ฝากไปในสายลมรัก : เพียงรัก
By : สายลม
“เฮ้ย! ดาว ทางนี้”
เสียงตะโกนเรียกทำให้ดาวรายที่กำลังเดินทอดฝีเท้าผ่อนอาการเหนื่อยหอบจากการวิ่งมาราธอนมาเป็นเวลาเกือบชั่วโมงเหลียวสายตาหาต้นเสียง และทันทีที่พบเธอเร่งฝีเท้าเข้าไปหาพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนแผ่หราบนพรมหญ้านุ่มไม่อินังขังขอบกับผู้คนรอบด้าน
Comment : น่าจะใช้ 'วิ่งออกกำลังกาย' แทนวิ่งมาราธอนนะ
ดวงตะวันลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงนีออนตามจุดต่างๆ รับหน้าที่ต่อจากดวงตะวันอย่างแข็งขัน
“โอ้ย! เหนื่อย! แต่โล่งขึ้นเยอะเลย” หญิงสาวบ่นด้วยปนเสียงหอบเหนื่อยบอกอาการขณะที่ยังคงนอนหงายชันเข่าดวงตาพริ้มหลับ
Comment : เสียงหอบจะเป็น ฮั่ก ฮั่ก ไม่น่าจะใช้เป็นเสียบบ่นได้นา แต่อาการบ่นไปด้วยหอบไปด้วยนี่สิจะบรรยายว่าไง..(ยังคิดไม่ออก)
“ก็แน่ละสิ เต้นไปสี่สิบห้านาทียังไม่พอ ยังไปวิ่งต่ออีกตั้งเกือบชั่วโมง ไม่เหนื่อยเธอก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ” อ้อมเดือนเพื่อนรักผู้ซึ่งตะโกนเรียกเธอเมื่อครู่นั่นเองแสดงความคิดเห็น
“นี่ลุกขึ้นมาก่อนสิ มีเพื่อนจะแนะนำให้รู้จัก”
แรงฉุดดึงของอ้อมเดือนไม่ทำให้ดาวรายลุกขึ้นมาได้ แต่คำพูดของเธอก็เป็นแรงกระตุ้นพอจะทำให้ดาวรายเปิดเปลือกตาพร้อมหันหน้ามามองบุคคลที่นั่งรวมกลุ่มอยู่ข้างๆ ได้เป็นอย่างดี
และเธอก็ได้เห็นว่ากลุ่มสนทนาข้างๆ เธอนั้นไม่ได้มีเพียงกำชัยและอ้อมเดือนเหมือนเช่นชั่วโมงก่อนหน้า หากแต่มีชายแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมาอีกคน สายตาดาวรายจับนิ่งไปยัง(ที่)ชายคนนั้นซึ่งนั่งในตำแหน่งตรงข้ามเธอพอดิบพอดีและมองมายังเธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆ เหมือนหนึ่งจะหยิบยื่นไมตรีจิตให้ ดาวรายเพียงแค่เลิกคิ้วตอบกลับไมตรีจิตนั้น
“นี่ชัช เพื่อนเรา คนที่เป็นสถาปนิกที่เคยพูดถึงไง จำได้ไหม(มั้ย)?” กำชัยแฟนหนุ่มของอ้อมเดือนทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน ด้วยเพราะ ‘ชัช’ หรือ ‘ชัชวิทย์’ เป็นเพื่อนของเขาโดยตรง และดาวรายก็เป็นเพื่อนของเขาเท่าๆ กับที่เธอเป็นเพื่อนของอ้อมเดือน
“ฮื่อ จำได้สิ – ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ขณะที่กล่าวคำทักทายเธอขยับตัวลุกขึ้นนั่งร่วมวงสนทนาด้วยเพื่อไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทเกินไปนัก ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็ตามที
ย้อนหลังไปเมื่อไม่นานมานี้ทั้งอ้อมเดือนและกำชัยเพื่อนรักทั้งสองของดาวรายพูดถึงชัชวิทย์ให้เธอฟังนับครั้งไม่ถ้วนจนแทบเอียน ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพื่อนตัวดีทั้งสองพยายามเล่นเกมส์จับคู่ ก็น่าอยู่หรอกที่ทั้งกำชัยและอ้อมเดือนจะออกอาการเป็นห่วงเป็นใยจนออกนอกหน้า ในเมื่อตั้งแต่ย่างเข้าวัยรุ่นจนถึงบัดนี้ดาวรายยังไม่เคยคบผู้ชายคนไหนเป็นแฟนเลยสักคน สำหรับคนอื่นอาจคิดว่าเป็นเรื่องแปลกแต่ตัวดาวรายเองไม่ได้คิดแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้สนใจว่าผู้คนรอบข้างจะมองเธอยังไง ก็เธอรู้จักหัวใจตัวเองดีเสมอมานี่นา
Comment : เกม มาจาก Game แต่หากมีหลายเกมส์ Games อย่างซีเกมส์ จึงใส่ 'ส์' (เพลงดาบนี้ได้มาจากพี่ท่านอานันท์..ขอได้รับคารวะ)
หลังจากนั่งคุยกันพักใหญ่อ้อมเดือนและกำชัยก็ขอแยกตัวไปซื้อเครื่องดื่มซึ่งตั้งอยู่อีกฟากของอาคาร เปิดโอกาสให้ชัชวิทย์และดาวรายนั่งคุยกันตามลำพัง แต่เพียงไม่นานชัชวิทย์ก็ขอแยกตัวไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ภายในอาคารไม่ไกลจากที่ทั้งสองนั่งคุยกันนัก
Comment : อาคารไหน? ยังไม่เคยเอ่ยถึงอาคารมาเลยนี่นา
ดาวรายทิ้งตัวลงนอนราบไปกับพื้นอีกครั้ง พลิกตัวคว่ำหน้าใช้แขนข้างหนึ่งรองรับศีรษะไว้ หลับตา ให้ความรู้สึกซึมซับรับกลิ่นอายธรรมชาติ นอนอย่างนั้นนิ่งนานปล่อยให้ความเงียบสงบโอบกอด แต่ก่อนที่จะเคลิ้มเข้าภวังค์ ไหล่ของเธอก็รับรู้ถึงอาการสัมผัส และเมื่อสัมผัสนั้นตามมาด้วยแรงบีบเบาๆคนที่นอนไม่ไหวติงอยู่บนพื้นก็พลิกกายขึ้นมาฉับพลันทันใดรวดเร็วจนเจ้าของมือที่บีบอยู่บนไหล่เธอถึงกับผงะ
Comment : เมื่อกล่าวถึงลักษณะ 'ฉับพลัน' รูปประโยคที่ใช้น่าจะสั้นกระชับฉับไวด้วย
แต่ทันทีที่เห็นหน้าเจ้าของมืออุกอาจได้ชัดเจน อารมณ์โกรธที่เพิ่งก่อตัวขึ้นเมื่อครู่จางหายไปหมดสิ้น ความดีใจระคนตื่นเต้นสุดประมาณเข้ามาแทนที่
Comment : คำ 'เพิ่ง' บอกแล้วว่า 'เมื่อครู่' ขอให้ระมัดระวัง (อยู่ในหัวข้อ 'คำฟุ่มเฟือย' อย่างข้างล่าง-คำ 'ร่าง' ซ้ำคำ 'ตัว')
“พี่เมฆ!”
ร่างบางโถมตัวเข้ากอดชายหนุ่มที่นั่งยิ้มพรายอยู่ข้างๆ จนทั้งคู่แทบจะล้มกลิ้งไปด้วยกัน ดีที่ชายหนุ่มฝืนกายเอาไว้ได้ทัน
“เบาๆ หน่อยสิยัยดาว รัดเสียแน่นแบบนี้พี่หายใจไม่ออก”
“ก็คนเขา(เค้า)คิดถึงนี่ แล้วนี่พี่เมฆรู้ได้ไงคะว่าดาวอยู่นี่”
“พี่แวะไปหาเราที่อพาร์ทเม้นท์เห็นล็อกกุญแจ ไม่รู้จะไปไหนดี เลยมาเตร็ดเตร่ที่นี่ เผื่อโชคดีจะได้มาเจอเรามาออกกำลังกาย และก็โชคดีจริงๆ ด้วย ว่าแต่เราะเถอะ ทำไมมานอนเกลือกดินอยู่แบบนี้”
ดาวรายซึ่งผละมาจากอ้อมกอดของเมฆานั่งทอดขาราบไปกับพื้น เท้าแขนข้างหนึ่งไปเบื้องหลัง มืออีกข้างลูบไล้ไปบนพรมผืนหญ้าข้างกายสีหน้าปรากฏแววละมุนอ่อนโยน
Comment : จะเมฆ หรือ เมฆากันยะ?
“ดาวชอบกลิ่นดิน สัมผัสแล้วอุ่นใจ” (อาบน้ำนะ..มีกลิ่นได้ไง..ฮึ!?)
แววความสุขนุ่มนวลที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของคนพูดทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ พลอยยิ้มตามไปด้วย
“โรแมนติกจริงนะ” ถ้อยคำสัพยอกเล็กๆ ออกมาจากรอยยิ้มอ่อนโยนนั้น “แล้วมานอนอยู่คนเดียวแบบนี้ไม่กลัวบ้างเหรอ ค่ำมืดแล้วทำไมยังไม่กลับห้อง”
“กลัวอะไรดาวไม่ได้อยู่คนเดียวซะหน่อย รอเพื่อนอยู่ เดี๋ยวคงมา นั่นไงมากันแล้ว”
เมฆามองตามสายตาดาวรายจึงได้รู้ว่าเพื่อนที่เธอพูดถึงนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน อ้อมเดือนและกำชัยเพื่อนสนิทของเธอที่เขาเคยเจอบ่อยๆ นั่นเอง
“อ้าวพี่เมฆหวัดดีค่ะ มาได้ไงคะเนี่ย” อ้อมเดือนส่งเสียงทักทายชายหนุ่มมาแต่ไกล
Comment : อ้อ..ชื่อเต็มเมฆา ชื่อเล่นเมฆ รึ? แล้วปาย..แล้วปาย..
“ตามไอ้ดาวมันมาหรือพี่” กำชัยทักขึ้นบ้าง
“ฮื่อ ไปไหนกันมาล่ะ”
Comment : ตรงนี้น่าจะบอกนะว่าใครพูด ตอนตัวละครสองตัวคุยกัน ไม่จำเป็นต้องบอกทุกครั้งว่าใครพูด แต่หากเพิ่มเป็นสามตัวขึ้นไป จำเป็นต้องบอกทุกครั้งป้องกันความสับสนของผู้อ่าน (หากเกิดสักแว่บ เรา(ผู้เขียน) ล้มเลวทางการสื่อสารทันที)
“ไปซื้อน้ำฝั่งโน้นค่ะ ชัชไปไหนล่ะดาว” อ้อมเดือนหันมาถามดาวรายถึงเพื่อนอีกคน
“ห้องน้ำ นั่นไงออกมาพอดี”
Comment : ตรงนี้เป็นลูกเล่นของบทสนทนา จังหวะการพูดแบบนี้ หากแทรกด้วยบรรยายสักนิด "ห้องน้ำ" ดาวรายตอบ "นั่นไงออกมาพอดี" จะทำให้จังหวะรับ-ส่งเป็นธรรมชาติ (ข้าพเจ้าเดาเอาน่ะนะ)
และชัชวิทย์ก็ออกมารวมกลุ่มอีกคน เมื่อแนะนำให้เมฆาและชัชวิทย์รู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อ้อมเดือนจึงชวนทุกคนออกไปหามื้อค่ำรับประทาน แต่ดาวรายที่ยังนั่งแหมะอยู่กับพื้นขออยู่ต่ออีกครู่ทั้งสามจึงขอแยกตัวกลับไปก่อน แม้ดูเหมือนว่าอ้อมเดือนจะออกอาการผิดหวังนิดๆ ก็ตามที
“เดี๋ยวนี้สองคนนั้นริทำตัวเป็นพ่อสื่อแม่สื่อแล้วหรือ”
“พี่เมฆรู้ด้วยเหรอ”
“เรื่องแบบนี้ดูกันไม่ยากหรอก สลัดพ่อสื่อแม่สื่อจำเป็นออกไปได้แล้ว เราก็กลับกันมั่งเถิด ดึกแล้ว” เมฆาเอ่ยชวนพร้อมกับคว้าแขนดาวรายเตรียมฉุดให้ลุกขึ้นไปด้วยกัน
“เดี๋ยวสิ ขอนอนซบกลิ่นดินอีกนิดซิคะ ยังไม่อิ่มใจเลย ให้พวกนั้นกลับไปก่อนใช่แต่เพียงจะสลัดพ่อสื่อกับแม่สื่อหรอกนะ” คนพูดทิ้งกายลงนอนราบกับพื้นอีกครั้ง ซบแก้มใสกับผืนหญ้า สูดหายใจเข้าหนักหน่วงเหมือนจะกักเก็บกลิ่นละมุนนั้นเอาไว้ในปอดให้มากที่สุดเพื่อชดเชยให้กับวันเวลาที่ห่างหายไป
ไม่นานร่างนั้นก็พลิกกลับนอนหงายเหวี่ยงแขนข้างหนึ่งรองรับท้ายทอยไว้ ปล่อยสายตาไปในฟ้ากว้าง อาจมีดาวบางดวงเป็นจุดหมายของสายตานั้น
“พี่เมฆความรักคืออะไร?”
Comment : ตรงนี้ก็เหมือนกัลล์ หากเขียนว่า "พี่เมฆ" ดาวรายเอ่ยแทรกความเงียบ "ความรักคืออะไร?" การทอดรับ-ส่งอารมณ์เรื่องจะนุ่มนวลขึ้นไหม? (เป็นรายละเอียด ขอท่านลองพินิจ)
“หืมม์? นึกยังไงถึงถามแบบนี้?”
“อยากรู้นิยามความรักของพี่เมฆเป็นยังไง จะเหมือนของดาวมั้ย”
Comment : หากเลือกใช้เครื่องหมายคำถาม น่าจะให้ให้ตลอดนะขอรับ
“แล้วนิยามความรักของเรามันเป็นยังไงล่ะ?”
“พี่เมฆยังไม่ตอบของพี่เมฆมาเลย?”
“ถามกันแบบนี้ คำตอบมันครอบจักรวาลเลยนา เปลี่ยนคำถามใหม่ไม่ได้หรือ?” (รึ หรือ เรอะ หรือ เหรอ)
Comment : เลียนเสียงพูดในเครื่องหมายคำพูด (ตรงนี้ก็เป็นรายละเอียด ภาษาและสำเนียงที่ใช้จะบอกระดับความสนิทสนม โดยผู้เขียนไม่ต้องกล่าว)
ดาวรายละสายตาจากดวงดาวบนท้องฟ้าหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย
“เปลี่ยนคำถามให้ใหม่ก็ได้ ---เมื่อไหร่พี่เมฆจะมีแฟน?” คำถามนี้เรียกรอยยิ้มจากริมฝีปากของเมฆาได้อีกเท่าตัว
Comment : เอาล่ะ ฝากมุกบทสนทนานี้ไว้ให้ท่านนะ การที่ท่านใส่ --- นั่นบอกข้าพเจ้าว่าต้องการทอดเสียงหรือเว้นจังหวะ วิธีการคือทำอย่างที่บอกข้างต้น ใช้บทบรรยายเล็ก ๆ คั่น เช่น "เปลี่ยนคำถามใหม่ก็ได้" ดาวรายยิ้ม (ตรงนี้เป็นจังหวะที่จะบอกบุคลิกตัวละคร ใส่อะไรลงไปก็ได้ ไม่ก็ดาวรายอาจจะแคะขี้ฟัน) แล้วค่อยพูดต่อ "เมื่อไหร่พี่เมฆจะมีแฟน?"
“จะอยากรู้ไปทำไม?”
“ก็ไม่เห็นพี่เมฆควงใครซะที”
เมฆายิ้มละไมอยู่ในหน้าอย่างนั้น ไม่ตอบคำถามแต่ถามกลับ
“แล้วเราล่ะ เมื่อไหร่จะมีแฟน?”
ดาวรายหันกลับไปมองฟ้ากว้างอีกครั้งสายตาทอดไปสู่ดวงดาวที่กะพริบวิบวับให้เห็นไม่กี่ดวงบนท้องฟ้ามืดสนิทนั้นราวจมดิ่งลงในภวังค์
เมฆาเอนกายลงนอนเคียงข้างหญิงสาวบ้างหลังจากที่นั่งเท้าแขนจนรู้สึกว่าแขนชักเริ่มล้า
“อือฮึ ได้นอนดูดาวแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” เมื่อร่างกายได้ราบสนิทไปกับพื้นเขาจึงปรารภขึ้นเหมือนจะชวนคุย เพราะเห็นว่าปล่อยให้ดาวรายเงียบอยู่นานแล้ว
Comment : รูปประโยคไม่ดี 'เมื่อร่างกายได้ราบสนิทไปกับพื้น' ไม่ดีขอรับ..ไม่ดี..ลองแวะอ่านสุดยอดงานก็อปปี้ของเจ้าธุลีดินในก้าวฯ ตอนล่าสุดขอรับ
“ดาวคงไม่มีแฟนแล้วล่ะ”
“ทำไมล่ะ?” คนถามเลิกคิ้วแปลกใจ แต่ยังไม่ละรอยยิ้มละไมบนใบหน้า เขาก็เป็นแบบนี้เสมอ นุ่มนวลอ่อนโยนกับดาวรายไม่เคยเปลี่ยน
“โดนใครหักอกเข้าหรือไง?”
“...”
Comment : น่าจะบรรยาย ว่า..ไม่มีเสียงตอบ ข้าพเจ้าเคยเจอปัญหานี้เมื่อแรกฝึกเขียน สุดท้ายพบว่า 'บรรยาย' คือคำตอบ (ไม่เคยพบเจอการใช้จุดจุดจุดในเครื่องหมายคำพูดแทนความเงียบในแฮรี่ พอตเตอร์)
“หรือว่าผู้ชายที่ผ่านเข้ามาในชีวิตยังไม่มีใครดีพอให้เราฝากหัวใจไว้ได้?”
“...”
“เรายังไม่แก่ซะหน่อย ทำไมรีบปลงใจไวจัง ไม่แน่พรุ่งนี้ดาวอาจเจอคนที่ดาวต้องการก็ได้นะ”
เขารู้จักดาวรายดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร แล้วทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผู้ชายแบบไหนที่ดาวรายต้องการ
“ดาวคิดว่าดาวมีคนที่ดาวรักแล้ว”
“หือม์?” เสียงแผ่วเบาคล้ายรำพึงนั้นทำให้เมฆาประหลาดใจมากขึ้น แต่ก็ไม่อาจทำให้รอยยิ้มละมุนนั้นจางหายไปได้ “ใครกันหนุ่มคนนั้น?”
ลมเอื่อยยามดึกระเรื่อยรื่นมาพรมผิวให้เย็นสบาย พร้อมกันนั้นก็ได้ปลุกหลากสรรพสิ่งให้พลิ้วไหวราวมีชีวิตขึ้นมาเริงระบำ แสงไฟจากตัวอาคารผสานด้วยโคมดวงจากเสาที่ติดตั้งไว้ในระยะห่างให้พอมองเห็นได้ทั่วบริเวณ แม้บางพื้นที่จะมืดสลัวลัวราง(ไม่แน่ใจ 'สลัวลัวราง' คำสร้อยนี้มีอยู่หรือไม่) แต่ก็พอให้รู้ว่ายังมี(จะเห็น)ผู้คนที่มาพักผ่อน-ออกกำลังกาย จับกลุ่มคุยกันทั้งในบริเวณใกล้เคียงและห่างไกลออก(ไป)พอควร (ใช้ 'พอ' เมื่อต้นวรรคไปแล้ว)
สองร่างที่นอนเคียงข้างกันสงบนิ่งเหมือนหนึ่งจะคอยรับสัมผัสที่มาอาบไล้ จนเมื่อสายลมเคลื่อนคล้อยผ่านไปเสียงใสจึงเอ่ยขึ้น
“ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ไกล แต่ไม่ไกลเกินไปหา ...ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ แต่ไม่ใกล้พอให้สบสายตา”
เมฆายิ้มกว้างมากขึ้นแม้สายตาจะยังทอดไกลไปยังจุดสกาววิบวับที่ดารดาษอยู่บนพรมกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มเบื้องบน
“มีคนที่รักแล้ว แล้วทำไมถึงบอกว่าจะไม่มีแฟนล่ะ ไม่อยากได้เขามาเป็นแฟนเหรอ?” จบประโยคเขาก็หันหน้ามามองคนนอนอยู่ข้างๆ สายตาของเจ้าหล่อนยังมองไปไกลแสนไกล เสี้ยวหน้าด้านข้างของเธอราวภาพวาด และภาพวาดภาพนี้จะไม่มีวันลบเลือนไปจากความทรงจำของเขาได้เลย
ดาวรายเบนสายตาจากท้องฟ้าเบื้องบนหันไปมองเมฆาซึ่งมองตนอยู่ก่อนแล้ว ไม่มีคำตอบเอื้อนเอ่ยจากริมฝีปากบาง หากแต่อาการส่ายหน้านั้นแทนคำตอบได้เป็นอย่างดี
“ทำไมละ?”
“ก็ดาวรักแต่ไม่คิดครอบครองนี่”
สายลมพัดพลิ้วมาอีกระลอก แรงลมหนักหน่วงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็นำพาความเย็นชื่นระรื่นมามอบให้กว่าทุกครั้งเช่นกัน ธงทิวปลิวสะบัดไหวอยู่ไปมาไม่ต่างกับที่ใบไม้ระบำส่ายหยอกล้อสายลมอยู่ไหวๆ
“พี่เมฆเชื่อไหม ในโลกนี้มีความรักแบบนั้นอยู่จริงๆ”
ไม่มีคำตอบออกมาจากริมฝีปากที่ประดับประดาไปบนรอยยิ้มละมุนละไมนั้น ทั้งสองตกอยู่ในภวังค์เงียบสงบอีกยาวนาน บางครั้งแว่วเสียงคนที่นั่งในบริเวณใกล้เคียงลอยลมมาให้ได้ยินแผ่วๆ
และเมื่อสายลมพรมผ่านมาอีกระลอกดาวรายก็ขยับตัวลุก
“ดาวไปเข้าห้องน้ำแป๊บนะพี่เมฆ เดี๋ยวจะได้ออกไปหาอะไรกินกันก่อนกลับห้อง” ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนก้าวขาเรื่อยๆ ไปยังอาคารเบื้องหน้า
เบื้องหลังเธอมีดวงตาอ่อนโยนคู่หนึ่งเฝ้ามองจนร่างบางหายเข้าไปในอาคารจึงได้หันกลับไปมองท้องฟ้ากว้างอีกครั้ง และกล่าววาจาแผ่วเบาเหมือนหนึ่งจะเอ่ยถ้อยฝากคำให้ดวงดาวที่เรียงรายบนฟากฟ้านั้นได้รับรู้
“ทำไมพี่จะไม่เชื่อละดาว ก็พี่รู้จักความรักแบบนั้นมานานแล้ว
...รักแต่ไม่คิดครอบครอง...” (น่าจะใช้ 'โดย' แทน 'แต่')
Comment : '..เฝ้ามองจนร่างบาง..' นี่คือความสุดยอดของท่าน บรรยายลักษณะตัวละครนั้นทำได้หลายอย่าง นี่คือการบอกลักษณะตัวละครแบบมือเก๋า บอกโดยผู้อ่านไม่รู้ตัว ฝังภาพลงในใจโดยใช้ถ้อยคำน้อยสุด
มีสาเหตุอื่นที่นำไปสู่คำรำพึงตอนปิดเรื่องเหมาะสมกว่า 'ดาวไปห้องน้ำแป๊บ..' ไหม? ดูเหมือนจะปวดท้องกระทันหัน แต่การ '..ก้าวขาเรื่อย ๆ' ก็ไม่ได้บอกว่ารีบร้อน ลักษณาการไม่คล้ายไปร้านอาหารที่จะต้องผัดหน้าทาแป้ง แต่เป็นร้านข้าวแกงละแวกอาศัย ไปเข้าห้องน้ำที่ร้านก็น่าจะได้..หรือว่าไงจ๊ะดาราราย?
OOO
ข้อดี : บทสนทนาเป็นธรรมชาติ ลื่นไหล ใช้อารมณ์อักษรในบทบรรยายสร้างบรรยากาศอวลไอรัก (ตรงนี้เป็นความเก๋า บรรยากาศของตัวอักษรคือบรรยากาศของตัวเรื่อง สามารถใช้อารมณ์อักษรสร้างบรรยากาศเรื่องนั่น ไม่มีทางเรียกเป็นอื่นได้เลย นอกไปจาก 'เก๋า')
ความพอเหมาะพอดีของบทบรรยายและบทสนทนา ทำให้สองส่วนเสริม-ส่ง-รับอย่างกลมกลืน
ตั้งชื่อเหมาะเหม็ง แสดงนัยยะของธีม พลิก 'เพียงรัก' ไปจากคำกล่าวลอย ๆ ที่ผู้คนคุ้นเคย
หยุดเรื่องเมื่อธีมเคลื่อนถึงตำแหน่งที่ต้องการ ปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อโดยไม่บอกบทสรุป นับว่า 'งาม'
ข้อด้อย : อยู่ใน Comment
ข้อเสนอแนะ : ขอให้พินิจรอยซ่อมครั้งนี้ คำฟุ่มเฟือย, การจัดรูปประโยค, การแทรกบทบรรยายเล็ก ๆ คั่นจังหวะสนทนาเพื่อบอกผู้อ่านว่าคำพูดถูกทอดห่าง,
เปิดตัวเมฆาได้ไม่เลว แต่ลืมรูปร่างหน้าตาน้ำหนักส่วนสูงของนายคนนี้ หากใช้วิธีแทรกแบบ 'ร่างบาง' บรรยายเพิ่มช่วงที่ 'ร่างบางโถมเข้ากอด..' บอกกลิ่นกาย บอกรอยสัมผัส(คางเกลี้ยงเกลาหรือสากรอยหนวดเครา ภาพของเมฆจะถูกสลักลงบนใจผู้อ่าน และบอกผู้อ่านถึงความรู้สึกละเอียดอ่อน เอาใจใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ทึ่มีต่อกันโดยมิต้องกล่าว งานจะสมบูรณ์ขึ้นอีกนิด
ตัวอักษรทั้งหมดแทนกำลังใจที่ส่งมา
รองานฝึกเขียนชิ้นต่อไปด้วยความระทึกในดวงหทัยพลัน
คารวะ
สวัสดีท่านดินที่เคารพรัก
ตอบลบไม่นึกไม่ฝันว่าท่านจะซ่อมให้เป็นที่เรียบร้อย เมื่อวานไม่ได้เข้ามาตามช่างเพราะชักเกรงจาย..ไม่อยากใช้งานหนักเกินไปแค่ท่านช่วยดูกลอนกับซ่อม'ห้องพัก'ให้ก็ซาบซึ้งในเมตตากรุณาล้นเหลือจนเกินกล่าวแล้ว
ขอบพระคุณในเมตตาจิตอันท่านกรุณาหยิบยื่นให้เจ้าค่ะ
ดาวรายเป็นตัวเอกในนิยายเรื่องต่อไปที่ข้าเจ้าจะเขียน ยังไม่รู้จะเริ่มต้นเขียนยังไง และนิยายที่กำลังเขียนอยู่นี่ยังไม่จบ จะเขียนเรื่องใหม่ก็ดูกระไร แต่อาการคันไม้คันมือมันยิบๆ ยับๆ เลยจับเธอมาอวดโฉมในเรื่องสั้นชิมลางลองดูก่อน เผื่อจะได้เอาไปขยับขยายเป็นเรื่องยาวต่อได้
:)
ที่ซ่อมให้เพียงได้อ่านผ่านๆ ยังไม่ได้เข้ารายละเอียด แล้วจะกลับมาอ่านใหม่อีกครั้ง
ขอบุญกุศลอันท่านได้กระทำส่งผลให้งานเขียนท่านเกริกก้องระบือไกลในบรรณพิภพในอนาคตอันใกล้เจ้าค่ะ
ด้วยจิตคารวะ
พลับพลึง
มาแว้ว...มาแว้ววววววว.........
ตอบลบฝนตกหนักไปเมื่อครู่ฟ้าร้องโครมคราม(เอ หรือว่าฟ้าร้องครืนๆ?)ตอนนี้แดดออกแระ แสบนัยตาเชียว เดาใจยากจริงเลยอากาศเดี๋ยวนี้
มาว่าด้วย 'จุดซ่อม'
Comment : น่าจะใช้ 'วิ่งออกกำลังกาย' แทนวิ่งมาราธอนนะ
-คิดเหมือนกัลล์ (เอ ทำไมไม่เปลี่ยนหว่า???)(จะเปลี่ยนได้ไงก็เพิ่งคิดเมื่อตะกี๊!)
Comment : เสียงหอบจะเป็น ฮั่ก ฮั่ก ไม่น่าจะใช้เป็นเสียบบ่นได้นา แต่อาการบ่นไปด้วยหอบไปด้วยนี่สิจะบรรยายว่าไง..(ยังคิดไม่ออก)
-เดี๋ยวจะช่วยคิดอีกแรง
Comment : เกม มาจาก Game แต่หากมีหลายเกมส์ Games อย่างซีเกมส์ จึงใส่ 'ส์' (เพลงดาบนี้ได้มาจากพี่ท่านอานันท์..ขอได้รับคารวะ)
-ขอคารวะด้วยคนขอรับกระผม
Comment : อาคารไหน? ยังไม่เคยเอ่ยถึงอาคารมาเลยนี่นา
-นั่นจี่..! อาคารไหนหว่า?
(ต่อไปจะรอบคอบให้มากกว่านี้เจ้าค่ะ)
Comment : เมื่อกล่าวถึงลักษณะ 'ฉับพลัน' รูปประโยคที่ใช้น่าจะสั้นกระชับฉับไวด้วย
-เหมือน 'ครู่' ที่เคยเคาะกะโหลกให้เมื่อคราวก่อนใช่มั้ย? ใช่มั้ย? ใช่มั้ย?
Comment : จะเมฆ หรือ เมฆากันยะ?
-ก็ทั้ง 'เมฆ' ทั้ง 'เมฆา' นั่นแหละย่ะ!
“ดาวชอบกลิ่นดิน สัมผัสแล้วอุ่นใจ” (อาบน้ำนะ..มีกลิ่นได้ไง..ฮึ!?)***อันนี้ไม่อยู่ในคอมเม้นท์แต่อยากตอบ
-ก็อาบน้ำนะสิถึงได้ชอบ ถึงได้บอกว่าสัมผัสแล้วอุ่นใจ ลองไม่อาบน้ำสิ ชิ! ใครจะไปชอบลง เหม็นหึ่งมาเชียว!
Comment : อ้อ..ชื่อเต็มเมฆา ชื่อเล่นเมฆ รึ? แล้วปาย..แล้วปาย..
-ช่าย ...แล้วปายก็แล้วแล้วปาย
Comment : ตรงนี้น่าจะบอกนะว่าใครพูด ตอนตัวละครสองตัวคุยกัน ไม่จำเป็นต้องบอกทุกครั้งว่าใครพูด แต่หากเพิ่มเป็นสามตัวขึ้นไป จำเป็นต้องบอกทุกครั้งป้องกันความสับสนของผู้อ่าน (หากเกิดสักแว่บ เรา(ผู้เขียน) ล้มเลวทางการสื่อสารทันที)
-เหมือนกับที่ข้าเจ้าเคยวิจารณ์ 'ทวิภพ' เปี๊ยบเลย
ที่ไม่ใส่เพราะเห็นว่าใส่มาแล้วสองคนคนที่สามไม่ใส่คงไม่เป็นไร หากใส่หมดทุกคนมันจะไม่ดู'รุงรัง' เกินไปหรือเจ้าคะ?
Comment : ตรงนี้เป็นลูกเล่นของบทสนทนา จังหวะการพูดแบบนี้ หากแทรกด้วยบรรยายสักนิด "ห้องน้ำ" ดาวรายตอบ "นั่นไงออกมาพอดี" จะทำให้จังหวะรับ-ส่งเป็นธรรมชาติ (ข้าพเจ้าเดาเอาน่ะนะ)
-บรรเจิดเลยเจ้าค่ะ
Comment : ตรงนี้ก็เหมือนกัลล์ หากเขียนว่า "พี่เมฆ" ดาวรายเอ่ยแทรกความเงียบ "ความรักคืออะไร?" การทอดรับ-ส่งอารมณ์เรื่องจะนุ่มนวลขึ้นไหม? (เป็นรายละเอียด ขอท่านลองพินิจ)
-เหมือนคอมเม้นท์บน เพิ่มเติมอีกนิด ..แจ่มกระจ่าง!
(งดงามเกินบรรยายเจ้าค่ะ ขอบพระคุณที่ชี้แนะ)
Comment : หากเลือกใช้เครื่องหมายคำถาม น่าจะให้ให้ตลอดนะขอรับ
-ลืม!
Comment : เลียนเสียงพูดในเครื่องหมายคำพูด (ตรงนี้ก็เป็นรายละเอียด ภาษาและสำเนียงที่ใช้จะบอกระดับความสนิทสนม โดยผู้เขียนไม่ต้องกล่าว)
-ข้าเจ้ามีปัญหาตรงคำพวกนี้ประจำแหละ ไม่รู้จะใช้ตัวไหน มีให้เลือกหลายช้อยเหลือเกิน
Comment : เอาล่ะ ฝากมุกบทสนทนานี้ไว้ให้ท่านนะ การที่ท่านใส่ --- นั่นบอกข้าพเจ้าว่าต้องการทอดเสียงหรือเว้นจังหวะ วิธีการคือทำอย่างที่บอกข้างต้น ใช้บทบรรยายเล็ก ๆ คั่น เช่น "เปลี่ยนคำถามใหม่ก็ได้" ดาวรายยิ้ม (ตรงนี้เป็นจังหวะที่จะบอกบุคลิกตัวละคร ใส่อะไรลงไปก็ได้ ไม่ก็ดาวรายอาจจะแคะขี้ฟัน) แล้วค่อยพูดต่อ "เมื่อไหร่พี่เมฆจะมีแฟน?"
-เอาคำบรรยายมาแทรกเหมือนสองคอมเม้นท์ด้านบน ทำให้บทสนทนาชะงัก แต่อารมณ์คนอ่านยังต่อเนื่องไม่มีสะดุด แถมยังได้ภาพงดงามมากขึ้น ขอบคุณ...ขอบคุณ...
Comment : รูปประโยคไม่ดี 'เมื่อร่างกายได้ราบสนิทไปกับพื้น' ไม่ดีขอรับ..ไม่ดี..ลองแวะอ่านสุดยอดงานก็อปปี้ของเจ้าธุลีดินในก้าวฯ ตอนล่าสุดขอรับ
-แหม่ นะ! อุตส่าห์คิดกันตั้งนานโดนขีดทิ้งเกลี้ยง!
แล้วจะตามไปอ่านเจ้าค่ะ(แต่ไม่ใช่วันนี้)
Comment : น่าจะบรรยาย ว่า..ไม่มีเสียงตอบ ข้าพเจ้าเคยเจอปัญหานี้เมื่อแรกฝึกเขียน สุดท้ายพบว่า 'บรรยาย' คือคำตอบ (ไม่เคยพบเจอการใช้จุดจุดจุดในเครื่องหมายคำพูดแทนความเงียบในแฮรี่ พอตเตอร์)
-จะคิดอีกทีว่าจะแก้ปัญหานี้ยังไงเจ้าค่ะ
(แต่แปลกใจทำไมต้องยกตัวอย่างแฮรี่ พอตเตอร์)
Comment : '..เฝ้ามองจนร่างบาง..' นี่คือความสุดยอดของท่าน บรรยายลักษณะตัวละครนั้นทำได้หลายอย่าง นี่คือการบอกลักษณะตัวละครแบบมือเก๋า บอกโดยผู้อ่านไม่รู้ตัว ฝังภาพลงในใจโดยใช้ถ้อยคำน้อยสุด
มีสาเหตุอื่นที่นำไปสู่คำรำพึงตอนปิดเรื่องเหมาะสมกว่า 'ดาวไปห้องน้ำแป๊บ..' ไหม? ดูเหมือนจะปวดท้องกระทันหัน แต่การ '..ก้าวขาเรื่อย ๆ' ก็ไม่ได้บอกว่ารีบร้อน ลักษณาการไม่คล้ายไปร้านอาหารที่จะต้องผัดหน้าทาแป้ง แต่เป็นร้านข้าวแกงละแวกอาศัย ไปเข้าห้องน้ำที่ร้านก็น่าจะได้..หรือว่าไงจ๊ะดาราราย?
-ไปห้องน้ำเพื่อทำธุระ(แต่เป็นธุระที่ไม่รีบร้อน) บวกด้วยสำรวจความเรียบร้อย และร้านอาหารที่ไปไม่มีห้องน้ำเจ้าค่ะ แหม ก็ร้านแบบกางโต๊ะบนฟุตบาทริมถนนเค้ามีห้องน้ำที่ไหนกันเล่า(เหอๆ)
OOO
ขอบพระคุณข้อชี้แนะอื่นๆ รวมทั้งคำที่ตัดออกและปรับแก้ให้ใหม่เจ้าค่ะ ข้าเจ้าจะเก็บไว้ดูรายละเอียดอีกครั้ง เพื่อพัฒนางานชิ้นต่อไป...และต่อไป...
สำนึกในบุญคุณไม่รู้ลืม
สายลม
ปล.ตอนเริ่มพิมพ์บอกว่าแดดออกจนแสบนัยตา มัวแต่เลื่อนเม้าส์ขึ้นลงจนตะวันลับฟ้าไปแระ ถึงได้โพสต์ :)