วันนี้วันเสาร์...
จึ่งแวะเข้ามาหาความรู้
พะเนินเทินทึกลึกอักขู
จะพรั่งพรูแพรวพรายรายงาม
ความเอ๋ยความรู้
เจ้าเป็นครูชั้นต้น ณ ล้นหลาม
กระจายมีที่นี่...ที่โน่นตาม
คล้ายดอกผักบุ้งครามระเนินสะทก
ก็สะท้านปานตะลึงใจ
เลาะเล็มรักใคร่เหนือใบปรก
ผุดผาดเจ้าเอางามคร้ามหยิบยก
วณิพก เพียงข้าน้อยถอยพิศ
วันนี้วันเสาร์...
มาเยือนเหย้าเจ้าของบ้านปานลิขิต
แจรงกนกเรขาน่าเชยชิด
จึงพี่ทิดสึกใหม่ให้เขินนัก.@ลฯ~
~ฯ~
พรุ่งนี้วันอาทิตย์..
ขอพี่ทิดสดับคำตามประจักษ์
อันความรู้ผู้น้อยนั้นด้อยนัก
ที่ไหนสัีกกระผีกมิปลีกลิ้น
ที่เอ่ยอ้างง้างง่าทำท่าเขียน
ล้วนวนเวียนเสาะหามาทั้งสิ้น
ผักบุ้งนาคาไหใบปรกดิน
แบ่งกันกินก็อุดมสมค่าควร
คอยบันทึกบ้านทุ่งผดุงเกษตร
รมเยศเขตคามท่ามนาสวน
เหมือนปลูกบ้านร้านติดชิดริมควน
ผักหญ้าล้วนเจือจานเป็นงานภิรมย์
พรุ่งนี้วันอาทิตย์..
ขออย่าคิดยอค่าสง่ามิสม
ยังต้อยตามถามหาด้วยปรารมภ์
คอยเฝ้าชมทิดสึกใหม่ไขพจนา ฯ
~ฯ~
อันกระบวนว่าบัณฑิตผลิตผล
วิญญูชนจอมแท้แค่เขาว่า
รู้พื้นฐานการไถในวิชา
รู้เสาะหากล้ารากฝากขนำ
อากาศดี ลมดีมีโดย
จะฝนโปรยหรืออาโปเปี่ยมกล้ำ
ก็หว่านไถในธาตุคราดแปรดำ
ห่อนลึกล้ำอันใดหนอใช่เลย
ผิว่าหากพากเพียรเขียนไถ
ดูรุกขกล้าว่าใช่ทางปางบรรพ์เอ่ย
เลียนแบบเขาพอเข้าใจก็ใช่เคย
ใจจิตตะมีละเลยวากยะสัมพันธ์
แท้จึงทาง วางใจในถ่องแท้
จับหางยางวางแค่แท้ทำนั่น
เกิดทักษะปารมีมีอนันต์
คุณมหันต์ก็เห็นไกลในวรยุทธ.
~ฯ~

กราบขอบคุณการุณยมธุรส
มีฤๅหมดหวานอยู่มิรู้สุด
อันวิชาวาโยอาโปประยุทธ์
จักโทรมทรุดหรือจำเริญเพลินเพียร
สิ้นแต่ตนขวนขวายขยายขยับ
เนิ่นวารนับวิริยาตั้งหน้าเขียน
ย่อมหมายครูรู้ทางต่างมณเฑียร
ได้เล่าเรียนเจริญรอยพลอยภิรมย์
น้อมรับคำไว้ด้วยใจสุจริต
จักพินิจพิจารณามรรคาศรม
แม้น้อยหนึ่งคำนิดพิศนิยม
คือคุรุอุดมอุไรวรรณ
เพราะถ่องแท้แน่ทางวางใจเที่ยง
มิคิดเลี่ยงฤาหยั้นประพันธ์สรรค์
พบเอตทัตคะวยัญชนะอนันต์
จักมาดมั่นหมายรอยคอยต้อยตาม ฯ
~ฯ~

จงเถิดเทิดรักลิขิตใจ
บ่ห่อนให้เห็นแอกเป็นแบกหาม
สักหนึ่งจะซึ้งครู่ยาม
งดงามว่างใน...ในขณะนั้น
พิศนอกรู้ภูมิใจในอก
สภาวะห่อนสะทกหนาวนั่น
นิ่งแท้รฤกแค่ไพรวัลย์
ภพพลอยเยี่ยงนั้นก็ฉะนี้
เพิ่งดินและหินมรกต
กำกับโศลกกำศรดมุ่งศรี
เบ่งบานการเขียวขจี
อมตะระริกรี้ที่ใจ
ก็แค่ประเดี๋ยวหนึ่งนั้น
จะว่าชีพสั้นก็ไม่ใช่
แม้ธาตุขันธ์พลันมลายไป
แต่สดใสสู่งามย่อมตามรู้.
~ฯ~
เอมรสวากยะวจีวิจักขณ์
ตระหนักโศลกธรรมกำซาบอยู่
แก้วโกเมนมรกตกำหนดรู้
แท้ดำรงคงอยู่ในพินิจ
กระนั้น..
ยังบากบั่นฟั่นคำอักษรกรรมวิจิตร
นั่งรัดร้อยกุสุมาลย์นฤมิต
หวังจุมพิศแก้วกานท์พิมานบุศราคัม
เพราะหน่ายแล้วสุขโลกวิโยคมิหยุด
จึงหวังยุดกิเลสวิเศษสัม-
ปลายิกภพธาตุเจดีย์พิธีกรรม
กี่ฉนำก็จะกล่าวกานท์ฉะนี้
เพียงครู่..ประเดี๋ยวหนึ่ง
ผ่านคำนึงคล้ายนานเหลือเมื่อแต่กี้
เขียนหมื่นแสนพันคำแค่วลี
เป็นบัตรพลีแก่โลกสุราลัย ฯ
~ฯ~
ประมวล ดาระดาษ / ธุลีดิน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น