monster_book "รู้จักหลักคานงัดใช่เปล่า?" โจจุ่นนั่งเท้าข้อศอกบนโต๊ะมือกุมหากันคล้ายคู่รักสวมกอด กระดกนิ้วขึ้นลงเคาะจังหวะเพลง (ผมเดาเอาว่าเป็น ) ทะเลใจของคาราบาว "แผ่นคั่นมันเข้าไปงัดกระดาษ ทำให้สันหนังสือแตก" โจจุ่นว่างั้น สายตาจ้องมือผมเขม็ง

ที่จ้องเพราะผมกำลังเสียบแผ่นคั่นสีแดงลายการ์ตูน คั่นหน้าหนังสือนิยายอ่านค้าง

"แน่ะ" ไม่พูดอะไรต่อบอกแค่ แน่ะ ตายังจ้องเป๋ง

"ธ่อโจ" ผมยานคางลากเสียง "มันจะขะไหนหนาดกันเชียวกะอิแค่สอดกระดาษไว้ในหนังสือ ให้พวกมันคลายอึดอัดเสียบ้าง นายลองคิดดู พวกมันเอาหน้าแนบกันสนิททั้งวันทั้งคืนหายใจหายคอแทบไม่ออก ได้ห่าง ๆ กันสักพักเราว่ามันน่าจะชอบนา"

"อย่านอกเรื่อง" โจจุ่นตะแคงคอ ใช้มือขวาปาดปลายผมเป๋ทัดหูข้างขวา แล้วส่งนิ้วสอดประสานกันเหมือนเดิม ผมเห็นนิ้วนางข้างขวากระดก เคาะลงบนโคนนิ้วนางข้างซ้าย นิ้วนางข้างซ้ายสะดุ้งโหยง กระดกเคาะบ้าง โดนโค้นนิ้วก้อยข้างขวา นิ้วก้อยข้างขวาไม่ยอม รีบกระดกเคาะโคนนิ้วก้อยข้างซ้าย นิ้วก้อยข้างซ้ายออกอาการฟึดฟัดแล้วเคาะเต็มแรง ไม่มีนิ้วเหลือให้เคาะ โดนอากาศเต็มเปา มันทำท่าเลิ่กลั่กแล้วปั้นหน้าคล้ายจะร้องไห้ โจจุ่นรีบงับปลอบใจแล้วเหลือกตามองผม

"เรากำลังพูดเรื่องหลักการที่เซอร์ไอแซกนิวตันบัญญัติเป็นต้นตอของวิชาฟิสิกส์ที่เราศึกษาและต่อมายังพัฒนาไปเป็นอะไรต่อมิอะไรฟิสิกส์อีกร้อยแปดพันอย่าง ฟิสิกส์นะฟิสิกส์ไม่ใช่วรรณกรรมเยาวชนของประเทศวานาอูตู" โจจุ่นพูดทั้งปากอมนิ้วก้อยข้างขวาหน้าตาจริงจัง จริงจังตั้งแต่รูจมูกยันปลายติ่งหู

ผมชักแผ่นคั่นเข้า ๆ ออก ๆ เอาไงดี ทีแรกคิดว่าพวกพูดเล่น แต่ดูแล้วเอาจริงแฮะ หน้าตาคล้ายผมไปทำอะไรขัดหลักศาสนาอย่างร้ายแรงเข้า ผมชักแผ่นคั่นออกช้า ๆ แต่เอ..ตอนจะอ่านต่อล่ะ หากไม่รู้หน้าไหนเป็นหน้าไหนล่ะหากันตาย ไอ้จะพับหน้าไว้ก็จำได้ว่าโจจุ่นเคยบอก "ผมไม่ชอบคนพับหน้าหนังสือเลย มันดูเหมือนคนไม่รักหนังสือยังไงก็ไม่รู้" ด้วยความขี้เกรงอกเกรงใจ ผมเลิกนิสัยพับหน้าหนังสือ (ต่อหน้าโจจุ่น) ตั้งแต่วันนั้น (โปรดสังเกตในวงเล็บ) ผมดันแผ่นคั่นกลับเข้าในหนังสือ โจจุ่นคงเดาใจผมออก

"เรากะไว้นะ" ตาจ้องมือผมเขม็ง "เราจะกำจัดแผ่นคั่นหนังสือให้หมดไปจากประเทศชาติ ตอนแรกประชาสัมพันธ์ให้เห็นผลเสียของมันก่อน จากนั้นค่อยรณรงค์เผาแผ่นคั่นหนังสือ อาจเสนอให้ตั้งวันเผาแผ่นคั่นหนังสือแห่งชาติ แล้วค่อยจัดตั้งหมู่บ้านปลอดแผ่นคั่นโดยมีเป้าหมายขยายให้ทั่วประเทศภายในระยะเวลาที่กำหนด" โจจุ่นเริ่มตาลอยมองท้องฟ้า "หากแผนการเราสำเร็จ หนังสือทุกเล่มก็จะคงทนอยู่ไปได้อีกร่วมร้อยปี ไม่ต้องสันฉีกขาดก่อนวัยอันควรอย่างที่เป็นกันอยู่นี่"

"นายจะให้อยู่นานไปทำไม" ผมขัด "อีกเดี๋ยวเขาก็พิมพ์ใหม่แระ"

"นั่นแหละตัวดี" โจจุ่นว่า "พิมพ์ใหม่ใช้กระดาษอีกเท่าไหร่ ต้นไม้อีกกี่ต้น สร้างของใหม่น่ะ รักษ์ของเก่าไว้ไม่ดีกว่ารึ" โจจุ่นเล่นคำพ้องเสียงปล่อยลมลอดไรฟันตรงคำรักษ์ซะยาว

ผมจำนนยอมดึงแผ่นคั่น แต่ช้า ๆ นานเหมือนเดินทางจากดาวพุธไปดาวพลูโต แผ่นคั่นลายการ์ตูนขยับออกทีละกระเบียด เผยรูปตัวอะไรสักอย่าง (ซึ่งหากถามไอ้ก๊องชั้นป.๔ ก.มันต้องรู้จัก) ผมถ่วงเวลาใช้ความคิด ไอ้จะเอานิ้วคั่นไว้แทนรึ ขนาดแผ่นกระดาษยังโดนโจจุ่นเล่นงานซะปานนี้ ขืนปล่อยให้นิ้วชี้ของผมทำหน้าที่แทนโดนข้อหาเจตนาฆ่าหนังสือเข้าจะยุ่งใหญ่ คดีอาญายอมความไม่ได้เสียด้วย

"เราไม่บังคับนายหรอก" โจจุ่นปรือตามองผม "ความคิดใครก็ความคิดใคร สิทธิของนายโดยชอบธรรมที่จะกระทำตามความเชื่อตน" พูดเยี่ยงนั้น แต่น้ำเสียงขึงขังพิกล หากฟังไม่ผิดผมว่ามีเสียงลอดไรฟันคล้ายใบมีดเคลื่อนไปบนรอยสากของหินลับมีด 'แกรก! แกรก!'

"เอ่อ" แผ่นคั่นกำลังจะหลุดจากหนังสือ เหลืออีกแค่กระเบียดเดียวผมก็จะไม่ได้พบกับหน้าที่อ่านค้างอีก ผมควรเปิดดูแล้วจดเลขหน้าไว้เพราะหากหวังใช้ความจำล่ะเหลวแน่ ตอนเด็ก ๆ แม่มักใช้ไปซื้อของ ผมวิ่งไปท่องไปดิบดี มะนาว 5 ลูก พริก 2 บาท หอมแดง 2 บาท ผมได้พริกไทย 5 บาท หอมใหญ่ 2 ลูก และอะไรก็ไม่รู้อีกอย่าง แม่โวยใหญ่ แต่จะจดได้ไง ไม่มีปากกาดินสอใกล้มือสักด้าม

"นายไม่ต้องเกรงใจเราหรอก ถึงเราไม่เห็นด้วยกับใช้แผ่นคั่น แต่ก็ใช่ว่านายจะต้องทำตามเรา นายอยากจะคั่นก็คั่นไปเหอะ" โจจุ่นเว้นวรรค หยุดถอนหายใจหนึ่งเฮือก "ถึงแม้เราไม่เห็นด้วยก็ตามที" สำทับให้ความมั่นใจ

ผมค่อยสบายใจขึ้นหน่อยแต่ไม่วายกังวลกับเสียงแกรก ๆ

"ใช่ว่าเราไม่เชื่อนายนะ" ผมวางหนังสือนิยายลงบนโต๊ะหินอ่อน แผ่วเบาสุด ๆ เกรงหากเกิดเสียงโจจุ่นจะเข้าใจไปว่าผมประชด "แต่หากไม่ทำอะไรสักอย่างเราคงหาหน้าที่อ่านค้างลำบากยากเย็น นายลองคิดดูบางครั้งตอนลืมคั่นหน้าเราอ่านย้อนเกือบสิบหน้าแน่ะ กว่าจะพบว่า..อ่านแล้วนี่หว่า" ผมมองหนังสือสลับมองดวงตาหรี่ปรือตรงหน้า "เอางี้" เอนหลังพิงพนัก เอามือกอดอกเป็นภาษากายแบบนักมวยยกการ์ดสูง "นายมุดเข้าไปอยู่ในหนังสือแทนแผ่นคั่น พอเราพลิกหน้าจะอ่านนายก็แค่ดันหน้าเปิดให้ เท่านี้ก็สิ้นเรื่อง"

โจจุ่นถลึงตามองผม ขมวดคิ้วครุ่นคิดสองวิฯ โดยไม่พูดไม่จา เขยิบตัวปีนขึ้นบนโต๊ะแล้วมุดเข้าในหนังสือ ผมตะลึง

"เอาจริงแฮะ!"

แผล็บเดียวแผ่นคั่นก็กระเด็นออกมาแอ้งแม้งบนโต๊ะหินอ่อน ยินเสียงไอแค็ก ๆ เบา ๆ หน้าหนังสือกระดอนขึ้นลงนิดหน่อยแล้วสงบนิ่ง ไม่มีรอยนูนที่จะงัดให้สันหนังสือฉีกขาดหรือสูญเสียรูปทรง ผมกำลังคิดว่าจะโคลนนิ่งโจจุ่นออกมาเยอะ ๆ แล้วค่อยทำการตลาดกำจัดแผ่นคั่น แต่ปัญหาคือแผ่นคั่นตามปกติเป็นของแถมมากับหนังสือ ผมจำเป็นต้องทำให้แผ่นคั่นมีราคาและเป็นของจำเป็นเสียก่อน แล้วค่อยส่งโจจุ่นออกตีตลาด หนังสือกระดกมีเสียงไอแค็ก ๆ ท่าทางจะเห็นด้วย ●


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น