
มิพักกล่าวคำชักชวนใดเลย ฉันใช้ร่องรอยของกาลเวลาแปรเป็นสระ-พยัญชนะมาสู่เธอด้วยเหตุผลเดียวกัน
หลายปีแล้วฉันกระทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปเห็นเข้าอาจคิดว่าวิกลจริต ก็เพราะจริตที่ไม่วิกลของผู้คนเป็น 'งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข' ฉันกลับคิดแย้งไปเสียทางอื่น
ไม่เคยคิดให้ 'งาน' และ 'เงิน' นำหน้า 'ความสุข' อีกทั้งจัดลำดับความสัมพันธ์ของทั้งสามแผกจากความเชื่อที่ผู้คนต้อยตามกันมาโดยไม่เคยสะกิดใจทบทวน ว่าความเชื่อเช่นนั้นนำไปสู่ปลายทางเยี่ยงไร
จริงอยู่ ดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบันเราขาดเงินไม่ได้ เนื่องเพราะมนุษย์สร้างเงินขึ้นมาเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนสิ่งของจำเป็นที่ไม่อาจเพาะปลูกหรือเสาะหาได้เอง แต่ 'เงิน' ก็ควรมีบทบาทอยู่เพียงนั้น ไม่ใช่กลายเป็นสิ่งล้ำค่าที่ผู้คนเสาะแสวงหา ใช้เงินแลกทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่เคยคิดเพาะปลูกหรือสร้างขึ้นเอง
ฉันใช่หมายให้ตัวเองขาดเงิน แต่ขอเธอตรองดู ว่ามีเงินสักเท่าไรจึงเพียงพอสำหรับดำรงชีวิตประจำวัน? ฉันเลือกที่จะมีแค่นั้น ไม่ใช้เวลาชีวิตหมดไปกับงานอดิเรกสะสมของเก่าชนิดนี้ หรือสนองตอบสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ที่ไม่เคยพอ ด้วยการสะสมล้นพ้นตัว ใช้เงินสำแดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของดิน, น้ำ, ฟ้า ราวกับว่าสามารถเป็นเจ้าของได้จริง ๆ
หลังกรำชีวิตจนเจนชะตา ความอยาก ความต้องการของฉันเสื่อมสูญสิ้น เงินที่หามาเพียงพอใช้ประจำวันและสำรองฉุกเฉิน ชีวิตคงเหลือแต่กิจวัตรประจำวัน และลมหายใจเข้าออกนี้ ความวิตกกังวลอนาคต ความเชื่อที่เคยคุ้นถูกถอดโยนทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่งซึ่งฉันเองหลงลืมไปนานแล้ว
ตั้งแต่พบความจริง ไม่ว่ามนุษย์จะคาดหมายอนาคตกำหนดชะตากรรมอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นไปจากกฎของความไม่แน่นอน คำบอกกล่าวคาดการณ์ดูแลเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นสำหรับฉันกลายเป็นเริงรมย์ของนิยายประโลมโลกย์เสียสิ้น
หลายปีแล้วฉันใช้เวลาเปลี่ยนเป็นตัวอักษร ตัวอักษรที่ไม่อาจแลกเปลี่ยนเป็นเงินหรืออาหารประทังท้อง หวังเธอจะให้ความเข้าใจ ไม่เห็นฉันวิกลจริตไปเสีย
หลายปีหลังมานี่ ฉันมีรายได้น้อยนิดเมื่อเปรียบกับหลายปีก่อนหน้า น้อยจนเทียบกันไม่ได้ แต่รายจ่ายก็ต่างจนไม่อาจเปรียบวัด
หลายปีก่อนหน้า ฉันเชื่อ ฉันกระทำเฉกเช่นผู้คนโดยมากในสังคม งาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ พักผ่อน เดินทาง กิจกรรมเหล่านี้หมุนเวียนอยู่ในชีวิตราวเป็นองคาพยพของชีวิตเสียเอง เข้าออกร้านอาหาร โรงภาพยนต์ สถานบันเทิง และทำงานหามรุ่งค่ำเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
แต่ผลตอบแทนที่ได้กลับมาก็เพียงริ้วรอยยับย่นบนผิวหนัง ฉันมองกลับไป ไม่เห็นอะไรเลย..ไม่เห็นอะไรจริง ๆ
ตรงข้ามกับสองสามปีหลังที่ฉันแทบไม่มีรายได้ หยุดกิจกรรมทั้งมวล ใช้เวลานั่งเขียนหนังสือ มองย้อนกลับเห็นตัวหนังสือละลานตาทอดยาวจากวันเวลาเมื่อเริ่มมายังปัจจุบัน ไม่มีตัวเลขในบัญชี ไม่มีหนี้สิน ไม่มีงบดุล งบกำไร-ขาดทุนที่จะแสดงความมั่นคงทางฐานะ แต่ฉันรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่าง..
บางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันมั่นคง
มิตรรักของฉัน เธอเชื่อหรือไม่? หากเรามอบความรักให้อะไรสักอย่างด้วยความจริงใจ ดูแลเอาใจใส่ทุกลมหายใจเข้า-ออก เราจะได้รับการดูแลกลับคืน เช่นเดียวกับเธอปลูกผัก ฟูมฟักจากเมล็ดเล็ก ๆ จนแตกใบเลี้ยง รอจนมีใบจริงจึงแยกลงกระถาง รดน้ำพรวนดิน หมั่นเติมปุ๋ย ผักต้นนั้นก็จะแตกใบอ่อนให้เรารับทาน ดูแลสุขภาพของเราเป็นการตอบแทน
ฉันใดฉันนั้น
ความรู้สึกลึก ๆ ในใจฉัน คงอิงอุ่นอยู่ในอ้อมแขนตัวหนังสือพวกนั้น และคอยสดับถ้อยคำปลอบประโลมว่า 'เราจะดูแลกันและกัน'
ฉันหลับนอนแต่หัวค่ำตื่นเช้าพร้อมตะวัน ตรงเวลาอันเป็นจุดเริ่มของเธอ ฉันคงหลับไปแล้ว เราอาจออกเดินทางคนละเวลา ย่ำไปบนดาวต่างดวง แต่ตราบใดที่เธอยังเดินทาง เราจะพบกันเสมอ เพราะฉันยังคงเดินทาง..แม้ในยามหลับ
มิตรของเธอ
Hey there, We are Blossom Themes! We are trying to provide you the new way to look and use the blogger templates. Our designers are working hard and pushing the boundaries of possibilities to widen the horizon of the regular templates and provide high quality blogger templates to all hardworking bloggers!
จดหมายจากดาวสีน้ำเงิน : เหมือนกันในความต่าง
ตอบลบสหายรักต่างดาว
ฉันเชื่อเสมอกับการมอบความรักจริงใจให้กับบางสิ่งบางอย่าง ดูแลเอาใจใส่ทุกลมหายใจเข้า-ออก เราจะได้ความรักและการดูแลนั้นกลับคืน
ไม่ต้องดูไหนไกล แค่มองดูระหว่างเรา ฉันมอบความรักให้เธอ เธอมอบความรักให้ฉัน ช่วยดูแลมิตรภาพที่มีให้กันทุกลมหายใจเข้า-ออก ความสุขก็เบ่งบานอยู่ในหัวใจของเราทั้งสองคน
นั่นคือผลตอบแทนของความจริงใจที่เรามีให้กัน
บางทีฉันอาจคิดอย่างเธอที่ไม่เอา ‘งาน’ และ ‘เงิน’ มานำหน้า ‘ความสุข’
คำกล่าวนี้อาจตีความหมายเป็นเพียงคำปลอบใจตน หรือเพียงลมปากสวยหรูที่ปั้นแต่งไว้ลวงหลอกใครต่อใคร เมื่อคิดถึงความจริงที่ว่า ฉันไม่เคยมีเงินมากมายอะไร ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน
แต่สหายรัก
เมื่อนานมาแล้ว ฉันเคยทำงานเจ็ดวันในหนึ่งสัปดาห์ ผ่านเดือนแล้วเดือนเล่า เพียงเพื่อต้องการเงินมาซื้อความอยากให้ตัวเอง ฉันมีเสื้อผ้าที่ซื้อใหม่ทุกอาทิตย์อัดแน่นเต็มตู้ มีรองเท้าหลายแบบหลากสไตล์เรียงรายให้สวมใส่นับสิบคู่ มีกระเป๋าที่สามารถใช้ไม่ซ้ำแบบกันได้ทั้งอาทิตย์ มีเครื่องประดับ เครื่องประทินโฉมมากมายล้นกล่อง
นั่นคือกิเลสตัณหาที่ครั้งหนึ่งฉันเคยมี และมันไม่เคยพอ ความต้องการที่ร้อนเร่าอยู่ในจิตใจบังคับให้ฉันต้องไขว่คว้าเพื่อสนอง
แม้จะซื้อเสื้อผ้าทุกอาทิตย์ แต่ทุกครั้งที่แต่งตัวฉันไม่เคยมีชุดใหม่ๆ ใส่ ฉันจะมีเสื้อผ้าชุดใหม่ได้ยังไง ในเมื่อทันทีที่ฉันได้มันมาเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรม มันก็จะกลายเป็นชุดเก่าไปในบัดดล และเจ้าตัวที่เรียกว่า ‘กิเลส’ ก็จะสั่งให้ฉันไขว่คว้ามาเพิ่มอยู่เรื่อยๆ
จนเมื่อวันหนึ่งฉันพบว่า เสื้อผ้าที่ฉันขนซื้อเข้ามานั้น เกินครึ่งที่ฉันไม่เคยใส่เกินหนึ่งครั้ง รองเท้าหลากแบบหลายสไตล์ที่เรียงรายให้เลือกใส่ โดนขี้ฝุ่นเกาะจนแทบไม่เห็นสีเดิม กระเป๋าที่มีให้ใช้ไม่ซ้ำแบบทั้งสัปดาห์ ฉันหยิบใช้แค่ใบเดียวตลอดทั้งเดือน และเครื่องประดับ เครื่องประทินโฉมทุกชิ้นยังวางแน่นิ่งอยู่ในกล่อง แทบจะไม่เคยผ่านการใช้งาน
และที่น่าตกใจก็คือ ฉันมองเห็นสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงความว่างเปล่า
ฉันเพิ่งสำนึกได้ในวันนั้นเองว่าฉันกำลังไล่ล่าสิ่งไร้ค่า และฉันหวาดหวั่นเหมือนเด็กน้อยหลงทาง เมื่อรู้ว่า ตัวฉันมีเพียงความกลวงโบ๋ที่ล่องลอยไร้ทิศทาง
เป็นนานกว่าฉันจะคิดได้ ว่าฉันควรหยุดสนองให้กับตัวตัณหาที่กู่ก้องเรียกร้องอยู่ภายใน
เมื่อฉันหยุด เจ้าตัววายร้ายก็สงบซบเซา และความเร่าร้อนที่กระพือโหมไหม้อยู่ในจิตใจ ก็กลับกลายเป็นไฟเย็นที่นำความสงบรื่นมาสู่ดวงใจ
ฉันมิได้จะบอกเธอหรอกนะว่าเจ้าตัววายร้ายมันตายไปจากใจฉันแล้ว ไม่หรอก ไม่มีวันที่เจ้านั่นจะตายไปจากใจฉันได้ มันยังอยู่ตรงนั้น ด้วยท่าทีสงบและเซื่องซึม รอเวลาที่ฉันเผลอ เพื่อมันจะได้ออกมาเริงร่าอีกครั้ง ฉันทำได้ดีที่สุดเพียงควบคุมมันไว้ให้อยู่ในอาการสำรวมให้นานที่สุด
ทุกวันนี้ยามฉันเดินผ่านย่านศูนย์การค้าที่ผุดขึ้นเกลื่อนเมืองเพื่อล่อลวงให้มนุษย์ผู้อ่อนไหวเผลอตัว และเรียกร้องให้เจ้าตัวกิเลสออกมาโลดแล่น ฉันมองผู้คนที่หลงอยู่ในวังวนเหล่านั้น เหมือนฉันได้เฝ้ามองตัวเองในอดีต
แน่นอนว่าเมื่อยังอยู่ในสังคมแบบเก่าที่เคยอยู่ รายล้อมด้วยผู้คนในแบบที่ฉันเคยเป็น ความแตกต่างย่อมเห็นเด่นชัด อย่างน้อยก็ในความรู้สึกของฉันเอง และสิ่งที่ตามมาคือความแปลกแยก ประหนึ่งฉันเป็นแกะดำหลงฝูง สิ่งที่ทำคือ ฉันเพียงระบายยิ้มบางๆ ให้กับความรู้สึกนั้น
สหายรัก ปัจจุบันขณะฉันดำเนินชีวิตอยู่บนความเรียบง่าย ไม่แสวงหา ไม่ดิ้นรน ทำงานแค่พอกิน ใช้เท่าที่มี ใช้เวลาที่เหลือเพื่อสิ่งที่รัก ...และฉันได้รับความรักนั้นตอบแทนมาทุกลมหายใจเข้า-ออกแล้ว
มิตรของเธอ
ปลายสิงหาฯ ๕๒