ

    --------------------

    แวะมาขอคำชีแนะครับพี่ท่าน ลองโหลดดูแล้วแปะโค้ดลงไม่ได้ครับ พอบันทึกมันบอกว่าเข้ากันไม่ได้

    หรือมันไม่ใช่เนื้อคู่กัน!

    ^^ ว่าไปนั่น

    ขอบคุณล่วงหน้าครับ

    ด้วยความเคารพ

    ตอบลบ
  2. ขอ add. ของธีมไว้ด้วยขะรับ แล้วข้าพเจ้าจะลองดู

    แท็งค์กิ้วสำหรับกลอนท่านเนาว์ขอรับ ช่วยทะลวงกะโหลกข้าพเจ้าเทียว ข้าพเจ้ากำลังไม่รู้จะเขียนอะไร เพราะเขียนไปก็เหมือนเสแสร้งหากไม่มีอารมณ์ร่วมอย่างแท้จริง

    เห็นนักกวีวนเวียนอยู่กับตัวเองจนเฝือก็นึกหน่าย บ่นด่าการเมืองเล่าก็รำคาญปากตน

    บอกเล่าเรื่องราวชีวิตนี่เอง เป็นคำตอบ ขอบคุณขอรับ ขอบคุณ

    คารวะ

    ตอบลบ
  3. ค่ำคืนสวัสดิ์เจ้าค่ะ

    บอกว่าเย็นๆ จะแวะมาใหม่ เล่นเอาดึกเลย เพิ่งกลับมาจากไปส่งมามี๊ ออกไปตั้งแต่สี่โมงเย็น ได้ขึ้นรถตอนทุ่มครึ่งนั่งรอกันแหง็ก

    ข้าเจ้ารบกวนให้ท่านช่วยทวนความจำเรื่อง 'ที่มาที่ไป' นะเจ้าคะ ไม่ได้ให้ท่านช่วยทัก จำไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ ว่า 'ที่มาที่ไป' ของอะไร คุยกันเมื่อไหร่ ก็เราคุยกันมาเป็นปีแล้วนี่ ใครจะไปจำได้หมดทุกเรื่อง(เหมือนจะเคยบอกทั่นแล้วว่าข้าเจ้าขี้ลืม)

    เอางานไปลงไว้ในสำนักแล้ว คิดว่าทั่นน่าจะได้เข้าไปอ่านแล้วเช่นกัน ครั้งนี้เป็นไงบ้างทั่น เมื่อเช้านั่งเกลาครั้งเดียวข้าเจ้าก็ปล่อยผ่านเลย แถมด้วยไม่ได้นึกถึงไอ้ที่ท่านเคยคอมเม้นท์ไว้สักนิด ไม่ได้ไม่สนใจใยดีนา แต่เมื่อเช้าข้าเจ้ารีบ นั่งนึกอยู่ว่ารายละเอียดในคอมเม้นท์ว่าไงบ้างก็นึกไม่ออก จะกลับมาอ่านทวนก็ไม่มีเวลา เลยปล่อยไปตามมีตามเกิด

    ตะกี๊ไปนั่งอ่านทวน คำแนะนำในคอมเม้นต์ด้านล่าง(ที่ท่านนั่งเคาะคีร์บอดป๊อก ป๊อก ป๊อก เมื่อคืนน่ะ) ข้าเจ้าเข้าใจนะถึงท่านจะบอกว่ายังไม่ฟื้นไข้จนจับต้นชนปลายไม่ถูกก็เถอะ

    สรุปก็คือ เราต้องฝึก ฝึก ฝึก และก็ ฝึก ฝึก ฝึก แล้วก็ แฮ่ หมดแรง

    เข้านอนคืนนี้หลับฝันดีนะทั่น


    ปล.สวัสดีเจ้าค่ะ ท่านคั่นฯ ที่เคารพ พอท่านมีไฟ ข้าเจ้าก็ไฟมอด ให้มันได้อย่างงี้สิ ^^!

    ตอบลบ
  4. เช้าตรู่สวัสดิ์ครับพี่ท่าน

    หลังจากกดมั่วไปมั่วดันใช้ได้เสียนี่!

    เย็นย่ำจะเอา 'ใบลา' ฉบับเต็มมาฝากนะครับ

    ความจริงเมื่อคืนโพสลงแล้ว ดันไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้ในบล๊อค ปรากฏว่า หายต๋อม

    ด้วยความนับถือและขอบคุณ

    คั่นฯ

    ตอบลบ
  5. อ่อ เช้าตรู่สวัสดิ์เช่นกันครับท่านสาย

    ^^

    ตอบลบ
  6. มาแต่ตรู่เชียวนะสวัสดิ์ขะรับท่านคั่นทั่นสาย

    ๑ ยินดีด้วยธีมผ่านแล้ว เดี๋ยวแวะยล

    ๒ พี่ทั่นประทีปได้ Blog Writer ตัวใหม่มา ดูเหมือนจะไม่อ้วนพีอย่างเจ้า WLW ลองแวะดูที่ร้านประทีปขอรับ (ใช้ Blog Writer ทำให้ชีพจรบล็อกเกอร์อย่างเราทั่นเต้นสบายขึ้นเป็นกอง)

    ๓ ได้ 'ใบลา' ฉบับเต็มล่ะต้องขอบพระคุณนักนัก ข้าพเจ้าอยู่แต่ชายนา หูตาทอดไกลก็เห็นแต่ต้นไม้ปลายหญ้า วารสารนิตยสารสักหัวสักหน้าหาเคยผ่านตา จักได้ลิ้มรสบทกลอนบทกวีนั้นไม่มีเลย อาศัยรอชะลอมอักษรเหล่าท่านนั่นแลหิ้วมาฝาก

    ๔ รอสักครู่ขอรับท่านสาย ด.ดินการช่างส่งช่างไปแระ

    คารวะ

    ตอบลบ
  7. เย็นย่ำสวสัดิ์ครับพี่ท่าน

    ก่อนอื่นขอเล่าถึงเรื่องเมื่อคืนก่อน ธรรมดาถ้าแสดงความคิดเห็นโดยที่ไม่ได้ลงชื่อเข้าใช้มันจะต้องขึ้นตัวสีแดง ๆ ให้ลองใหม่(ใช่ไหมครับ?)แต่ไหงเมื่อคืนมันหายไปเฉย ๆ ง่วงก็ง่วงงงก็งง ครั้นจะย้อนหน้ากลับไป ดันหาไม่เจอเสียอีก

    ขอบคุณสำหรับคำชี้แนะเรื่องแต่งบล๊อค สวยเวี้ยมถูกใจเลยละครับ ติดแต่ตอนนี้ยังหากล่องแสดงความคิดเห็นไม่เจอ(กล่องพิมพ์ข้อความน่ะครับไม่รู้ไปซ่อนอยู่หลืบไหน)ส่วนเรื่องการแต่งอย่างอื่นเพิ่มเติม สารภาพตามตรง ไปไม่เป็นเลยครับ (มีฟังก์ชั่นอะไรผมแปะให้มันเต็มหน้าไว้ก่อน อุอิ)

    เข้าเรื่อง

    ใบลา บทนี้อยู่ในเล่ม 'ตากรุ้งเรืองโพยม' เป็นไงครับ แค่ชื่อหนังสือก็กินขาดบาดใจ

    เชิญพี่ท่านสดับรับรส ณ บัดนาวว์

    -เขียนที่ตำบลต้นหมัน
    สิบห้ากันยายนสองห้าสองห้า
    เรื่องขอลาหยุดเรียนหลายเวลา
    เรียนคุณครูจำปา ป.ห้า ค.

    ด้วยเมื่อคืนน้ำป่ามันบ่าท่วม
    พังส้วมพัดเสื่อไม่เหลือหลอ
    กว่าจะตื่นขึ้นทันมันไม่รอ
    แม่พ่อพัลวัลจนยันเช้า

    ลุยน้ำนั่งแคร่ไปขึ้นเนิน
    แล้วต้องเดินไปยังอีกฟากเขา
    ตีนพองเพราะไม่ได้ใส่รองเท้า
    ไอ้หริ่งร้องเร่าเร่าหิวข้าวแล้ว

    แม่ว่าเดี๋ยวถึงประเดี๋ยวถึง
    จะปิ้งปลาให้มึงจิ้มกับแจ่ว
    ตั้งแต่สายจนยันตะวันแคล้ว
    ฝนยังตกแซ่วแซ่วไม่เคยซา

    ไอ้หริ่งปวดหัวตัวร้อน
    แม่คอนใส่หลังรั้งบ่า
    พ่อไปหักหน่อไม้ได้มา
    ห่อผ้าขะม้าหาไฟฟืน

    ตีชุดจุดไฟจึงได้หมก
    กินกันล่กล่กขมขมขื่น
    เสียงน้ำคึ่กคึ่กฟ้าครืนครืน
    พ่อยืนแล้วร้องเราต้องไป

    ก่อนตะวันลับเขาเราต้องถึง
    พ่อดึงผมเดินไปต่อได้
    แม่เอาไอ้หริ่งเคียนเอวไว้
    ลงภูสู่ไพรฝ่าไร่เนิน

    ผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ
    แม่พ่ออัตคัดขัดเขิน
    จดหมานนี้เขียนระหว่างพักทางเดิน
    จะบังเอิญส่งใครยังไม่รู้

    โดยความเคารพอย่างสูง
    เด็กชายนกยูง เพชรหนู
    พับแล้วเขียนไว้..."ใครอ่านดู-
    ช่วยส่งครูจำปา ป. ห้า ค.



    เล่มนี้ที่ได้มาเป็นมือสอง สภาพค่อนข้างเก่า แต่สีปกชมพูยังหวานแหว๋ว ถ้าพี่ท่านไม่รังเกียจจะส่งไปฝากที่ขนำนะครับ คราวที่แล้วสัญญาว่าจะเขียนโปสการ์ดไปหาช่วงปีใหม่ก็เบี้ยวเสียทีหนึ่งแล้ว (พี่ท่านอาจคิดว่าไอ้คั่นมันเมาก็พูดไปเรื่อยเปื่อย สารภาพตามตรงว่ายังรู้สึกกระดากอายอยู่จนถึงวันนี้)

    ว่าด้วยเรื่องกลอนต่อเลยแล้วกัน อยากมาขอคำคิดเห็นจากพี่ท่าน

    พี่ท่านคิดเห็นอย่างไรกับกลอนประเภทที่เขียนแบบเป็นเรื่องเป็นราว ทว่ากลับไม่เน้นหรือเคร่งสัมผัสใน มีก็ได้ ถ้าหาไม่เจอก็ปล่อยผ่านไป ข้อดีก็คือไม่สุ่มเสียงต่อการเหเรื่องออกไปจากที่คิด(หมายถึงคนที่สัมผัสในหัวน้อยและดันทุรังเช่นผมเป็นต้น) แต่ข้อเสียก็อย่างที่รู้กันคือความรื่นรมณ์ในการออกเสียง(ในใจ)หายไป หากเกิดกับกลอนประเภทชมธรรมชาติหรือบรรยายอารมณ์นั่นย่อมเป็นข้อด้อยข้อใหญ่ แต่กับกลอนที่เน้นเรื่องราวให้ติดตามพี่ท่านว่าการไม่เคร่งสัมผัสในเพื่อดำเนินเรื่องไปให้จบและชัดเจน อย่างไหนน่าจะเป็นหลักที่ควรยึดถือไว้มากกว่า รบกวนขอคำชี้แนะจั๊กกะหน่อยครับ



    ด้วยความเคารพเหมียนเดิมล์

    คั่นฯ

    ตอบลบ
  8. จวนเที่ยงสวัสดิ์ขอรับท่านคั่น

    (โผล่ไปร้านกาแฟท่านแล้ว เปิดกล่องความเห็นไม่ขึ้นเลยกลับมาแหมะที่ขนำ)

    ขอบพระคุณมั่กมั่กสำหรับ 'ใบลา'

    ชะลอมอักษรฝากครั้งนี้ เผงใจผู้รับราวจับวาง ความเคารพต่ออ.เนาว์นั้นหามีใครเกิน เหลี่ยมกลอนนั้นขบคมกันได้ แต่วิถีชีวิตไม่มีวันขบ เพราะต้องใช้ทั้งชีวิตสำแดง

    จึงความเคารพต่อวิถีอ.เนาว์เป็นยิ่งปฏิปทาให้ก้าวเดินตาม

    เพราะความเปิ่นเชยอยู่เลยปืนเที่ยงไหนเลยเคยยินนามหนังสือกินขาดบาดใจ 'ตากรุ้งเรืองโพยม' แม้มือสองค่อนข้างเก่าปกชมพูหวานแหวว

    ท่านมิต้องสูญเวลาแวะไปรษณีย์ฝากขนำ ข้าพเจ้าจะจับรถทัวร์ขึ้นไปรับกับมือนั่นเลยเทียว เพียงใคร่ทราบว่า วันที่ ๑ เม.ย. ช่วงกลางวันท่านอาจมีงาน แต่ช่วงเย็นพอจะว่างเปล่า..

    ต่อข้อถามสัมผัสใน

    (ข้าพเจ้าอนุมานเอาเป็นที่แน่แล้วว่าท่านกระจ่างว่าเป็นแค่ความเห็นต่ำต้อยส่วนตัว)

    เดาว่าท่านครุ่นกังวลเรื่องนี้ด้วยเกรงไปว่าสำผัสในจะทำให้อารมณ์เรื่องสะดุด แท้จริงแล้วสิ่งใดที่เราควรให้ความสำคัญกว่ากัน ระหว่างสัมผัสกับอารมณ์ไหลของเรื่อง

    สัมผัสในและอารมณ์รื่นไหลนั้นจำเป็นทั้งสอง การที่จะเสริมกันให้พอเหมาะพอดี คงต้องใช้ทักษะเท่าที่เรามีอยู่ วันหนึ่งเมื่อสัมผัสในของท่านเพริดแพร้วแพรวพราว ต่อให้ท่านคิดละ มันก็คงโผล่มาอยู่ดี

    (ขอให้ดูโคลงนิราศเมืองเพชรของท่านบรมครูเป็นอย่าง จะชอบหรือไม่แล้วแต่ใจคนพิศ)

    ส่วนตัวข้าพเจ้ายังชมชอบความงามทั้งรูปแบบและเนื้อหาเหมือนยลหญิงสาวที่ทั้งงามผาดงามพิศและงามคมคิด

    ไปให้ถึงภาวะนั้นนะขอรับ ภาวะที่รู้ใช้สัมผัสได้ดังใจ รู้ว่าเมื่อไรสมควรใช้ ยามใดสมควรละไว้ปล่อยให้บางวรรคเปลือยเปล่ารับแดดลมเสียบ้าง (ท่านเคยอาบน้ำกลางแจ้งเปล่า นั่นน่ะธรรมชาติบำบัดชั้นดีเทียวนะทั่น)

    หากยังไม่ถึงและบางครั้งสัมผัสในทำให้อารมณ์สะดุดก็คงต้องละ รักษาอารมณ์รื่นไหลไว้ (อย่าลืมว่าการเดินไปข้างหน้าสำคัญกว่าท่วงท่าก้าวเดิน)(พิมพ์ไม่ผิดขอรับ ร.เรือโดยเจตนา)

    คนที่ผ่านกลอนมามากจะมองออกว่าตรงนั้นตั้งใจหรือใช้โดยอ่อนทักษะ ซึ่งก็หาใช่ข้อน่ารังเกียจอันใด อ่อนทักษะวันนี้ หากเขียนไปเรื่อย ๆ ก็ต้องแก่ทักษะเข้าสักวัน

    กลอนที่ไม่สนสำผัสในเป็นเหมือนถ้อยคำพูดจา รักษาสัมผัสนอกไว้เป็นเส้นเชือกผูกโยงหากัน แต่อารมณ์และเนื้อหานั้นล้ำลึก ส่งสัมผัสใจอย่างถึงถ้อยถึงความ นั่นย่อมนับเป็นงานที่ดี (ขอท่านลองแวะยลงานท่านกวิสราเถิด เธองามนัก)

    สรุปว่า..มาตรแม้นข้าพเจ้าจะนิยมสัมผัสในแต่ก็หาให้ความสำคัญไปกว่าสัมผัสใจ เพราะนั่นใช่หรือไม่ที่เป็นปลายทางของอักขระเหล่านั้น

    หมายเหตุ : คำสัมผัสในข้าพเจ้าหมายรวมถึงสัมผัสพยัญชนะ

    หวังถ้อยคำสับสนปนเปนี้พอจะน้อมตอบข้อถามท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย

    คารวะ

    ตอบลบ
  9. ก๊อก! ก๊อก! ท่านคั่น

    เห็นทีท่านต้องเข้าไปที่ตั้งค่า แล้วลองดูที่ความเห็นสักหน่อยไม่ทราบปิดไว้หรืออย่างไร เปิดกล่องความเห็นไม่ได้ขอรับ

    กล่อง Recent Comment บนไซด์บาร์ของ Blogger เราต้องเอาฟีดคอมเม้นท์แปะในกล่อง Rss Feed ขอรับ

    ฟีดคอมเม้นท์ของบล็อกเปิดดูจาก Subscribe ที่ 'ข้อคิดเห็น'คลิกขวาที่ Properties (ตัวล่างสุด)Copy แอดเดรสฟีดมาแปะในกล่อง Rss Feed เป็นอันเรียบร้อย (ต้องเป็นหน้าแรกของบล็อกนะขอรับ หากเป็นหน้าข้อความ จะเป็นฟีดคอมเม้นท์ของข้อความนั้น ๆ)

    ศิลาดิลล์ไขปัญหา

    ตอบลบ