@ ธุลีดาว : โอ้..ใจเจ้าเอ๋ย

๏ เรื่อยสายลมรินโรยมาโชยชื่น
เคล้าพรายคลื่นเพรียวไม้ก็ส่ายไหว
ริ้วใบเรียวร่อนราญสะท้านไกว
ประดุจใจไหววอนสะท้อนทรวง

ลิ่วลอยเลื่อนเคลื่อนคลายสุดปลายหมอก
ล้อระลอกเลื่อมลายคล้ายแหนหวง
เห็นนวลกลีบบุปผาปผกาพวง
จะขอควงปวงภมรก็ร่อนกัน

ล่วงลอยเร่เหว่ว้าหาทิวเมฆ
เยียบวิเวกเยือกใจหม่นใยฝัน
หวังซุกเหงาเงาแห่งแสงตาวัน
ยังมิทันเห็นใจคงไหม้จุณ

แว่วธารใสไหลยินมารินรื่น
ก็ยิ้มชื่นย่ามใจคงไม่สูญ
ลอยลงแอบธาราด้วยอาดูร
พวกฝูงปลาก็ปูนแต่เกียจกัน

พบโขดหินเคียงธารยังพาลหวัง
พวกกรวดชังก็ชวนพายวนขัน
หลบเพิงผาพักใจได้รำพัน
ผาก็พลันผลักไสไม่ไยดี

ล่วงลอยลัดพัดมาจนล้าอ่อน
ตะวันรอนจะพักไหนหนอใจนี่
เหนื่อยล้านักอยากพักลงที่ตรงนี้
นะคนดีขอตัก..อิงพักใจ ฯ

11 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ1 ธันวาคม 2551 เวลา 21:18

    วันพรุ่งจะกลับมาเจ้าค่ะ

    นิทราสวัสดิ์
    -พระพาย-

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ2 ธันวาคม 2551 เวลา 13:53

    -คล้องใจ-

    ๏ เรื่อยสายลมโลมลานมาผ่านแผ่ว
    ยินเสียงแว่วขอตัก..อิงพักใจ
    จะซบลงตรงนี้ไม่จากไกล
    ไม่อาลัยอาวรณ์ถิ่นจรมา

    เถิด..จะพักก็พักเสีย
    แม้เหนื่อยเพลียจากทางวกของซอกผา
    หรืออาดูรสูญสิ้นในธารา
    และเจ็บปร่าด้วยรอยแสงแห่งตาวัน

    ที่แห่งนี้จะโลมไล้ให้ไออุ่น
    จงนอนหนุนหลับตานิทราฝัน
    ใต้แสงยวนนวลผ่องละอองจันทร์
    อย่าได้หวั่นผองภัยใดใดเลย

    ที่แห่งรักภักดีนี้รอเจ้า
    มาแนบเนาร่วมเรียงเคียงเขนย
    แอบอกอ้อนอิงอุ่นอย่างคุ้นเคย
    อย่าปลิวเลยไปสุดห้วง..นะดวงใจ ฯ


    -พระพาย-



    ปล.ข้าเจ้ายังรู้สึกขัดๆ หากกรุณาช่วยตรวจสอบให้หน่อยนะเจ้าคะ

    คารวะ

    ตอบลบ
  3. ที่ท่านรู้สึกขัด ๆ เป็นสองบทแรก (ใช่ไหม?ใช่ไหม?)

    สองบทแรกกับสองบทหลังต่างกันราวคนละคนเขียนเลยเทียว

    แต่ก็ทำให้การบังอาจตรวจสอบ(หากท่านไม่ปล.ไว้ผู้น้อยย่อมมิอาจ ด้วยการกระทำเยี่ยงนี้เร้าอัตตาเต้นตื่นดีนักแล ทำไปทำมาอาจเผลอลืมตนคิดไปว่าชาญเชิงกลอนเต็มประดานำหางอึ่งกุด ๆ ออกมากระดุ๊กกระดิ๊กให้น่าอายไม่รู้ตัว)(ต่อ)แต่ก็ทำให้การบังอาจตรวจสอบง่ายดายขึ้น

    ส่งมือมาขอรับ

    หากท่านมองไปข้างหน้าจะเห็นทิวทัศน์ปกติ ดงไม้ ท้องฟ้า ทิวเมฆ
    ข้าพเจ้าวาดนิ้วเป็นกรอบสี่เหลี่ยมแทนบานประตูซึ่งลอยอยู่ตรงหน้าท่าน

    และ..นี่คือกุญแจ

    กุญแจวิเศษที่ท่านจะใช้ไขประตูเข้าสู่อีกอาณาจักรของฉันทลักษณ์นิพนธ์ที่ดำรงคงอยู่มาแต่ครั้งสุโขทัยศรีอยุธยา ฯ

    ผู้คนอาจเข้าใจไปว่ากลอนคือการเชื่อมร้อยคำด้วยสัมผัส นั่นเป็นความจริงเพียงเสี้ยว ยังมีส่วนเหลือของวงจันทร์ที่ซ่อนเงา หากไม่อาจเผยส่วนนั้นไหนเลยสามารถยลเพ็ญโสมกระจ่างจันทร์

    การนำถ้อยคำมาเรียงร้อยด้วยสัมผัสนอก-ในได้บทกลอนก็จริงแต่ใช่จะได้ความไพเราะเสมอไป ส่วนหนึ่ง (แค่ส่วนหนึ่งนะขอรับ)ของความไพเราะอยู่ที่ 'เสียง'

    หากเป็นท่านอาจารย์ภาษาไทยก็จะกล่าวถึงเสียงสูงกลางต่ำ เอกโทตรีจัตวา ตรงนี้ต้องลงด้วยเสียงกลางตรงนั้นต้องเสียงสูง สัมผัสที่เท่านั้นของวรรคนี้เป็นเสียงสูง ห้ามนำระดับเสียงเดิมสัมผัสกันเองจะขาดความไพเราะ กล่าวเยี่ยงนี้ทำข้าพเจ้าหัวปั่นมาแล้ว

    เอาล่ะ..นี่คือกุญแจ

    เสียงของกลอนเป็นทำนองเพลงขอรับ
    ทุกกลอนเป็นทำนองเดียว

    ขอท่านลองท่องกลอนที่ชื่นชอบสักบท
    ..
    ..
    ..
    ..
    ท่องยัง? เอ้า! ท่องสิได้โปรด

    แล้วลองท่องอีกบท

    เมื่อเทียบเสียงท่านจะพบว่าตั้งแต่เริ่มจนจบล้วนทำนองเดียวกัน
    ผลดีของการท่องจำอยู่ตรงนี้เองขอรับ เมื่อเราท่องกลอนเพราะ ๆ ขึ้นใจทำนองจะถูกบันทึกไว้ในฮาร์ดดีสโดยอัตโนมัติ(เขียนไงอ่า?)

    ครั้นเรานั่งลงเรียงร้อยสร้อยมาลัยอักษรเราก็เพียงร้อยตามทำนองที่แว่วอยู่ในใจ รักษาเสียงสูงต่ำของทำนองไว้เป็นพอ

    ลองดูตัวอย่างขอรับ

    ๏ เรื่อยสายลมโลมลานมาผ่านแผ่ว
    ยินเสียงแว่วขอตัก..อิงพักใจ
    จะซบลงตรงนี้ไม่จากไกล

    ท่านจะรู้สึกขัด ๆ เพราะลงวรรคสองพลาดทำนอง ทำให้ลงวรรคสามถูกสัมผัสก็จริงแต่ขาดความไพเราะเพราะซ้ำเสียง หากลองเปลี่ยน'อิงพักใจ' เป็น 'พักอาศัย' ท่านจะเห็นว่าลงทำนอง

    ท่านเองก็มีทำนองนี้อยู่ในฮาร์ดดิสดังจะเห็นได้จากสองบทล่าง (สี่วรรคเนี่ยเขาเรียกว่าบาทหรือบทอ่าท่าน?)

    ติดตามเสียงนั้นไปโดยมิพักกังวลจดจำกฏข้อบังคับใดที่จะพลอยทอนอรรถารมณ์ยามนั่งลงเริงร้อยรสบทกลอนเสียเปล่าปลี้

    ใช้กุญแจดอกนี้ผลักบานประตูก้าวเข้าไปเลยขอรับ อาณาจักรแห่งนั้นหาได้เงียบเหงามีนักกลอนอยู่มากมาย หากท่านส่ายตาหน่อยก็จะปะสหายท่านคั่นนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ตรงนั้น

    แล้วอย่าลืมขากลับนำกลอนมาฝากผู้น้อยสักบทสองบทนะขอรับ

    คารวะ

    ปล. เจ้าอิล่อยฝากขอบคุณมา ท่าทางจะดีใจเอามากที่ท่านจำมันได้

    ขออนุญาตลองปรับแก้

    -ครึ้มใจ-

    ๏ เรื่อยสายลมโลมลานมาผ่านแผ่ว
    ยินเสียงแว่วขอตักพักอาศัย
    จะซบลงตรงนี้ไม่หนีไกล
    สิ้นอาลัยอาวรณ์ถิ่นจรมา

    เถิด..จะพักก็พักเสีย
    หากเหนื่อยเพลียล้าอ่อนร้อนเพิงผา
    หรืออาดูรร้าวรานธารธารา
    และเจ็บปร่าด้วยรอยแรงแสงตะวัน

    (สองท่อนนี้ดีนัก)

    ที่แห่งนี้จะโลมไล้ให้ไออุ่น
    จงนอนหนุนหลับตานิทราฝัน
    ใต้แสงนวลอวลผ่องละอองจันทร์
    อย่าได้หวั่นผองภัยใดใดเลย

    ที่แห่งรักภักดีนี้รอเจ้า
    มาแนบเนาร่วมเรียงเคียงเขนย
    แอบอกอ้อนอิงอุ่นอย่างคุ้นเคย
    อย่าปลิวเลยไปสุดห้วง..นะดวงใจ ฯ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ5 ธันวาคม 2551 เวลา 09:58

    ฮ่าๆๆๆ ราวกับคนละคนเขียนเลยหรือทั่น ข้าเจ้าก็งี้แหละ บทไหนเขียนดีก็ดีไป บทไหนเขียนห่วยก็ห่วยได้ใจ


    ได้รับคำแนะนำจากท่านเยี่ยงนี้ก็คงได้แต่กล่าวว่า "แซงคิวๆ" แปลเป็นไทยว่า "ขอบพระคุณหลายๆ"

    อย่างที่ท่านว่านั่นแหละเจ้าค่ะ ตอนอ่านทวนรู้สึกขัดในสองบทแรก แต่ไม่อยากเป็นการชี้นำจนเกินไป เผื่อบางทีปรมาจารย์เชิงกลอนอย่างท่านอาจเจอข้อบกพร่องในสองบทหลังด้วย ข้าเจ้าก็ได้โชว์ห่างอึ่งกันเท่านั้น เลยอาศัยประโยคเหวี่ยงแหคลุมมันเสียทั้งสี่บท ให้ท่านหาเอาเองว่ามันขัดบทไหน

    ยิ่งได้กุญแจจากท่านมาไขประตูดูความลับ ยิ่งมั่นใจว่าที่แท้ข้าเจ้าวางกับดักตัวเอง

    ก็ในวรรคที่สองนั้น ข้าเจ้าตั้งใจลง "ขอตัก..อิงพักใจ" เพื่อให้ต่อกับบทของท่าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าวรรคนี้มันไม่เข้ากัน มันน่าจะใช้คำที่ให้เสียงสูงกว่านี้
    แต่ก็นะ คนมันดันทุรัง


    เรื่องบทเรื่องบาทของกลอนข้าเจ้าลืมไปตั้งแต่จบ ม.ต้นแล้วล่ะ พอจะนึกขึ้นมาทีไร ก็จะมีประโยคนำมาก่อนว่า "เหมือนจะคลับคล้ายคลับคลา" เหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาอย่างนั้น เหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาอย่างนี้ แต่ไม่แม่นสักอย่าง

    อันนี้ก็เหมือนกัน "เหมือนจะคลับคล้ายคลับคลาว่า หนึ่งบทมีสองบาท"

    แต่ตะกี๊ลองแอบเสิร์ชดูแล้วเจ้าค่ะ บทหนึ่งมีสองบาทจริงๆ (เรียกบาทเอก บาทโท)บาทหนึ่งมี 2 วรรค

    แต่หนึ่ง"บาท"ตามหลักวิชาการ ข้าเจ้าเรียก"บท"เสียจนชินปากแล้วล่ะ


    คารวะ

    เพื่อเป็นการขอบคุณที่ปรับแก้ใหม่ให้ เอากลอนบทนี้ไปอ่านก่อนเลย

    -ดอกไม้ให้เธอ-

    เก็บดอกไม้มาฝาก
    เก็บมาจากที่มีรัก
    เก็บมาให้คนรู้จัก
    มอบด้วยรักหมดทั้งใจ

    ...
    ...
    ...
    ...

    ปล.ชิ้นนี้ข้าเจ้าตั้งใจแต่งไปกำนัลสหายในสำนักตอนปีใหม่น่ะเจ้าค่ะ ขี้เกียจคิดใหม่เลยเอามากำนัลท่านก่อนละกัลล์ ฮ่าๆๆ ได้สองงานเลยวุ้ย!

    ปล2.หากเจองานเขียนข้าเจ้าชิ้นไหนที่ท่านพอจะชี้แนะได้ โปรดกระทำเถิดท่านไม่ต้องเกรงใจ ข้าเจ้ายินดีปรับปรุงเพื่อพัฒนาฯ


    สุขสันต์วันพ่อเจ้าค่ะ
    พระพาย

    แถมอีก ปล.ไม่รู้ช่วงนี้ท่านเข้าไปสำนักบ้างหรือเปล่า ในสำนักกำลังคึกคักด้วยเรียงความวันพ่อ มีนักเรียนนำการบ้านมาส่งคุณครูกันหลายฉบับ ท่านไม่คิดจะเขียนบ้างสักฉบับหรือ หมดเขตวันนี้แล้วนา

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ6 ธันวาคม 2551 เวลา 22:31

    โอ้...ใจเจ้าเอ๋ย
    มิรู้เลยน้ำตามาจากไหน
    ยิ่งยืดเยื้อยิ่งไร้ซึ่งเยื่อใย
    ทนหายใจ-ใจหาย-สูดหายใจ

    ความเศร้าคลี่เงาเราแหว่งวิ่น
    น้ำตารินดื่มกินวิญญาณไหว
    ฉันหนาว ฉันหวาด ความฝันใฝ่
    ลุกล่าไล่เข่นฆ่า โอ้...ความจริง

    ...

    สวัสดีท่านดิน
    และไปนอนก่อนล่ะ เหล้าปั่นวางยาให้ง่วงแล้วล่ะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ7 ธันวาคม 2551 เวลา 11:24

    ปิ๊งป่อง! ปิ๊งป่อง!

    ท่านดินอยู่บ้านไหม? ข้าเจ้าแวะมาอารมณ์ดีสวัสดิ์

    อดชาเย็นมาหลายวัน วันนี้ได้กินสมใจ แวะซื้อแหนมย่างมาฝากด้วยแน่ะเจ้าค่ะ มะ มากินด้วยกัน


    อาทิตย์สุขสันต์

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ7 ธันวาคม 2551 เวลา 12:30

    อาทิตย์สวัสดิ์ครับพี่ท่าน

    เฮ้อ.. หายไปเสียนาน ที่ถอนหายใจนี่ไม่ใช่อะไรหรอกนะครับ รู้สึกโหวง ๆ ยังไงไม่รู้ กลับมาจากบ้านทีไรไอ้อาการแบบนี้ผุดขึ้นมาเสียทุกทีสิหน่า (ทำท่าจะบ่นอีกแล้วไหมละ เปลี่ยนโหมดดีกว่า)

    พี่ท่านสบายดีนะครับ อยากแวะเข้ามาทักทายหลายวันแล้ว แต่ก็ติดโน่นติดนี่ไม่ได้แวะสักที ปะเหมาะวันนี้รู้สึกหัวโล่ง ๆ ขอแวะมาดื่มน้ำสักขัน

    อ้า.. ชื่นใจ

    ไปละ

    คั่นฯ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ7 ธันวาคม 2551 เวลา 19:11

    หรีดหริ่งร่ำร้องหลังริ้วฝนสวัสดิ์ขอรับ

    ท่านเพลง, พี่ท่านประทีปะ, พี่ท่านขุลล์ อ่านฟีดเหล่าท่านแล้วคันไม้คันมือแต่กลั้นใจไม่ฝืนพิมพ์ หวังว่าอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ได้กลับมาใช้เวลาตามความคุ้นเคยเก่า ๆ

    ท่านคุณพระ--ขอบพระคุณสำหรับแจ้งผลรับชมขะรับ แหนมย่างน่ะของโปรดเทียวนะทั่น แต่เขาคงใส่สารอะไรสักอย่างเร่งปฏิกริยาภูมิแพ้น่าดู ข้าพเจ้าจึงจำงด (เห็นทีไรอดมองค้อนไม่ได้สักที) ปะท่านยิ้มร่วนที่สำนักหนอนก็พลอยบานใจ มีความสุขดีนะทั่น

    ท่านคั่น--ทักทายสัปดาห์ละหนนับว่าพอดีแล้วล่ะทั่น เอาเวลาที่เหลือ(ทั้งที่เหนื่อยจากงานประจำแทบตาย)ไปคิดเขียนเรื่องให้จบกัลล์

    มีเรี่ยวแรงจัดการงานสัปดาห์ต่อไปขะรับทุกท่าน

    คารวะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ8 ธันวาคม 2551 เวลา 12:29

    เข้ามาแจ้งข่าวเจ้าค่ะ

    เย็นนี้จะกลับบ้าน คงไม่ได้เข้ามานั่งเจ๊าะแจ๊ะเจรจาที่ชานขนำทั่นสักสี่ซ้าห้าวัน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร วันเสาร์คงได้เห็นข้าเจ้ามานั่งหน้าแฉล้มอยู่บนชานเรือน

    ขอท่านสุขสันต์กับงานเขียน

    ปล.ไม่ต้องคิดถึงข้าเจ้านะ

    ปล2.แม่นางธุลีดาวเขาฝากถามมา เกี้ยวกันไม่กี่ทีมีลูกกันแล้วหรือ?(ฮา)

    พายอาร์

    ตอบลบ
  10. ฝนสนธยาสวัสดิ์ขอรับท่านคุณพระ

    เดินทางโดยสวัสดิภาพขะรับ ฝากสวัสดีทางบ้านด้วย สุดสัปดาห์เจอกัลล์

    คารวะ

    ปล.สมัยนี้ชักช้าไม่ได้ดอกขะรับ เน็ตมันไวไฟ!

    ตอบลบ