-เขียนที่ตำบลต้นหมัน
สิบห้ากันยายนสองห้าสองห้า
เรื่องขอลาหยุดเรียนหลายเวลา
เรียนคุณครูจำปา ป.ห้า ค.ด้วยเมื่อคืนน้ำป่ามันบ่าท่วม
พังส้วมพัดเสื่อไม่เหลือหลอ
กว่าจะตื่นขึ้นทันมันไม่รอ
แม่พ่อพัลวัลจนยันเช้าลุยน้ำนั่งแคร่ไปขึ้นเนิน
แล้วต้องเดินไปยังอีกฟากเขา
ตีนพองเพราะไม่ได้ใส่รองเท้า
ไอ้หริ่งร้องเร่าเร่าหิวข้าวแล้วแม่ว่าเดี๋ยวถึงประเดี๋ยวถึง
จะปิ้งปลาให้มึงจิ้มกับแจ่ว
ตั้งแต่สายจนยันตะวันแคล้ว
ฝนยังตกแซ่วแซ่วไม่เคยซาไอ้หริ่งปวดหัวตัวร้อน
แม่คอนใส่หลังรั้งบ่า
พ่อไปหักหน่อไม้ได้มา
ห่อผ้าขะม้าหาไฟฟืนตีชุดจุดไฟจึงได้หมก
กินกันล่กล่กขมขมขื่น
เสียงน้ำคึ่กคึ่กฟ้าครืนครืน
พ่อยืนแล้วร้องเราต้องไปก่อนตะวันลับเขาเราต้องถึง
พ่อดึงผมเดินไปต่อได้
แม่เอาไอ้หริ่งเคียนเอวไว้
ลงภูสู่ไพรฝ่าไร่เนินผมไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อ
แม่พ่ออัตคัดขัดเขิน
จดหมานนี้เขียนระหว่างพักทางเดิน
จะบังเอิญส่งใครยังไม่รู้โดยความเคารพอย่างสูง
เด็กชายนกยูง เพชรหนู
พับแล้วเขียนไว้..."ใครอ่านดู-
ช่วยส่งครูจำปา ป. ห้า ค.
สวัสดียามบ่ายค่ะท่านดินที่เคารพรัก
ตอบลบทางติ่งสยามประเทศอากาศเป็นไงบ้าง คงสบายจนน่าอิจฉา อยู่บางกอกข้าเจ้าได้อบซาว์น่าทุกวันเลย นั่งอบอยู่ในห้องนี่เอง เหอๆ
อากาศร้อนๆ ไม่สบายใจ ไม่สบายกาย ให้รู้สึกยิบๆยับๆ คันคะเยออยู่บ่อยๆ(หาได้ซกมกไม่อาบน้ำนา)
รู้สึกว่าช่างที่สำนักงาน ด.ดิน ส่งไป จะอู้งานนะเจ้าคะ หรือว่าไง?
ก่อนหน้านี้รบกวนให้ท่านช่วยย้อนความจำ "ที่มาที่ไป" มาสองรอบแล้ว สุดท้ายก็ปิ่วหาย คิดไม่ออกแล้วมันค้างๆ คาๆ นะท่าน ลองเอาคีย์เวิร์ด "ที่มาที่ไป" หย่อนลงไปในกล่องเสิร์ชของสำนักได้มาอื้อซ่า นั่งอ่านกันตาลาย เข้ามาวันนี้ตั้งใจมา'กราบรบกวน'ท่านเป็นครั้งที่สาม
"ที่มาที่ไป" ที่ท่านกล่าวถึงว่าเคยทักข้าเจ้ามาเมื่อแรกเริ่มรู้จักนั้นมันคืออะไรหรือ ขอความกรุณาทบทวนความทรงจำให้หน่อยเจ้าค่ะ
p-l-e-a-s-e
ตอนนี้ข้าเจ้ากะลังพยายามรวบรวมความจำเกี่ยวกับทวิภพอยู่เจ้าค่ะ ว่าจะขุดหางอึ่งมากระดิกใส่ท่านเสียหน่อย แต่ทำไงดีล่ะท่าน ข้าเจ้านึกได้แต่ตอนที่พระเอกกะนางเอกจุ๋งจิ๋งกันเท่านั้น ก็ตอนอ่าน ดันเน้นอ่านแค่ฉากนี้นี่นา แฮ่
คารวะ
ลืมอีกแระ..
ตอบลบขอบคุณท่านคั่นฯ ที่เคารพ สำหรับ "ใบลา ของ อ.เนาว์" ข้าเจ้าก็พลอยได้'ส่วนบุญ'ไปด้วย
^^
อีกนิดนึง...
ตอบลบท่านดินมีลิงค์ "บ่นวรรณเวร" ที่เคยกล่าวถึงไหมเจ้าค่ะ ข้าเจ้าจะเอามาอ่านดู เผื่อเป็นแนวทางสำหรับ "ห้องพัก 510" ได้บ้าง
ลมโชยหวิว ๆ สวัสดิ์ครับพี่ท่าน
ตอบลบคราวนี้มั่วไม่เจอเสียแล้ว หากล่อง Rss Feed ไม่เจอ ไม่ทราบว่าเป็นที่ธีมหรือเปล่าครับ? รบกวนขอคำชี้แนะจากพี่ท่านสักหน่อย
^^
ปล.ยินดียิ่งครับพี่ท่าน ช่วงนี้โรงเรียนปิดเทอมแต่ก็ยังสอนซัมเมอร์อยู่ เลิกประมาณบ่ายสามครึ่ง
แล้วไปหาทำเลครึ้ม ๆ ซดนมเย็นตรายอดข้าวกัน ^^
ด้วยความเคารพ
มะคั่น
เย็นย่ำแดดรำไรสวัสดิ์ขอรับท่านสายที่เคารพรักกว่า
ตอบลบต้องประทานโทษด้วยขอรับ เจ้าช่างด.ดินมันไปยกเครื่องมาแล้ว แต่ยังไม่ได้ลงมืองัดแงะ ขอเวลาอีกสักครู่(เล็ก ๆ)
ข้าพเจ้ากำลังไฟลนก้น ต้องส่ง 'กล่องเครื่องมือนักหัดเขียน' ให้ก้าวฯ ภายในวันนี้ ประเดี๋ยวอาบน้ำกินข้าวแล้วจะปั่นให้เสร็จ จากนั้นลงมือขัดสีฉวีวรรณระเบียง
ดึก ๆ ค่ำนี้คงจะเสร็จ โปรดรอคอย..โปรดรอคอย..
ส่วนเรื่อง 'ที่มาที่ไป' นั้น ข้าพเจ้าตอบไปแล้วนี่นา..หรือไม่?(ชักงงแระ)ข้อเสียของ Blogger ก็คือไม่สามารถรื้อดูคอมเม้นท์เก่า ๆ เหมือน WP เปิดได้จากบทความนั้น ๆ อย่างเดียว (อันนี้เรื่องใหญ่เลย บางคอมเม้นท์ที่มีค่าสูญหายอย่างน่าเสียดาย)
ข้าพเจ้าลอง ค้นขนำแล้วก็ไม่เจอ
เป็นคำโต้ตอบสนทนาเมื่อแรกท่านนวยนาดผ่านขนำ ท่านกล่าวอะไรสักอย่าง เป็นการกล่าวลอย ๆ ข้าพเจ้าจึงทักไปว่าหากเขียนเช่นนี้จนเคยมือจะส่งผลกับงานเขียน จะดีกว่าไหมหากเราฝึกเขียนด้วยการฝึกที่นิสัย ทุกครั้งที่เขียนฝึกเขียนให้มีที่มาที่ไป
ท่านยังแซวว่าข้าพเจ้าดุท่าน (จำได้เปล่า?..จำได้เปล่า?)
พอจะสบายใจขึ้นบ้างไหม? หากยังข้าพเจ้าก็จะรื้อที่ละบทความหามากำนัลท่านจงได้ (ฮึมมม์)
นี่ขอรับลิ้งก์บ่นวรรณเวร
ตอนแรก
http://tuleedin.wordpress.com/2007/01/06/%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a3/
ทั้งหมด
http://th.wordpress.com/tag/%e0%b8%9a%e0%b9%88%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a3/
ชื่อบ่นวรรณเวรนี้ข้าพเจ้าเคยโดนผู้ใช้นามคนรักอักษรยำเสียเละ ประมาณว่า ทำลายภาษานั่นเลยเทียว ป๋าไอซ์ที่เป็นคู่หูคู่สนทนาเองก็คงเจอใครบางคนทักเอาจึงเคยเปลี่ยนหัวเรื่องที่บล็อกท่าน
ไม่ทราบท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง?
จะรวบรวมเข้าเล่มหนังสือทำเมาส์ เพราะอยากเก็บไว้เป็นที่ระลึก โลกทัศน์ของพี่สองพี่สาม สองเกลอเบลอกบาลน่ากราบจริง ๆ
ขอให้ท่านดูที่คอมเม้นท์ ส่วนของคนชงเรื่องนั้นอาจรำคาญหูรำคาญตาสักหน่อย สหายเจี๊ยบ ๆ เจ้าแม่ Mblog ขนานนามว่าสำนวนน้ำท่วมทุ่งบักบุ้งโหรงเหรง (ตั้งใจจะกวน teen เหล่าสหายร่วมสนทนาน่ะขะรับ)ขอท่านอย่าได้ถือสา
คารวะ
ป.ล. หน้าร้อนกอทอมออบอ้าว ความชื้นสูง ข้าพเจ้าอยู่ไม่ไหว การหลบมาอยู่ชนบทเยี่ยงนี้จึงคือทางออกหากไม่ต้องการชีวิตฟุ่มเฟือยพลังงาน
ปัญหาคืออยู่ในที่ปิดน่ะขอรับ ตึกบ้าง ผนังห้องมีหน้าต่างด้านเดียวบ้าง ลมจึงไม่ผ่านทั้งที่มีลม
สำหรับชีวิตกอทอมอไม่มีทางออกอื่น ติดแอร์อย่างเดียวขอรับ..ติดแอร์เลยทั่น
เที่ยงคืนสวัสดิ์ท่านดิน
ตอบลบหลับยัง?
เข้ามาปะเลง “ทวิภพ” ให้แล้วเจ้าค่ะ เอาตามความรู้สึกข้าเจ้าลุ่นๆ เลย นะท่านนะ
บอกไว้ก่อนว่าทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากหางอึ่งกุดๆ ที่เคยกระดิกใส่ท่านมาแล้วก็หลายครั้งหลายครา(ยังไม่เข็ดอีกนะ) ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยสำแดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือเล่มไหนจริงจังเสียที
เอาเป็นว่าสำนวนการเขียนของท่านทมยันตีนี่ขอซูฮกโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น(ข้าเจ้าไม่เคยอ่านงานเขียนของท่านทมยันตีมาก่อน ได้อ่านครานี้ก็ต้องขอบคุณท่าน ถ้าท่านไม่ให้ข้าเจ้าหาซื้อทวิภพ ป่านฉะนี้ก็คงยังไม่มีวาสนาได้อ่าน)
ข้าเจ้าชอบบทบรรยายของท่านทมยันตี ท่านบรรยายอุปกรณ์ประกอบฉาก(ไม่รู้เขาเรียกว่า’ไร ขออนุญาตเรียก ‘อุปกรณ์ประกอบฉาก’) ได้สมจริงสมจัง อ่านแล้วรู้สึกมีมิติ อย่างฉากที่บรรยายลวดลายของกรอบกระจก(จำรายละเอียดไม่ได้แล้ว รู้สึกเหมือนจะเป็นลวดลายของเถาไม้มีนกเกาะอยู่ด้วยสองตัว ใช่ป่าว?) ฉากที่บรรยายถึงกระเป๋าของนางเอก(เป็นฉากเปิดเรื่อง เมณี่รถเสีย หลังจากออกมายืนบ่นนอกรถจนพอใจ จึงเปิดประตูรถคว้ากระเป๋าที่ลวดลายราวตะกร้าดอกไม้นั่นน่ะ จำได้ไหม?) ฉากที่บรรยายห้องต่างๆ ในบ้านนางเอก
ทุกฉากท่านทมยันตีเก็บรายละเอียดได้ยอดเยี่ยมกระเทียมเจียว
อ่านไปข้าเจ้าก็ร้อง โห!......โห!........โห!...........
อย่างที่เคยบอกท่าน ข้าเจ้าอ่านพวกนิยายประโลมโลกมาพอควร ปกติเจอฉากบรรยายต่างๆ ข้าเจ้าเปิดผ่าน.....ผ่าน.....ผ่าน.... ถึงตอนน่าสนใจก็ จอด..!
แล้วก็ ผ่าน......ผ่าน......ผ่าน........ จอด..!....ผ่าน.......ผ่าน....ผ่าน.....
เป็นอย่างเงี๊ยะไปจนจบ --- แต่เรื่องนี้ขอบอกว่า ไม่ 'ผ่าน' เลยสักหน้า!
สำนวนโดนใจ แต่ก็มีบางอย่างที่ทำข้าเจ้าขัดใจ
ตรงบทสนทนาน่ะท่าน
ข้าเจ้าสังเกตดูบทสนทนาของท่านทมยันตีจะต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ คนนึงพูดจบ อีกคนจะพูดต่อทันที น้อยประโยคที่จะมีคำบรรยายต่อท้ายเพื่อบอกให้รู้ว่าเป็นประโยคของใคร บางทีก็ขัดใจว่ามันเป็นคำพูดของใคร อย่างคุยกันสองคนก็พอเดาได้ แต่ถ้าคุยกันสามคนก็ทำให้นั่งงงได้เช่นกัน(ท่านเป็นเหมือนกันไหม?)(ส่วนมากจะเจอในบทสนทนาของเมณี่กับพวกเพื่อนๆ)
ความจริงใช้บทสนทนาแบบนี้ตอนอ่านก็รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาตินะเจ้าคะ อาจเป็นเพราะความเก๋าในฝีไม้ลายมือของผู้เขียนทำให้ผู้อ่านรู้สึกแบบนี้ แต่ความสงสัยที่ว่ามันเป็นประโยคของใครทำให้สะดุดเลยหงุดหงิดใจเล็กน้อย
ตรงจุดที่ขัดใจอีกนิดนึงคือ ตอนคุณหลวงแต่งงานกับแม่มณี ดูจะรวบรัดไปหน่อย คุณหญิงแสร์พูดเรื่องแต่งงานกับแม่มณี รู้สึกเหมือนแม่มณีจะขอเวลาหรืออะไรสักอย่างในทำนองนี้นี่แหละ(ไม่รู้ข้าเจ้าเข้าใจความหมายของแม่มณีคลาดเคลื่อนไปหรือเปล่า) แต่จู่ๆ “อ้าว! จัดงานแต่งกันแล้ว” คนอ่านงงเลย ไปตกลงรายละเอียดกันตอนไหน ทำไมไม่บอกกันมั่ง คนอ่านอยากรู้ เลยรู้สึกเหมือนจะยังไม่อิ่ม
****อวสาน****
มีปัญญาสำแดงได้แค่นี้แหละเจ้าค่ะ ที่บอกว่าอ่านสองรอบนั่นรอบแรกก็อ่านไปเรื่อยๆ อยู่หรอก แต่รอบหลังน่ะจ้ำพรวดๆ เปิดหาเฉพาะฉากประทับใจเจ้าค่ะ อิ อิ อิ
เป็นไง หางอึ่งข้าเจ้ากระดิกดุ๊กดิ๊กเลยใช่ไหม? ฮา
อ้อ... อึกนิดนึง ข้าเจ้าชอบตอนสลับฉากอีกอย่าง ตัดฉากไปมาฉับๆ ชอบเจ้าค่ะ ที่เห็นเด่นชัดก็ตอนท้ายเล่มสอง ช่วงที่แม่มณีเริ่มไม่กลับเมื่อได้ยินสัญญาณเรียก และทางบ้านตามหากันน่ะ
ส่วนเรื่องเนื้อหา --- ไม่ขอพูดถึง มิบังอาจเล่นกับของสูงเจ้าค่ะ ^^
(เอ? หรือว่าเล่นไปแล้ว ที่พูดถึงเรื่องงานแต่งนั่น อยู่ในส่วนเนื้อหาหรือเปล่าทั่น?)
คารวะ
OOO
ข้าเจ้าตามลิ้งก์บ่นวรรณเวรไปแล้วเจ้าค่ะ ลิ้งก์บนนั่นอ่านจบแล้ว เจอลิ้งก์ล่างเข้าต้องขออนุญาตถอยกลับมาตั้งหลักก่อน --แฮ่ ไม่ไหว คงต้องทยอยอ่าน
ถ้าเข้าใจไม่ผิดที่ท่านถามว่า "ไม่ทราบท่านคิดเห็นอย่างไรบ้าง?"
หมายถึงชื่อ "บ่นวรรณเวร" ใช่ไหม?
(เอาเป็นว่าข้าเจ้าขอติ๊ต่างว่าท่านถามถึงชื่อนี้นะเจ้าคะ)
ก็อย่างที่รู้ๆ กันภาษาไม่ได้อยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้นเสียหน่อย มันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เกิดแล้วก็ตาย แล้วก็เกิดใหม่แล้วก็ตายอีก วนเวียนไปเป็นวงจรอยู่อย่างนี้ การที่ใครสักคนคิดคำใหม่ขึ้นมาก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา การมีคนไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ข้าเจ้าว่ามันอยู่ที่เจตนามากกว่า ทั้งเจตนาของคนที่สร้างคำใหม่ขึ้นมา และเจตนาของคนที่วิจารณ์ หรือคนที่ต่อว่า
คนวิจารณ์บางคนก็ใช่ว่าจะรู้อะไรดีนัก สักแต่ว่าไม่ถูกใจตัวก็ว่าไปอย่างนั้น(อันนี้หมายถึงคนวิจารณ์โดยทั่วไป จากที่พอผ่านข่าวสารมาเล็กน้อย)
หากเจตนาของท่านเพื่อสร้างสรรค์หาใช่เพื่อทำลาย ก็น่าจะเป็นเกราะคุ้มกันคำวิจารณ์ต่างๆ ได้พอตัวอยู่ ใช่ไหม?
ข้าเจ้าไปนั่งขุด "ที่มาที่ไป" มาแล้วเจ้าค่ะ อยู่ในบ้านเก่าของท่านตรง "เก้าอี้ริมรั้ว" ตอนนั้นข้าเจ้าพูดถึงหนังสือเล่มนึง รู้สึกคุ้นๆ เลยเข้าไปในบ้านคลิกเก้าอี้ริมรั้ว ดึงกล่องเสิร์ชขึ้นมา ใส่คีย์เวิร์ด "เราหลงลืมอะไรบางอย่าง" ก็เจอเลย
เอามาฝากท่านด้วย(รื้อฟื้นความทรงจำไปด้วยกันไง ข้าเจ้ารู้สึกเหมือนท่านจะจำไม่ค่อยจะได้อยู่นา)
--------------
พระพาย
#150
October 5th, 2008 at 3:29 pm
อยากคุยสวัสดิ์เจ้าค่ะ
ว้าว….ว เนปาล! อิจฉาจังเลย
อ่ะนะ เรื่องเจ้าไมเคิลส่งมาได้ไม่มีปัญหา ค่าคงค่าครูอะไรใครเลยจะกล้าคิด เพียงแนบสัญญาประทับลายเซ็นท่านเป็นที่เรียบร้อย
“หากเจ้าไมเคิลเกิดม่องเท่งขึ้นมา ข้าพเจ้าจะไม่เรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น”
เท่านี้ก็เรียบร้อย ข้าพเจ้าเต็มใจเบิร์ดให้หลายป้าบเลย
ท่านดิน ท่านอ่าน “เราหลงลืมอะไรบางอย่าง” หนังสือซีไรต์ปี 51 ยัง? ข้าพเจ้าเพิ่งอ่านไปได้ครึ่งเล่ม รู้สึกขัดยอกหลายจุด เอานะ รอยหยักในสมองเราคงยังไม่ลึกพอ
จะอ่านวรรณกรรมเยาวชนของเค้าเหรอ? วุ้ย! อายจัง ขอคิดดูก่อนนะ —บางทีอาจเอาไปลงไว้ที่สำนัก
---------------
ธุลีดิน
October 5th, 2008 at 5:15 pm
แฮ่ๆๆๆ ยาวเฟื้อย ขี้เกียจก็อปมา ไปหาอ่านเอาเอง
--------------
(ข้าเจ้าหาได้ว่าท่านดุนา แค่บอกว่าท่านน่ะเหมือนหลวงพี่คอยเทศนาเรื่องไม่ถูกไม่ควร)
หลับฝันดีเจ้าค่ะ
ปล.แหม้ มาแนะนำให้เราซื้อแอร์ วันๆ จะกินแกลบอยู่แล้ว ทำงานแค่พอซื้อมาม่ามานั่งซดวืดๆ ก็บุญโข ซื้อแอร์ตัวนึงต้องอดมาม่ากี่เดือนล่ะทั่น เก็บตังค์ครบก็เข้าหน้าหนาวพอดี ทั่นว่ามะ
เพ็ญโสมส่องตีสองสวัสดิ์ขอรับท่านสาย
ตอบลบแท็งค์กิ้วมากมายสำหรับหางอึ่งทวิภพ และค้นที่มาที่ไปเจอ(จนได้)ร้ายกาจมั่ก ๆ (อยู่ขนำเก่านี่เอง มิน่าหาที่นี่ไม่เจอ)และความเห็นเรื่องชื่อ 'บ่นวรรณเวร'
ท่านร่ายทวิภพรวบรัดกระชับตรงความ ช่วยเป็นเงาสะท้อนมุมคิดมุมเห็นเพื่อใช้ขัดเกลางานเขียนต่อ ๆ ไป หากคิดเลี่ยงข้อครหาว่ารับประทานแรงท่าน ข้าพเจ้าเองสมควรมีบทวิเคราะห์แลกเปลี่ยน แต่เวลารึก็ล่วงยามมาโขแล้วเห็นทีจะต้องมุดเข้ามุด (ข้าพเจ้าทะลึ่งหลับตอนหัวค่ำ ตาลีตาเหลือกตื่นขึ้นมาปั่นกล่องเครื่องมือเกือบเที่ยงคืนแล้ว)
หวังท่านจะไม่ถือสา ให้ทานแรงเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่สหายต่ำต้อยนับเป็นกุศลใหญ่ ขอท่านจำเริญอักขระยิ่ง ๆ ขึ้นไปเทอญ
นอนล่ะ!