เคยไหมขอรับ? ที่อ่านโพสท์แล้วรสดีนัก  จึ่งจรดปลายนิ้วอันเรียวงามฝากริ้วลายอักษรไว้สำแดงศุภปราถนา  แลหวังบรรณาใจแด่ท่านผู้ประจงสรรวัตถุดิบมาทำการเคี่ยวคนจนได้ซุปถ้อยน้อยนั้นให้ได้มีแรงไฟในการปรุงซุปอักษรถ้วยต่อไป

ท่านเลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่กล่องคอหอ แล้วพริ้วพรมปลายนิ้วลงไปว่า

"ดี..ดี..ชอบนะ..เราชอบมาก..เขียนอีกนะ!"

ข้าพเจ้าพบเห็นบ่อย  และหนึ่งในถ้อยคำอันเต็มด้วยกำลังใจเหล่านั้นก็บังเกิดจากปลายนิ้วอันมู่ทู่ของข้าพเจ้าเองนี่แหละ

แต่ท่านขอรับ..วันหนึ่งขณะนั่งละเลียดไล้สายตาในหน้าคุยกับวินทร์ของท่านเจ้าสำนักหนอนผู้มีพระคุณในทางขีดเขียน  ข้าพเจ้าผงะแทบตกเก้าอี้  มีคำถามหนึ่งอ่านแล้วเฉย ๆ เพราะคุ้นเคยกับรูปแบบการถามเช่นนั้น  แต่ท่านที่เคารพตอบว่า

"ไม่มีที่มาที่ไป  ผมอ่านไม่รู้เรื่อง!.."

ที่ข้าพเจ้าผงะก็เพราะข้าเจ้าอ่านรู้เรื่องนี่วา  ก็แล้วไยท่านดับเบิ้ลเขียนทะเลจึงได้อ่านไม่รู้เรื่อง? และหากเปลี่ยนข้าพเจ้าเป็นผู้เขียน  เศษดินมันก็คงเขียนไปเช่นนั้น (อุเหม่!..เสียดายไม่ได้เก็บไว้จึงไม่มีตัวอย่างมาแนม)  หลังครุ่นคิดอยู่ครึ่งค่อนวันจึ่งได้ดวงตาเห็นธรรมว่า อ้อ..ท่านคงจะอ่านรู้เรื่องล่ะ เพียงแต่ต้อง การบอกกล่าวอนุชนผู้มีใจใฝ่ฝักในทางการขีดเขียนว่าอย่าได้กระทำเช่นนั้น!

เพราะทุกครั้งที่จรดปลายนิ้วล้วนเป็นการฝึกฝนตนเอง  หากฝึกผิดทางแม้จะเป็นข้อเขียนสั้น ๆ โดยเขียนแบบไม่มีที่มาที่ไปจนติดเสียแล้ว  งานเขียนที่เป็นภาพใหญ่ก็คงไม่แคล้วเต็มด้วยช่องว่างรอยใหว่อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว    

จากนั้นข้าพเจ้าค่อย ๆ เลิกนิสัย ดี ดี ชอบ..ชอบ..ที่บอกว่าค่อย ๆ เพราะมันติดขอรับ  บางครั้งซับมิทไปแล้วยังต้องต่ออีกคอหอเพราะทะลึ่งไม่มีที่มาที่ไป อยู่นั่นแล้ว 

การฝึกกับข้อเขียนสั้น ๆ มีผลต่องานเขียนที่เป็นเรื่องเป็นราวให้เฝ้าตรวจตราว่าอะไรเป็นเหตุอันส่งผลต่อวิธีคิด พฤติกรรม  คำพูด บุคลิก ของตัวละครนั้น ๆ

หากตอบไม่ได้! นั่นคือสัญญาณเตือนให้ทำการแก้ไข

และนั่นคือหนึ่งบทเรียนที่ท่านเจ้าสำนักหนอนผู้มีพระคุณได้กรุณาอบรมโดยมิได้สอนแม้สักกระผีกลิ้น

สำหรับนักอ่านขนานแท้ท่านได้สละเวลาฝากริ้วรอยอักษรไว้ แม้เพียงคำเดียว ดี..หรือ..ชอบ..คำเดียวนั้นย่อมดังก้องอยู่ในหัวใจแช่มชื่นของคนเขียนเหมือน เสียงสะท้อนที่กังวานไปในหุบเขาเปลี่ยวเหงา

แต่สำหรับเราท่านผู้พันธุ์ผสมในทางอ่านแลเขียน  หลังจรดคำ ดี..ชอบ..แล้ว  หากยินยอมเพิ่มอีกสักประโยค แค่ประโยคเดียว ดีเพราะอะไร? ชอบเพราะ อะไร? ประโยคเดียวนั้นอาจถึงทำให้ท่านต้องครุ่นคิดครึ่งค่อนวัน แต่จะส่งผลต่องานเขียนไปตลอดชีวัน (จบแบบยี่เกสักหน่อย ก็มันลง 'วัน' ด้วยกัน ข้าพเจ้า ชอบ..ชอบ..) (อ้อ!..ชอบเพราะ เอ่อ...อ่า...อ่า...วุ้ย! คิดไม่ออก!)

ก ร ะ ท่ อ ม ธุ ลี ดิ น 

2 ความคิดเห็น:

  1. ถ้าจะว่าไม่มีที่มาที่ไปก็กระไรอยู่ เอาเป็นว่าที่มาวันนี้ก็ด้วยสาเหตุแห่งความคิดถึงเป็นที่ตั้ง ว่าที่จริงแล้วผมไม่ได้เขียนอะไรยาวๆอย่างนี้มานานนับหลายเพลาแล้ว ก็ตั้งแต่เดือนก่อนโน้นที่เกิดความรู้สึกว่าตัวผมหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง มันเป็นโลกที่แตกต่างจากโลกที่เพื่อนๆเขาอยู่กัน

    ผมหลบอยู่ในหลืบตึกด้วยอาการไม่อยากพบหน้าผู้คน ไม่อยากเล่นเน็ต ไม่อยากเขียน ไม่อยากอ่าน แต่ความอยากอย่างอื่นที่ปุถุชนพึงมีนั้นยังมีเต็มเปี่ยม

    ตอนนี้อยู่รามฯ นั่งให้อาจารย์อบรมคอมพิวเตอร์มาสองชั่วโมงแล้ว แอบเข้ามาหาในช่วงเบรก

    เพิ่งรู้เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นจากปากท่านย่า ผมเลยลาไปอยู่โลกของผมโดยถาวร

    กระบี่เล่มนั้นเดินทางถึงไหนแล้ว ถ้ามันผ่านแท่นพิมพ์ออกมาได้ ระวังมันจะถูกผมเล่นงานจนไม่มีชิ้นดี แต่ยังไงก็คงไม่กล้าหรอกครับ เข็ดหลาบไปจนตายเชียวล่ะ ฮาๆ ขนาดต้นฉบับที่ให้วิจารณ์ยังกล้าๆกลัวๆจนในที่สุดก็ไม่ได้ส่ง แฮ่ๆ

    ไม่มีที่มาไม่มีที่ไป

    ตอบลบ
  2. อา..ท่านศิษย์เหลนที่เคารพ

    ท่านบอกว่าเลิกเข้าเน็ต แต่ในฐานะผู้เล่นตัวเก๋าข้าพเจ้าขอจ่ายบอลดักหน้าไว้เลย เผื่อว่าท่านจะเกิดครึ้มอกครึ้มใจดึกดื่นค่อนคืนแว่บเข้ามาดูว่าข้าพเจ้าทิ้งริ้วรอยไว้หรือไม่?

    ความห่วงใยในตัวท่านนั้นข้าพเจ้าคงไม่ต้องกล่าวถึง เพราะมองแล้วแทบหาไม่เห็นเลยแม้สักน้อยนีดส์ มีอยู่ก็แต่อาทรคำนึงถึงตัวอักษรของท่านไม่ทราบป่านฉะนี้จะเป็นตายร้ายดีเช่นไร

    ท่านมีกิจมากหลายอันพึงกระทำ คงไม่ผิดหากเราพบว่ามีความเพลิดเพลินเจริญใจอื่นให้รสเสียกว่านั่งตอกคีย์ป๊อก ๆ ได้มาก็แต่อักษรที่ทำให้ท้องกิ่วเอวคอด เอาเรียวแรงไปตอกส้มตำปูยังได้กิน (ยิ่งตอนนี้ฝนตกหนักผักบุ้งทอดยอดกันไสวน่าเคี้ยวเสียเหลือเกิน..ท่านเอ๋ย)

    ท่านเป็นคนทำอะไรแล้วเอาจริงเอาจัง นั่นเป็นเครื่องหมายการค้าที่ประกันได้ไม่ว่าท่านจับกิจใดล้วนประสพความสำเร็จ ข้าพเจ้าหาได้พรั่นใจไปดอกขอรับ มาตรแม้นจะคิดถึงตัวอักษรท่านเป็นกำลัง ข้าพเจ้าก็รอได้ เพราะรู้ว่าด้วยเครื่องหมายการค้าของท่านนั้น ต่อให้ท่านกลับมาเขียนหนังสือตอนอายุเจ็ดสิบ ท่านก็ต้องประสพความสำเร็จอยู่ดี เขียนเรื่องเดียวแล้วละสังขารกับเขียนร้อยเรื่อง ก็ละสังขารคือกัน ไม่เห็นจะแตกต่างกันตรงไหนเลยท่านว่าไหม? แต่ตอนที่ยังไม่ละนี่สิ มีความสุขดีอยู่ใช่ไหม? ใช่ไหม?

    ท่านไม่ต้องลาไปอยู่โลกของท่านดอกขอรับ ไม่ว่าจะอย่างไรเราก็โลกใบเดียวกัน และผู้คนรอบกายท่านก็ล้วนคละสายพันธุ์ที่คล้ายคลึง ท่านหลบโลกนี้ไปโลกโน้น ก็ต้องหลบโลกโน้นไปโลกนั้น แล้วเวียนกลับมาโลกนี้

    คิดถึงตอนข้าพเจ้าเวียนวนย้ายออฟฟิศเพราะเบื่อคนเต็มประดา แล้วก็เจอเข้าอีกจนได้มันต้องมีสักเรื่องล่ะนา สุดท้ายเลยย้ายมาอยู่ป่าอย่างทุกวันนี่ล่ะขะรับ ท่านเชื่อไหม? เชื่อใช่ไหม? ใช่สิท่านต้องเชื่อแน่ ๆ ข้าพเจ้าอยู่ป่าโผล่เข้ามาแค่ปลายนิ้วแลตัวอักษรซังกาบ๊วยยังเจอเข้าอีกจนได้

    โลกในซอกตึกไม่เหมือนพระทินวงศ์ หรือปลาบู่ทอง

    ไอ้คนที่เฮงซวยที่ซู้ดดก็คือพ่อที่ดีของลูก เพื่อนที่ดีของเพื่อน แลป๋าที่ดีของน้องแอ๋มที่คอนโดฯ เมื่อเช้ามันอาจสำรากพิษกระโห้กร่อนวิญญาณทำเอาสำลักกันค๊อกแค๊ก คล้อยบ่ายมาแนวหวานเหมากุหลาบทั้งปากคลองตลาดใส่รถดั้มไปเทให้น้องแอ๋ม ตกเย็นมีตุ๊กตาติดมือไปรับลูกที่โรงเรียน แลเป็นพลเมืองดีมันหมายใจไว้ว่าจะไปเลือกพรรคที่อริสมันต์ร้องเพลงปลุกใจ

    เป็นไง?..ไม่มีดีบริสุทธิไม่มีเลวไร้ตำหนิใช่ไหมขอรับ?

    แต่เราเลือกได้!

    เลือกที่จะปฏิสัมพันธ์กันใคร มากน้อยแค่ไหน ใกล้ไกลเพียงไร เราเลือกของเราเอง เป็นตัวของเราเอง มอบความรักออกไปให้สรรพคนที่เราเห็นว่าควรมอบ (ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับมอบมั่ว เสียดายของ)

    หลบเถอะขอรับ หลบตามสบาย แต่ข้าพเจ้าขอให้ความมั่นใจท่านเรื่องหนึ่ง ท่านจะต้องเจออีกแน่ ไม่แน่อาจแย่กว่าที่เคยเจอ เออะ เออะ (ไม่ได้แช่งนา)

    โลกของตัวหนังสือไม่เกี่ยวกับอัตตา กิเลส หรือ ฮอร์โมนเพศของผู้คน แต่เป็นเรื่องของปัจเจคกับแป้นพิมพ์ตรงหน้าไม่ว่าผู้คนจะเป็นเช่นไร? สภาพอากาศอย่างไร? น้ำมันบาร์เรลละเท่าไร?

    สำคัญที่ว่างาน(หัด)เขียนของเรายังคงเดินหน้าหรือไม่?

    เรื่องอื่นล้วนขี้หมูราขี้หมาแห้ง (มันแปลว่าอะไรอ่ะทั่น?)

    จบล่ะ!
    (อุเหม่! เขียนคุยกับท่านแล้วดูท่าข้าพเจ้าจะปากตำแยไม่เบานะเนี่ย)

    คารวะ

    อ้อ! ปล. ข้าพเจ้ามาคิดขึ้นได้ภายหลังว่าข้าพเจ้านี้ช่างไม่รู้จักคิดหน้าคิดหลังเอาเสียเลย ดันทะลึ่งส่งไฟล์ไปให้ท่านได้

    เอาเถิดขอรับมาตรแม้นเที่ยวนี้ท่านพลาดงานบุญ ข้าพเจ้ายังไม่ยอมเลิกเขียนง่าย ๆ ฉะนั้นท่านเตรียมตัวเตรียมใจรำคาญตากับเรื่องใหม่ได้เลย แต่เที่ยวนี้ข้าพเจ้าจะอดเบียร์สะสมกะตังค์ซื้อพริ้นเตอร์อิงค์เจ็ตสักตัว แล้วส่งฉบับพริ้นต์ให้ท่าน เป็นไงแอ๊บแบ๊วไหม?

    ส่วนไอ้กระรอกพ้นอกข้าพเจ้าไปเมื่อไร ข้าพเจ้าก็ไม่นับมันเป็นญาติแล้วล่ะขะรับ จะเป็นตายร้ายดีให้เป็นเรื่องของมัน

    ดีใจที่ท่านโผล่มาขะรับดีใจมั่กมั่ก!

    ตอบลบ