สืบเนื่องคราบน้ำหมากจาก ศาลาลมริน

บ๊ะ! เล่นปิดท้ายด้วยการหยอดมุก
ร้ายกาจ!
ร้ายกาจ!
..
..
นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการที่ปรึกษามาจนก้าวฯจะครบร้อยฉบับอยู่มะลอมมะล่อ (อีกแค่แปดสิบกว่าเล่มเอง)
บล็อกท่านก็ยังไม่มีปกก้าวฯเสียที  มิไยจะหยอดมุกพื้นที่โคดสะนา  ข้าพเจ้าเคยเอาโค้ดปกก้าวฯมาแปะไว้ให้  เอาไปทิ้งเสียที่ไหนแล้วเจ้าคะ?

ข้าวราดแกงหนึ่งส้มสองกล้วยน้ำว้าสองสวัสดิ์เจ้าค่ะตะละแม่ท่านย่าที่เคารพ

ชมกันไปยอกันมาอย่างนี้ล่ะเจ้าค่ะเพลินดี อิ อิ อิ
มองด้วยสายตาจิ๊กโก๋ปากซอยกำลังนั่งเขย่าขาห่อไหล่ที่ยัดซองมาร์โบโร่ไล้ท์ไว้ใต้เสื้อยืดลายหมีพูห์ พวกคงจะบอกว่าแอ้งงงยอกันเองนี่หว่า..หมั่นไส้อิบอ๋าย.

แต่หากเป็นสายตาของศิลปินขบถนั่งซดจินตภาพอยู่ตรงมุมถนนด้วยแววตาที่ยังไม่กลับจากโลกฝันก็อาจจะเอื้อนเอ่ยศุภวาจาว่า  โอ..พวกท่านช่างมีความนับถือกันและกันอย่างสูงส่ง  ประดุจขุนเขาที่ไม่เคยหมิ่นแคลนโคนหญ้า แลสายน้ำใหญ่นั้นหาได้รังเกียจลำธารน้อยเลย 

สิ่งที่ข้าพเจ้ากริ่มใจในช่วงเวลาจวบจวนสองปีผ่าน  ก็คือได้รู้จักเหล่าท่าน!

หากไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญของช่วงเวลานั้น  นิ้วอันมู่ทู่ของข้าพเจ้าไหนเลยยอมละทิ้งสายกีต้าร์สายหกที่อวบอั๋น  ท่วงสำนองหน่วงเนิบ (เอ่อ..สำเนียงสังวาสกับทำนองออกมาเป็นสำนองได้ไหมท่านย่า? ท่านเรียนมาช่วงบอกที) อ่า...สายกีต้าร์ต่อ...สายไหนแล้วล่ะ? อ้อ สายหก โอ..รสสัมผัสที่นุ่มละมุนไม่บาดนิ้ว  น้ำเสียงที่กังวานแน่นหนัก  ไหนเลยข้าพเจ้าหักใจทิ้งไปได้ลง  ยังมีสายหนึ่งที่บอบบางสดใสเหมือนดอก  ดอก...ดอก...ดอกอะไรดีล่ะ? ไม่รู้สิ วัน ๆ ไม่เคยได้เจอดอกไม้เสียด้วย  เอาดอกต้อยติ่งไปก่อนนะท่าน  เห็นแว้บแว้บกำลังบานที่ท้ายกระท่อม  เลิกเล่นกีต้าร์  ทิ้งพู่กัน หันมานั่งหัดจิ้ม พอ หอ กอ ดอ เอก อา สอ วอ  ก็เพราะเหล่าท่านนั่นแหละ 

ข้าพเจ้าหัดเล่นกีต้าร์ครั้งแรกตอนอยู่มัธยม  ยามนั้นท่านย่าเอ๋ยขะรับ นอนกอดเลยล่ะ หลงไหลเสียยิ่งกว่าอิเหนารักบุษบา  หรือกามนิตหนุ่มลุ่มหลงสาวงามนามวาสิฏฐี  ฝึกเช้าฝึกเย็นฝึกค่ำ  แกะเพลงใหม่ได้แต่ละที  แม่เจ้าโว้ย เหมือนต้นฉบับเดะ!  อะไรมันจะเจ๋งปานน้าน (อุทานกับตัวเอง) ตีคอรดแต่ละทีอยากให้ดังไปสามบ้านสี่บ้านจะได้รู้ว่ามีกีต้าร์เทพสถิตอยู่แถว ๆ นี้

แต่ท่านย่าขะรับ  วันเวลาผ่านมาเหมือนโกหก  จากมัธยมกาลจวบจนจะล่วงเข้าปัจฉิมกาลอยู่มะลอมมะล่อ (ขอใช้อีกที) ข้าพเจ้าก็ยังเล่นกีต้าร์เจ๋งได้เท่าครั้งเมื่อเรียนมัธยมนั่นล่ะขะรับ 

หันมามองสีน้ำ  นับแต่จับพู่กัน(อย่างเอาจริงเอาจัง)  ข้าพเจ้าเข้าร่วมอบรมฤดูร้อนกับวิทยาลัยช่างศิลป์มีพิธีครอบครูอย่างเต็มพิธี  พูดแล้วขนลุกขอรับท่านย่า  นี่ขนาดข้าพเจ้ามันคนนอกคอกไม่ค่อยยินดียินร้ายเรื่องพิธีกรรม  พอเจอเข้าจริงไม่รู้จะบรรยายอย่างไรเลยท่าน  เอาเป็นว่าหลังจากวันนั้น  ข้าพเจ้ารู้สึก(ไปเอง) ว่าเป็นศิษย์พระคเณศแล้ว 

ช่วงนั้นการงานก็ทำไป  วันหยุดพักผ่อนข้าพเจ้าหิ้วกระปุกสีเดินออกปากซอยต๊อก ๆ ไปพร้อมพวกเด็ก ๆ พวกมันก็หิ้วกันคนละกระปุกขอรับ แต่เป็นกระปุกรถแข่งทามิย่า 

ข้าพเจ้าค่อย ๆ ทำความรู้จักกับความลึกลับของภาพสีน้ำที่ชวนฉงน  ปริศนาซึ่งครั้งหนึ่งเคยหลบซ่อนอยู่ในร่องผิวขรุขระของกระดาษราคาแพง(ฉิบ)ก็เผยตัวออกมาช้า ๆ

แต่ท่านย่าจ๋า...นับจากวันแรกถึงบัดนี้ร่วมสิบปีเข้าให้แล้ว  ข้าพเจ้าเพิ่งแค่รู้สึกมักคุ้นกับเฉดสีเหล่านั้น 

แลนี่กลับมาทะลึ่งหัดเขียนหนังสือ  ท่านลองใช้หัวแม่เท้าช่วยตรองให้ทีเถิดขอรับ
ว่าข้าพเจ้ากว่าจะเขียนได้เป็นเรื่องเป็นราวต้องเข้าโลงก่อนหรือเปล่าหนอ...
หากมีเหตุให้เป็นไปดังนั้นเสียจริงแท้
บาปกรรมก็เห็นจะตกอยู่กับเหล่าท่านที่เย้ายวนชวนให้นิ้วอันมู่ทู่ของผู้น้อยกระดื๊บกระดื๊บมาโดยไม่เจียมใจ
ซึ่งในรายนามพระคุณท่านที่จะขาดเสียไม่ได้ก็คือท่านย่าที่เคารพด้วยคนหนึ่งเป็นแม่นมั่น

ฉะนั้น  ไม่ว่าจะด้วยกรุณามุทิตาอุเบกขา  หรือ เกรงกรรมตามทันตา
ขอท่านย่าจงมีอุตสาหะมานะมานีในการช่วยตรวจชี้งานเขียนที่ยังไม่เป็นงานเขียนอันใดของผู้น้อยสำเร็จในเร็ววันด้วยเถิด  เพี้ยง!

คารวะ
ศิษย์หลานดิลล์

k r a t o m t u l e e Din : My Writing Life,

3 ความคิดเห็น:

  1. สวัสดีท่านดินแวะมาเยี่ยมหวังว่าท่านสบายดี

    คารวะ
    แสน

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ21 กันยายน 2550 เวลา 01:58

    แวะมาเยี่ยมค่ะ
    ตกแต่งกระท่อมได้งดงามน่าดูมาก

    อ่อ อยากเรียนถามนิดนึงค่ะ
    การย่อเรื่อง (readmore)
    กับการใส่แบคกราวด์บนพื้นหลังแบบนี้
    ต้องใส่โค้ดอะไรบ้างคะ
    ถ้าสะดวก รบกวนนิดนึงนะคะ
    จะเมล์ก็ได้ค่ะ ppansang@yahoo.com ค่ะ

    ตอบลบ
  3. อา...ท่าน 'ปรายแวะมาเยี่ยม
    ข้าพเจ้านั่งหน้าบานแฉ่ง แข่งกับพระอาทิตย์ยามเช้า

    อรุณสวัสดิ์ขอรับ

    ขอจัดการอาหารเช้าก่อนแล้วจะเมล์ไปด้วยใจปิติที่ได้น้อมรับใช้ขอรับท่าน 'ปราย

    คารวะ
    ธุลีดิน

    ตอบลบ