หมู่นี้ฟ้าฝนไม่รู้เป็นไง คิดมาก็มาคิดไปก็ไป บางวันแดดเปรี้ยงอยู่ดี จู่ ๆ ฝนก็เทลงมาราวเทศบาลล้างถนนไม่บอกกล่าว ทำเอาตั้งตัวตั้งใจไม่ทัน ออกจากบ้านทีต้องโทรฯ ปรึกษากรมอุตุฯ ว่าวันนี้ท้องฟ้าเป็นอย่างไร


"มีเมฆเล็กน้อยถึงปานกลาง ทะเลมีคลื่นสูง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งค่ะ" เสียงหวานใสปลายสายรายงานเหมือนท่องจำขึ้นใจ

"ขอบคุณครับ" เบี้ยวกดวางหู ยิ้มงง ๆ ตกลงเอาไงหว่า จะตกรึไม่ตก เอาเหอะ! อย่างน้อยได้ยินเสียงใส ๆ สบายใจแระ

คิดหยิบร่มไปด้วยก็เกะกะดูไม่สมมาดจิ๊กโก๋ประจำซอย ตอนเดินแกว่งแขน หากมีร่มยาว ๆ ติดมือจะทำให้องศาผิดเพี้ยนไป ดูแล้วขาดความองอาจผึ่งผาย ดีไม่ดีจะเหมือนชาลี แชปปลินไปโน่น หากเป็นอย่างนั้น อาจทำให้พวกสมุนขาดความยำเกรง โดนพวกมันรุมเห่าขึ้นมาล่ะเสียบุคลิกขาใหญ่คุมซอยหมด

คิดได้เยี่ยงนั้นเบี้ยวตัดสินใจคว้ากระติกก้าวขาสู่เปลวแดดนอกชายคา

ร้านแปะยามเที่ยงวัน ลูกค้าคับคั่ง โดยมากซื้อใส่ถุงติดมือกลับบ้าน ยืนรอคิวล้อมแผงรถเข็นรุ่นคลาสสิกแทบรอบคัน แปะบรรจงชงทีละถุงใครมาก่อนได้ก่อน ใครใคร่รอรอใครไม่ใคร่รอก็ยังต้องรอเพราะทั้งซอยมีแผงโอเลี้ยงอยู่เจ้าเดียว ครั้นจะแวะซื้อน้ำอัดลมร้านเจ๊เกียว แปะมันก็เขียนป้ายประจานโทษของน้ำอัดลมเสียเต็มหน้ากระดาน เดินเข้าออกซอย ผ่านตาทุกวัน จำขึ้นใจจนกลืนน้ำอัดลมไม่ลง อีกอย่างใครยังขืนเดินดูดน้ำอัดลมผ่านหน้าแผงแปะก็จะรู้สึกเหมือนโดนหลอกด่าหน้าตาเฉย กลืนไม่ลงอีกเหมือนกัน

ร้านแปะยามนี้มีลูกค้านั่งคอยคนเดียว มันสวมแว่นตาดำอันจิ๋ว นั่งไขว่ห้าง วางท่อนแขนพาดขอบโต๊ะ พลิกหนังสือในมือทีละหน้าเหมือนโลกภายนอกเป็นเพียงสมมติคติ ในหนังสือสิจึงคือโลกที่แท้จริง พวกยืนรอพากันเหลือบมองแล้วอมยิ้ม ไม่ทราบเป็นด้วยชื่นชมหรือเอ็นดู มันเองคงรู้ตัวว่ามีคนมอง จึงยักคิ้วไปหนึ่งที นักศึกษาสาวปีสอง (เอ่อ..เดาน่ะ ดูจากขนาดเสื้อและความยาวของกระโปรงน่าจะปีสอง) ส่งยิ้มเห็นเขี้ยวมุมปากรับถุงโอเลี้ยงจากแปะ ก่อนเดินจากไปยังหันมาส่งจูบลอยลม เจ้านั้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่

แปะทยอยส่งลูกค้าทีละถุงจนคนสุดท้าย หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาจะดูรูปดาราต่อก็ต้องสะดุ้งโหยง

"แปะ!" เสียงเรียกดังลั่นเหมือนลำโพงแตก

"อยู่กันแค่นี้ลื้อจะตะโกนเรียกหาตะบักตะบวยอารายหาอาเบี้ยว?" แปะกระซิบ

"ไม่ได้เรียกหาตะบักตะบวยเรียกแปะนั่นแหละ" เบี้ยวยังพ่นเต็มหลอดลม

"เออ ๆ ๆ เอาอารายว่ามา"

"เหมือนเดิม"

แปะวางหนังสือพิมพ์ จัดแจงปรุงน้ำดำสูตรโบราณรสเข้มตำรับไหหลำ ถึงตอนนี้เบี้ยวจึงเห็นไอ้คนที่นั่งโต๊ะข้างแผง

"ไอ้จ้อย!" (ไอ้จ้อยหลานไอ้จูออกเมื่อตอนก่อน ไม่ทราบท่านผู้อ่านจำได้เปล่า ครั้งก่อนเป็นตัวประกอบไม่มีบทพูด มันโวยคนเขียนใหญ่ ซ้ำยังโก่งค่าตัว บอกตอนนี้นมขึ้นราคา หากยังแจกบทแค่ผ่านจอมันจะเลิกเล่น โดนไม้นี้คนเขียนจึงต้องยอมให้มันพูดเสียหน่อย)

เจ้าคนนั่งพลิกหนังสือส่งยิ้มฟันขาว

"มาได้ไงวะเนี่ย" เบี้ยวหันรีหันขวาง "ไอ้จูล่ะ?"

"น้าจูไม่อยู่" ไอ้จ้อยได้พูดแระ

"บ๊ะ! ขี่ซาเล้งมาเนี่ยนะ?"

ไอ้จ้อยส่งยิ้มเก๋ไก๋ หุบหนังสือ ซาเล้งคู่ขาคันจิ๋วของมันจอดอยู่ข้างโต๊ะ จะให้ถูกต้องเรียกว่าใต้โต๊ะถึงจะเหมาะ

"แม่รู้ป่าววะเนี่ย?" เบี้ยวลากเก้าอี้มานั่ง "โอ้จูอนาคตจู๋แน่ปล่อยเอ็งออกมาซ่าข้างนอกคนเดียวหยั่งงี้"

"แม่พามา" ไอ้จ้อยบอก "แม่บอกให้คอยอยู่นี่เดี๋ยวน้าจูมารับ"

"เออ..แล้วไป" เบี้ยวโล่งใจ เหลือบเห็นแปะกำลังจะรินโอเลี้ยงใส่ถุง "เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ!" เบี้ยวร้องเสียงหลง

แปะมือค้างเหมือนถูกจอมยุทธ์จี้จุด เหลือแต่ลูกตาเหลือกมองไอ้ลูกอิชั่งตะโกนทำหัวใจแทบวายตาย

"แปะเนี่ยเมื่อไหร่หยุดทำลายโลกเสียทีฮึ!?" เบี้ยวขยับลุกจากเก้าอี้

แปะทำหน้างง "ลื้อพูดเรื่องไรของลื้อ?" ปากขยับมือยังค้างท่าเก่า

"แปะขายโอเลี้ยงวันกี่ถุง?"

"ก็หลาย"

"รู้มั้ยว่าถุงโอเลี้ยงของแปะเป็นขยะพิษของซอยเรา มันทำลายล้างโลก ทำลายชั้นบรรยากาศ ฆ่าเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ ร้ายแรงเสียกว่าไอ้พิษน้ำอัดลมที่แปะเขียนประจานไว้ตั้งหลายเท่า แปะจะต้องเลิกสร้างขยะพิษนี่เสียที!"

"ลูกค้าชอบซื้อใส่ถุง ลื้อจะให้อั้วทามงาย?"

"ใส่กระติกให้เขาเซ่" เบี้ยวยื่นกระติกในมือ "แปะขายถุงละสิบบาทวันละร้อยสองร้อยถุง เดือนนึงแปะรับเละ ยังจะขี้ตืด ใครไม่นั่งกินก็ใส่กระติกให้เขาไป ออกจากซอยแล้วค่อยเอามาคืน ใครไม่คืนใบเก่าไม่ให้ใบใหม่"

"หยั่งงี้ใครเขาจะกินโอเลี้ยงอั้ววะอาเบี้ยว" แปะเสียงละห้อย

"ไม่กินก็ไม่กินเซ่ ลูกค้าหายไปรายสองรายยังดีกว่าแปะทำลายโลกที่ลูกหลานแปะจะต้องอยู่อาศัยอีกเป็นร้อยล้านปี"

แปะยิ้มจ๋อย รับกระติกจากเบี้ยว ตักน้ำแข็ง รินโอเลี้ยงยื่นคืน

เบี้ยวรับกระติก "หากแปะยังไม่เลิกใช้ถุงผมจะฟ้องกรมควบคุมมลพิษให้มาจัดการ" ตั้งท่าจะดูดโอเลี้ยงให้ชื่นใจ แล้วต้องชะงัก

"แปะ!"

"ตะโกนอีกเล้ว" แปะส่ายหน้าหยิบหนังสือพิมพ์เดินไปนั่งข้างเจ้าจ้อย

"หลอดเล่า?"

"หลอดดูดมันก็เป็นพลาสติก ใช้แล้วทิ้งเกิดมลภาวะ" แปะตอบเสียงเคร่งขรึม "ลื้อยกซดเอาเซ่"

เบี้ยวยอมจำนนแต่โดยดี ยกกระติดขึ้นซด น้ำแข็งเกิดเทลงมา ทำโอเลี้ยงกระเฉาะเลอะหน้าตาแทบสำลัก

"กินช้า ๆ ก็ได้" แปะบอกหน้าตาเฉย

เบี้ยวปะหลับปะเหลือก อ้อมไปวักน้ำหลังแผงล้างหน้า แล้วลากเก้าอี้นั่งลงคุยกะเจ้าหลานตัวแสบของไอ้จู

"เอ็งอ่านหนังสือออกแล้วเหรอวะจ้อย?"

ไอ้จ้อยส่ายหน้า "ดูรูป"

"หนังสือไรวะ?"

"คู่มือรัก"

"โหตัวแค่เนี้ยะริจีบสาว"

"ทำมาย..เด็กก็มีหัวใจ"

"ไหนขอดูเด๊ะ?"

"ไม่ได้" ไอ้จ้อยคว้าหนังสือหนี

"แป๊ปเดียว" เบี้ยวเซ้าซี้

"อาเบี้ยวจะเอาไปจีบอาปิ๊กช่ายม้า?"

เอาล่ะสิ ไอ้เด็กเวรทำพิษเสียแล้ว หากนิ่งก็จะถูกลูบคม เบี้ยวทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้

"เกี่ยวอะไรกะคุณปิ๊ก ขอดูหนังสือแค่เนี้ยะ"

"กฏข้อแรก อย่าโกหก ความรักที่เกิดจากการโกหก เป็นเหมือนดอกไม้ที่เกิดในทะเลทราย ไม่มีทางเติบโต"

"บ๊ะ! ตำรามังว่าหยั่งงั้งเหรอวะจ้อย?" แปะถาม ไอ้จ้อยผงกหัวหงึก

"ข้อสอง" ไอ้จ้อยพล่ามต่อ "ความรักที่ดีคือรักไม่ต้องการอะไรตอบแทน เหมือนรักของพ่อ-แม่"

เบี้ยวนั่งโอบกระติกโอเลี้ยงอ้าปากค้าง แปะหุบหนังสือพิมพ์นั่งฟังเจ้าเด็กสวมแว่นตาดำจ้อ

"ข้อสาม..หากไปไหนมาไหนอย่าลืมมีของติดมือมาฝาก" สองคนพากันผงกหัวโดยมิได้นัดหมาย

"ข้อสี่..ต้องกินนมตรงเวลา ห้ามกินพร่ำเพรื่อ"

คราวนี้สองคนมองตากันปริบ

"ข้อห้า.."

"พอ ๆ พอเลย" เบี้ยวรีบยกมือห้าม "ที่พล่ามมาเนี่ย ไอ้จูมันบอกเอ็งล่ะสิ"

จิ๋วโก๋แว่นดำพยักหน้า

เบี้ยวยื่นมือจะคว้าหนังสือ เจ้าจ้อยรู้ทันรีบชักมือหลบ

"ยืมอ่านแป๊บเดียววววว"

"ไม่ได้" ไอ้จ้อยยืนกราน "ยืมเค้ามา"

"ยืมใคร?"

"หมู"

"ไอ้หมูขี้แยซอย 5?"

"ช่าย"

"รู้จักกันด้วยเหรอวะ?" เบี้ยวยกโอเลี้ยงขึ้นซด ขอบกระติกหนา ซดระวังอย่างไรก็ล้นออกปาก คิดลุกไปหยิบหลอด แต่แปะมันจ้องเขม็ง

"ห้องเดียวกัน" ไอ้จ้อยตอบ

"ห้องเดียวกัน!" เบี้ยวสำลักโอเลี้ยง "เรียนอนุบาลห้องเดียวกัน!?"

ไอ้จ้อยพยักหน้าหงึก อา..เรียนห้องเดียวกัน บังเอิญแท้ ซอยตำแยกับซอย 5 เริ่มมีเรื่องราวเชื่อมต่อถึงกันแล้วสินะ เบี้ยวเหลือบมองหนังสือคู่มือรักในมือเจ้าจ้อย หนังสือเล่มเล็ก ๆ อาจกำลังทำหน้าที่ของมัน เนื้อหาหนังสือจะว่าอย่างไรคงไม่สำคัญเท่ามันได้ทำหน้าที่ของมันหรือไม่ หากมีคู่มือรักที่ได้แต่ใช้อ่าน จะมีความหมายอะไร หนังสือคู่มือรักที่ดีสมควรเป็นหนังสือที่สามารถเชื่อมโยงสองดวงใจหากัน นั่นจึงเป็นหนังสือคู่มือรักที่สมบูรณ์ เบี้ยวแน่ใจว่าหนังสือในมือเจ้าจ้อยต้องเป็นคู่มือรักที่ยอดเยี่ยม

เบี้ยววางกระติกโอเลี้ยงลงบนโต๊ะ มองทอดยาวลัดเลาะกิ่งก้านจามจุรี ขึ้นไปกระทบฉิ้งทิวเมฆขาวแล้ววกลงกลางซอย 5 แววตาเป็นประกาย

ไอ้จ้อยถอดแว่นหันมองแปะ สงสัยว่าทำไมอาเบี้ยวตาลอยอย่างนั้น อาแปะโยกคอ "อีคงเมาโอเลี้ยงไร้มลภาวะ"

OOO
ซิทคอมเล็ก ๆ : บางแคร์ซอย 5 : ตอน...คู่มือรัก (saranya_นก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น