"ทำไมนายไม่ชอบให้เราเรียกว่าบทกวีล่ะพูห์?"
"กวีมีมากเกินไปแล้ว ไม่อยากให้นายเอาเราเติมเข้าไปอีก"
"เหรอ.."
"เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ตั้งตนเป็นกวี แค่เอาตัวหนังสือมาจัดเรียงก็เรียกว่าบทกวี"
"อืมม์..."
"กวีสมัยนี้ไม่ขี้บ่นก็พวกปากร้ายด่าว่าใครต่อใครทั่ว วัน ๆ เอาแต่บ่นเรื่องของตัว ด่าว่าคนอื่น เรายังไม่เห็นใครสร้างงานเป็นเรื่องเป็นราว งานที่งดงามเต็มด้วยสุนทรีย์รสสมเป็นบทกวี"
"อืมม์..เราว่าบทกวีนายน่าสนใจดีนะพูห์"
"...?..."

ภาพ : 'ปราย พันแสง

9 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ13 ธันวาคม 2551 เวลา 19:52

    หัวค่ำสวัสดิ์ครับพี่ท่าน

    พี่ท่านเปิดประเด็นได้น่าสนใจทีเดียว เรื่องนี้คาใจผมมานานแล้ว

    กวีคืออะไร

    ผู้เขียนสุนทรียะอารมณ์ด้วยตัวหนังสือ

    หรือ คนบ้าซึ่งพยายามล้อมโลกทั้งโลกด้วยฉันทลักษณ์

    บางทีมันอาจจะนิยามได้ยากพอ ๆ กับความหมายของนักเขียน ต่างที่ว่าคำว่านักเขียนยังพอมีระดับให้มองออก

    เขียนเพื่อยังชีพคือนักเขียนอาชีพ
    เขียนเป็นงานอดิเรกเป็นนักเขียนสมัครเล่น
    ฝึกเขียนเป็นนักหัดเขียน

    ทว่าสำหรับกวีกับนักกลอนมีเพียงเส้นบางๆ แบ่งไว้เท่านั้น ซึ่งก็บางเสียจนใครหลายคนมองแทบไม่เห็น เหมารวมเอาว่างานที่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของตนเองคือบทกวี และก็ตัวเองก็เป็นกวีไปโดยปริยาย บางคนหนักกว่านั้น แม้ไร้รูปฉันทลักษณ์ก็ยังปวารณาตัวเองเป็นกวีร่วมขบวนไปกับเขาด้วย

    ผมเคยคิดเล่นๆ เกี่ยวกับกลอนเปล่า ไหนๆ ก็ไร้ฉันทลักษณ์เสียแล้วทำไมไม่เขียนเรื่องสั้นหรือบทความเอาเสียให้รู้แล้วรู้รอด ดูน่าจะอ่านสนุกกว่าโข

    อย่างไหนคือบทกวี

    คำตอบของผม เนื้อหาที่สะท้อนสังคมหนึ่งล่ะ แต่ถ้าขาดซึ่งจังหวะของฉันทลักษณ์เสียแล้วมันก็ดูไร้รสชอบกล

    อ่อ..

    สองหนุ่มเขาคุยกันเรื่องอะไร ตัวตนของกวีหรอกเหรอ

    แล้วผมลามไปเรื่องอื่นได้อย่างไงหว่า

    ด้วยความเคารพ


    คั่นฯ

    ตอบลบ
  2. เช้าวันอาทิตย์สวัสดิ์ขะรับท่านคั่น

    ขำ ๆ น่ะขะรับ
    งานเขียนท่านเป็นอย่างไรบ้าง?
    เดินหน้าด้วยดีใช่ไหม?

    สัปดาห์นี้มีกลอนมาฝากเปล่า? โผล่ไปสำนักหาไม่เห็น

    คารวะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ14 ธันวาคม 2551 เวลา 20:32

    หัวค่ำสวัสดิ์ครับพี่ท่าน

    เพิ่งโพสส์งานเมื่อตะกี้ ไปธุระตั้งแต่เช้า

    เรื่องงานเขียนเรื่อยๆ ครับ คิดไม่ออกก็หยุด มีไฟก็เติมฟืน(ช่วงนี้เริ่มมอดๆ แล้ว)

    ด้วยความระลึกถึง

    คั่นฯ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ14 ธันวาคม 2551 เวลา 20:34

    ค่ำอีกแล้วสวัสดิ์เจ้าค่ะ

    ปรากฎว่าทั้งสัปดาห์นี้นิยายไม่กระดิกสักตัว และจากนี้คงจะยังไม่กระดิกจนกว่าจะล่วงเข้าปีใหม่โน่นแหละถึงจะได้ขุดมาปัดฝุ่นใหม่อีกรอบ(ปัดมาหลายรอบแล้ว ..เหนื่อย..)

    กลับบ้านไปคราวนี้ เห็นว่าไปไม่นาน เอาหนังสือติดกระเป๋าไปแค่เล่มเดียว กะว่าว่างๆ ไม่มีอะไรทำจะได้หยิบมาอ่าน ดันอ่านจบตั้งแต่บนรถไฟ

    ที่บ้านฝนหยุดตกมาหลายวันแล้ว ทำให้น้ำที่ท่วมลดลงไปมาก หลังบ้านมีโรงเล็กๆ ที่ทั้งสี่ด้านเปิดโล่งมีเพียงหลังคากันแดดฝนปลูกไว้เก็บของ พี่ชายผูกเปลไว้นอนเล่น ช่วงหน้าน้ำอย่างนี้บรรยากาศน่านอนเล่นมากเลย

    นอนไกวเปลบนฝืนน้ำที่โดนลมพัดเป็นระลอกคลื่นน้อยๆ รายล้อมด้วยแมกไม้กอหญ้าลู่เอนตามลมปลิว ทางมะพร้าว(เขาเรียกทางมะพร้าวป่าวหว่า?)สะบัดใบไปมาจนเกิดเป็นเสียงดนตรีทำนองธรรมชาติยามลมพัด ตั๊กแตนตัวเล็กตัวน้อยกระโดดจากหญ้ากอนั้นไปกอโน้นมากอนี้ ผีเสื้อสีเหลืองนวลไปทั้งตัวบินร่อนไปทั่ว มองดูเพลิน จนอยากจะแปลงร่างเป็นผีเสื้อไปร่อนแบบนั้นบ้าง บรรยากาศมันน่าให้นั่งแต่งกลอนเสียนี่กระไร

    ข้าเจ้าจับดินสอกับสมุดคู่ใจไปนั่งไกวเปลอยู่บนผืนน้ำที่ว่านั่น ตั้งใจจะเขียนกลอนให้ได้สักชิ้น ขึ้นได้วรรคนึง แล้วก็หลับ! วันรุ่งขึ้นไปนั่งเขียนอีก เขียนอยู่สามวัน ได้มาสามวรรค(สามวรรคที่ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย)

    ยังดีอยู่นีดส์นึงที่เมื่อคืนแต่งนิทานได้เรื่องสั้นจู๊ดจู๋มาหนึ่งเรื่อง อันนึ้จู๊ดจู๋ของจริง เพราะความยาวแค่ครึ่งหน้ากระดาษเอสี่(ก็ยังดีเนอะ)

    .
    .

    ปีใหม่นี้มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนมั่งรึเปล่าท่านดิน ข้าเจ้ามีแต่คนชวนไปโน่นไปนี่ ไม่ค่อยอยากไปเลยขี้เกียจไปแย่งที่กินที่นอนกับคนอื่น แต่จะผลัดก็คงลำบากเพราะผลัดมันมาทุกปี ^^!


    สุขสันต์ยามค่ำคืนเจ้าค่ะ
    พายอาร์

    ตอบลบ
  5. เย็นลมค่ำสวัสดิ์ขะรับท่านคั่นท่านคุณพระ

    ยังไม่ได้เข้าไปดูกลอนท่านคั่น--เดี๋ยวจะแวะไปขะรับ
    ดีใจท่านคุณพระกลับมาแล้ว ทั้งยังหิ้วเปลลอยน้ำมาฝากเต็มปากเต็มคำ ไม่มีท่านคุณพระขนำข้าพเจ้าร้างยังกะศาลพระภูมิโคนต้นมะขาม มีท่านแวะมาจ้อแจ้เจรจาค่อยหายคลายหงึมหง่าว

    ข้าพเจ้าไม่มีวันหยุดเทศกาลอย่างชาวออฟฟิศอาวร์ ทุกวันจึงกลายเป็นวันหยุดโดยปริตา ไป ๆ มา ๆ พาลเคยชินจนเหมือนไม่มีวันหยุด (งงไหม?)ว่าแต่ท่านตกลงใจจะไปโน่นหรือไปนี่วานบอกที เผือข้าพเจ้าตระเวณละแวกข้างเคียงจะได้แวะคารวะ

    ฟ้ามืดแล้ว..

    วันวานนั่งสานชะลอมอักษรกลอนอัปลักษณ์ค้างไว้ เดี๋ยวจะลองสานต่อ ขอบคุณที่แวะมาขะรับท่านทั้งสอง

    คารวะ

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ17 ธันวาคม 2551 เวลา 13:44

    ฮ่าๆ ดันสะดุดหางอึ่งข้าเจ้าเข้าอีกแล้วรึทั่น?

    พลาดไปแล้วเจ้าค่ะ เอาละ ข้าเจ้าขอชดใช้ความผิดในครั้งนี้ด้วยการ "ดีด"หางอึ่งตัวเองสักสองที โทษฐานที่มากระดิกไม่ดูตาม้าตาเรือ

    นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!

    อ่ะ เรียบร้อย

    ส่วนท่านก็หยวนๆ มองเจ้าเปลลอยน้ำเป็นเปลเหนือผืนน้ำหน่อยละกัน ถือว่าสงสารมัน


    เรื่องเที่ยว ตกลงไม่ไปโน่นไม่ไปนี่กันแระ แต่จะไป"นั่น"แทน

    เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนแรกตกลงใจกันจะไปเยี่ยมเพื่อนที่สุราษฎร์แต่มีปัญหาหลายอย่าง เลยเปลี่ยนเป็นทัวร์เชียงใหม่แทน เพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่นคนนึง กะจะไปนอนฟรีกินฟรี แต่มันดันรู้แกวจะเผ่นกลับบ้าน เลยต้องเปลี่ยนโปรแกรมกันอีกรอบ(โปรแกรมเมอร์เริ่มเซ็ง)เที่ยวแถวใกล้กรุงเทพฯ แบบไปเช้าเย็นกลับ สักสามสี่ที่คงดูเข้าที วันละที่-วันละที่ ตะลอนกันให้ฉ่ำปอด

    สถานที่แรกในโปรแกรมทัวร์คือ นมัสการหลวงพ่อโสธร อีกสองสามที่ยังตกลงกันไม่ได้(ไม่รู้งานนี้มีฟาร์วเปล่า?)

    แล้วท่านล่ะ ตกลงจะไปโน่น ไปนี่ หรือไปนั่น เผื่อจะได้จ๊ะเอ๋กัน อ้อ..อย่าลืมดอกกุหลาบแดงปักหน้าอกด้านซ้ายด้วยนะ จะได้รู้ว่าคนไหน ^_^


    คารวะ
    พายอาร์

    ตอบลบ
  7. ยามเย็นสวัสดิ์ขะรับท่านคุณพระ

    ข้าพเจ้าจะปักกุหลาบแดง (ไม่สิ..เหลือง)หน้าอกด้านซ้ายเดิน แอ่วสาวลาวแถว ๆ หลวงพระบาง ปะก็ทักเลยนะทั่ลล์

    สะพายย่ามออกเดินทางมาแต่เมื่อเย็นวานแล้วล่ะขะรับ วันนี้ไปทำพาสปอร์ต ได้วันศุกร์ มีเวลาหาข้อมูลสองวัน ตอนนี้ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเข้าลาวทางไหนดีเลยทั่น ท่านเคยไปเปล่าช่วยบอกที

    ยังนั่งจุ้มปุ๊กจิ้มเน็ตได้อีกสองวัน จากนั้นจะหายหน้าสักสัปดาห์ แล้วจะเอา 'สบายดีหลวงพระบาง' สารคดีเดินทางฉบับซำเหมาพเนจรมาฝาก (หากไม่โดนแม่ดวงจำปากุหลาบปากซันยึดตัวไว้เสียก่อนน่ะนะ)

    คารวะ

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ18 ธันวาคม 2551 เวลา 17:06

    ว้าว..ว........อิจฉาจัง

    น่าจะบอกกันก่อนหน้านี้ จะได้ขอย่ำต๊อกไปด้วย กลับมาจะตะโกนบอกเพื่อนดังๆ ว่า

    ตูไปเมืองนอกมาแล้วโว้ย!

    เที่ยวให้สนุกนะเจ้าคะ ถ่ายรูปสวยๆ มาอวดกันมั่งก็ดี เผื่อบางทีข้าเจ้าจะได้ตามไปเหยียบรอยเท้าทั่น


    เห็นคำ"กุหลาบปากซัน"แล้วให้คิดถึงเพลง

    http://www.ijigg.com/songs/V2CD4AFCPAD

    http://www.esnips.com/doc/a854e21d-1d5b-41c7-be10-c9b043155867/%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%C2%B8%C3%A0%C2%B8%C2%AB%C3%A0%C2%B8%C2%A5%C3%A0%C2%B8%C2%B2%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%C2%B2%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%C2%B1%C3%A0%C2%B8%20/?widget=flash_player_candle

    เอามาฝากสองเวอร์ชั่นเลยละกัลล์ (เลือกไม่ถูก)

    เจอกันเมื่อท่านกลับมา(หากไม่ตรงหลงเสน่ห์กุหลาบปากซันซะก่อนน่ะนะ)

    คารวะ
    พายอาร์

    ปล. พอจะแจ้งที่อยู่ให้ทราบได้รึเปล่าเจ้าคะ จะส่ง ส.ค.ส. ปีใหม่ไปให้ เมล์ข้าเจ้า mituna24@hotmail.com

    ตอบลบ
  9. ขอบพระคุณสำหรับเพลงกุหลาบปากซันสวัสดิ์ขะรับท่านคุณพระ

    ปะเวอร์ชั่นเสียงร้องสำเนียงลาวชอบใจนักแต่จัดการให้โค้ดเปิดออโต้ไม่ได้ จำยอมใช้ฉบับลุงสีเผือกที่คุ้นเคยมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

    สามปีแล้วขอรับข้าพเจ้าไม่เคยออกเดินทาง เก็บเงินทุกบาททุกสะตางค์ไว้สำหรับย่ำเดินบนถนนอักษร ตะลอนครานี้ก็เป็นแบบซำเหมาพเนจรอด(เบียร์)มื้อกินมื้อ มีสหายร่วมทางย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ เอาไว้เที่ยวต่อไปข้าพเจ้าจะบอกล่วงหน้า(สักปีดีไหม?);)

    คารวะ

    ธุลีดิน
    ตู้ปณ.๙
    ปณจ.ระโนด
    อ.ระโนด
    จ.สงขลา

    กรุณาอย่าลืมให้ที่อยู่ไว้บนซองด้วยนะขอรับ

    ตอบลบ