ยอดเยาวมิตรของฉัน
ความเปล่าเปลี่ยวหาผู้คนที่จะเข้าใจภาษาของเราไม่นั้นมีรสขม จึงน้อยนักผู้ยินดีในรสนั้น คนโดยมากภิรมย์อยู่กับเสียงซึ่งสัมผัสผ่านหู รับรู้ภาพ ตัวอักษร สีสันผ่านดวงตา พอใจรับฟังถ้อยคำฉ่ำหวานประโลมใจ และหลงเคลิ้มไปว่าคือสัจจะ
มิ่งกัลยาณมิตรแห่งฉัน รสหวานวาจาย่อมไม่ต่างความหวานของอ้อยตาลที่ว่าหวานนัก ความหวานซึ่งทำให้ผู้สดับรับฟังเปี่ยมปราโมทย์ พอใจเหลิงวนอยู่ในบ่วงเสน่หาแห่งรสอำมฤต ผู้กล่าวย่อมเป็นที่รักของคนทั่วไป แลผู้ฟังก็มักหวั่นไหวอยู่ในอารมณ์วาบหวาน
หากเธอจะลองทบทวนสักนิด ความหวานเช่นนี้ฉ่ำใจก็เมื่อต้น แต่ล้วนนำมาซึ่งความระทมทุกข์ในบั้นปลาย ผู้คนก็ยังมิวายยินดีอยู่ในกำซาบรส พอใจอยู่กับภาษาเช่นนั้น
ก็ในเมื่อตระหนักว่าภาษาเยี่ยงไรจึงเป็นที่ประโลมใจ ไยฉันจึงไม่กล่าวออกไป ไยยังอาวรณ์อยู่ด้วยภาษาที่ยากหาคนเข้าใจ ไม่มีผู้ใดรับฟัง ไยยังกล้ำกลืนรสขมของความเปล่าเปลี่ยววันแล้ววันเล่า
เธอผู้ถือประทีปแห่งใจฉัน ฉันเดินทางมาไกลนัก ไกลเกินความตั้งใจเมื่อแรกก้าวเท้าเสียซ้ำ มิต่างทั่วไป ฉันเพียงต้องการนำกล้าอักษรต้นน้อยไปปลูกไว้ที่เนินเขาแห่งภาษา แต่แล้วเมื่อถึงที่นั่น ฉันพบผู้คนอีกมากมายกำลังลงกล้าอักษรตน ปลูกต้นภาษาที่ล้วนคุ้นเคยจนแค่ผ่านตาทั้งประโยคไม่ต้องอ่านทีละคำก็รู้ความหมาย ปลูกในแปลงอักษรเดิม ๆ ที่ล้วนเข้าใจกันได้โดยง่าย
ฉันมองไปข้างหน้า หนทางทอดยาวลับหายในป่าจินตนาการซับซ้อน ต้นกล้ายังอยู่ในมือ ฉันตัดสินใจเดินทางต่อ จะไปให้สุดขอบจักรวาลแห่งภาษา ไปค้นหาว่าพ้นจากนั้นยังมีอะไร นักเดินทางน้อยลงทุกที เพราะผู้คนโดยมากพอใจหยุดอยู่ตรงเนินนั่น
ฉันเขียนถึงจิตใจคนจรที่พลุ่งพล่าน โดยไม่กล่าวบรรยายออกไป บอกเพียงเขาเตะก้อนหินไม่โดนทั้งที่มันวางอยู่ปลายเท้า
ทำเช่นนี้คงยากมีใครเข้าใจ แก้วกัลยาแห่งฉัน นั่นคือการเดินทาง
ฉันเดินทางอยู่ระหว่างถ้อยคำที่สับสนและความเข้าใจของผู้คน ไม่ใช่นำสองสิ่งมาบรรจบแต่จะต้องค้นหาบัญชรเชื่อมทั้งสองหากัน นั่นอาจเป็นช่องทางไปสู่อีกมิติของภาษา
เธออาจฉงนว่าในเมื่อผู้คนไม่เข้าใจ การเดินทางของฉัน ถ้อยคำของฉันจะไม่สูญเปล่าดอกหรือ?
มิ่งปิยมิตร ฉันรู้ว่าเธอตระหนัก รอนแรมในป่าจินตนาการลึกลับซับซ้อน เราไม่ต้องการใคร ๆ มากมายเลย แค่เพียงเสียงกระซิบข้าง ๆ เสียงที่คอยเตือนว่าเราไม่ได้ดุ่มเดินอยู่โดยเดียว เท่านี้การเดินทางก็เต็มด้วยความหมาย เป็นพลังให้มุ่งไปข้างหน้า กลับกัน สุ้มเสียงมากมายเสียอีกที่จะเหนี่ยวรั้งยึดถ่วงให้การเดินทางชะงัก ด้วยหลงเริงอยู่ในแอ่งห้วยแห่งความภาคภูมิและคำสรรเสริญเยินยอ
ฉันยังคงมุ่งหน้าไป มุ่งไปในป่าจินตนาการเวิ้งว้างคว้างไหวไร้รูปแบบแน่นอน มุ่งหาภาษาที่พ้นไปจากความหมายของถ้อยคำ ทั้งรู้ว่าผู้คนน้อยนักจะเข้าใจ ต่อให้ต้องจบชีวิตลงระหว่างทาง ฉันยังดั้นด้นไป เพราะมั่นแล้วว่าถ้อยคำของฉันจะไม่สูญเปล่า ที่ดวงดาวสีน้ำเงินไกลโพ้นยังมีคนผู้หนึ่งคอยรับฟัง อาจต้องใช้เวลาในการเดินทาง อาจต้องรอเวลาปรับรับคลื่นสัญญาณ กว่าสารที่ถูกส่งจะถูกแปลความ ฉันที่ต้นทางอาจคืนธาตุกลับผืนโลกไปแล้ว
แต่นั่นไม่มีความสำคัญใด
เธอผู้คือโคมทองแห่งใจฉัน สำหรับฉันการได้พบว่ามีใครสักคนรอรับฟังเสียงของเรามีความหมายยิ่งกว่าความหมายของถ้อยคำใด ๆ ทั้งมวล
ระเบียงจันทร์
ต้นเดือนแห่งรัก
@ จดหมายจากดาวสีน้ำเงิน : ภาษาใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น