"ทำไมนายไม่ชอบให้เราเรียกว่าบทกวีล่ะพูห์?"
"กวีมีมากเกินไปแล้ว ไม่อยากให้นายเอาเราเติมเข้าไปอีก"
"เหรอ.."
"เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ตั้งตนเป็นกวี แค่เอาตัวหนังสือมาจัดเรียงก็เรียกว่าบทกวี"
"อืมม์..."
"กวีสมัยนี้ไม่ขี้บ่นก็พวกปากร้ายด่าว่าใครต่อใครทั่ว วัน ๆ เอาแต่บ่นเรื่องของตัว ด่าว่าคนอื่น เรายังไม่เห็นใครสร้างงานเป็นเรื่องเป็นราว งานที่งดงามเต็มด้วยสุนทรีย์รสสมเป็นบทกวี"
"อืมม์..เราว่าบทกวีนายน่าสนใจดีนะพูห์"
"...?..."
ภาพ : 'ปราย พันแสง
"กวีมีมากเกินไปแล้ว ไม่อยากให้นายเอาเราเติมเข้าไปอีก"
"เหรอ.."
"เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็ตั้งตนเป็นกวี แค่เอาตัวหนังสือมาจัดเรียงก็เรียกว่าบทกวี"
"อืมม์..."
"กวีสมัยนี้ไม่ขี้บ่นก็พวกปากร้ายด่าว่าใครต่อใครทั่ว วัน ๆ เอาแต่บ่นเรื่องของตัว ด่าว่าคนอื่น เรายังไม่เห็นใครสร้างงานเป็นเรื่องเป็นราว งานที่งดงามเต็มด้วยสุนทรีย์รสสมเป็นบทกวี"
"อืมม์..เราว่าบทกวีนายน่าสนใจดีนะพูห์"
"...?..."
ภาพ : 'ปราย พันแสง
Tags: Little Smile
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
หัวค่ำสวัสดิ์ครับพี่ท่าน
ตอบลบพี่ท่านเปิดประเด็นได้น่าสนใจทีเดียว เรื่องนี้คาใจผมมานานแล้ว
กวีคืออะไร
ผู้เขียนสุนทรียะอารมณ์ด้วยตัวหนังสือ
หรือ คนบ้าซึ่งพยายามล้อมโลกทั้งโลกด้วยฉันทลักษณ์
บางทีมันอาจจะนิยามได้ยากพอ ๆ กับความหมายของนักเขียน ต่างที่ว่าคำว่านักเขียนยังพอมีระดับให้มองออก
เขียนเพื่อยังชีพคือนักเขียนอาชีพ
เขียนเป็นงานอดิเรกเป็นนักเขียนสมัครเล่น
ฝึกเขียนเป็นนักหัดเขียน
ทว่าสำหรับกวีกับนักกลอนมีเพียงเส้นบางๆ แบ่งไว้เท่านั้น ซึ่งก็บางเสียจนใครหลายคนมองแทบไม่เห็น เหมารวมเอาว่างานที่ถูกต้องตามฉันทลักษณ์ของตนเองคือบทกวี และก็ตัวเองก็เป็นกวีไปโดยปริยาย บางคนหนักกว่านั้น แม้ไร้รูปฉันทลักษณ์ก็ยังปวารณาตัวเองเป็นกวีร่วมขบวนไปกับเขาด้วย
ผมเคยคิดเล่นๆ เกี่ยวกับกลอนเปล่า ไหนๆ ก็ไร้ฉันทลักษณ์เสียแล้วทำไมไม่เขียนเรื่องสั้นหรือบทความเอาเสียให้รู้แล้วรู้รอด ดูน่าจะอ่านสนุกกว่าโข
อย่างไหนคือบทกวี
คำตอบของผม เนื้อหาที่สะท้อนสังคมหนึ่งล่ะ แต่ถ้าขาดซึ่งจังหวะของฉันทลักษณ์เสียแล้วมันก็ดูไร้รสชอบกล
อ่อ..
สองหนุ่มเขาคุยกันเรื่องอะไร ตัวตนของกวีหรอกเหรอ
แล้วผมลามไปเรื่องอื่นได้อย่างไงหว่า
ด้วยความเคารพ
คั่นฯ
เช้าวันอาทิตย์สวัสดิ์ขะรับท่านคั่น
ตอบลบขำ ๆ น่ะขะรับ
งานเขียนท่านเป็นอย่างไรบ้าง?
เดินหน้าด้วยดีใช่ไหม?
สัปดาห์นี้มีกลอนมาฝากเปล่า? โผล่ไปสำนักหาไม่เห็น
คารวะ
หัวค่ำสวัสดิ์ครับพี่ท่าน
ตอบลบเพิ่งโพสส์งานเมื่อตะกี้ ไปธุระตั้งแต่เช้า
เรื่องงานเขียนเรื่อยๆ ครับ คิดไม่ออกก็หยุด มีไฟก็เติมฟืน(ช่วงนี้เริ่มมอดๆ แล้ว)
ด้วยความระลึกถึง
คั่นฯ
ค่ำอีกแล้วสวัสดิ์เจ้าค่ะ
ตอบลบปรากฎว่าทั้งสัปดาห์นี้นิยายไม่กระดิกสักตัว และจากนี้คงจะยังไม่กระดิกจนกว่าจะล่วงเข้าปีใหม่โน่นแหละถึงจะได้ขุดมาปัดฝุ่นใหม่อีกรอบ(ปัดมาหลายรอบแล้ว ..เหนื่อย..)
กลับบ้านไปคราวนี้ เห็นว่าไปไม่นาน เอาหนังสือติดกระเป๋าไปแค่เล่มเดียว กะว่าว่างๆ ไม่มีอะไรทำจะได้หยิบมาอ่าน ดันอ่านจบตั้งแต่บนรถไฟ
ที่บ้านฝนหยุดตกมาหลายวันแล้ว ทำให้น้ำที่ท่วมลดลงไปมาก หลังบ้านมีโรงเล็กๆ ที่ทั้งสี่ด้านเปิดโล่งมีเพียงหลังคากันแดดฝนปลูกไว้เก็บของ พี่ชายผูกเปลไว้นอนเล่น ช่วงหน้าน้ำอย่างนี้บรรยากาศน่านอนเล่นมากเลย
นอนไกวเปลบนฝืนน้ำที่โดนลมพัดเป็นระลอกคลื่นน้อยๆ รายล้อมด้วยแมกไม้กอหญ้าลู่เอนตามลมปลิว ทางมะพร้าว(เขาเรียกทางมะพร้าวป่าวหว่า?)สะบัดใบไปมาจนเกิดเป็นเสียงดนตรีทำนองธรรมชาติยามลมพัด ตั๊กแตนตัวเล็กตัวน้อยกระโดดจากหญ้ากอนั้นไปกอโน้นมากอนี้ ผีเสื้อสีเหลืองนวลไปทั้งตัวบินร่อนไปทั่ว มองดูเพลิน จนอยากจะแปลงร่างเป็นผีเสื้อไปร่อนแบบนั้นบ้าง บรรยากาศมันน่าให้นั่งแต่งกลอนเสียนี่กระไร
ข้าเจ้าจับดินสอกับสมุดคู่ใจไปนั่งไกวเปลอยู่บนผืนน้ำที่ว่านั่น ตั้งใจจะเขียนกลอนให้ได้สักชิ้น ขึ้นได้วรรคนึง แล้วก็หลับ! วันรุ่งขึ้นไปนั่งเขียนอีก เขียนอยู่สามวัน ได้มาสามวรรค(สามวรรคที่ไม่เกี่ยวอะไรกันเลย)
ยังดีอยู่นีดส์นึงที่เมื่อคืนแต่งนิทานได้เรื่องสั้นจู๊ดจู๋มาหนึ่งเรื่อง อันนึ้จู๊ดจู๋ของจริง เพราะความยาวแค่ครึ่งหน้ากระดาษเอสี่(ก็ยังดีเนอะ)
.
.
ปีใหม่นี้มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนมั่งรึเปล่าท่านดิน ข้าเจ้ามีแต่คนชวนไปโน่นไปนี่ ไม่ค่อยอยากไปเลยขี้เกียจไปแย่งที่กินที่นอนกับคนอื่น แต่จะผลัดก็คงลำบากเพราะผลัดมันมาทุกปี ^^!
สุขสันต์ยามค่ำคืนเจ้าค่ะ
พายอาร์
เย็นลมค่ำสวัสดิ์ขะรับท่านคั่นท่านคุณพระ
ตอบลบยังไม่ได้เข้าไปดูกลอนท่านคั่น--เดี๋ยวจะแวะไปขะรับ
ดีใจท่านคุณพระกลับมาแล้ว ทั้งยังหิ้วเปลลอยน้ำมาฝากเต็มปากเต็มคำ ไม่มีท่านคุณพระขนำข้าพเจ้าร้างยังกะศาลพระภูมิโคนต้นมะขาม มีท่านแวะมาจ้อแจ้เจรจาค่อยหายคลายหงึมหง่าว
ข้าพเจ้าไม่มีวันหยุดเทศกาลอย่างชาวออฟฟิศอาวร์ ทุกวันจึงกลายเป็นวันหยุดโดยปริตา ไป ๆ มา ๆ พาลเคยชินจนเหมือนไม่มีวันหยุด (งงไหม?)ว่าแต่ท่านตกลงใจจะไปโน่นหรือไปนี่วานบอกที เผือข้าพเจ้าตระเวณละแวกข้างเคียงจะได้แวะคารวะ
ฟ้ามืดแล้ว..
วันวานนั่งสานชะลอมอักษรกลอนอัปลักษณ์ค้างไว้ เดี๋ยวจะลองสานต่อ ขอบคุณที่แวะมาขะรับท่านทั้งสอง
คารวะ
ฮ่าๆ ดันสะดุดหางอึ่งข้าเจ้าเข้าอีกแล้วรึทั่น?
ตอบลบพลาดไปแล้วเจ้าค่ะ เอาละ ข้าเจ้าขอชดใช้ความผิดในครั้งนี้ด้วยการ "ดีด"หางอึ่งตัวเองสักสองที โทษฐานที่มากระดิกไม่ดูตาม้าตาเรือ
นี่แน่ะ! นี่แน่ะ!
อ่ะ เรียบร้อย
ส่วนท่านก็หยวนๆ มองเจ้าเปลลอยน้ำเป็นเปลเหนือผืนน้ำหน่อยละกัน ถือว่าสงสารมัน
เรื่องเที่ยว ตกลงไม่ไปโน่นไม่ไปนี่กันแระ แต่จะไป"นั่น"แทน
เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนแรกตกลงใจกันจะไปเยี่ยมเพื่อนที่สุราษฎร์แต่มีปัญหาหลายอย่าง เลยเปลี่ยนเป็นทัวร์เชียงใหม่แทน เพราะมีเพื่อนอยู่ที่นั่นคนนึง กะจะไปนอนฟรีกินฟรี แต่มันดันรู้แกวจะเผ่นกลับบ้าน เลยต้องเปลี่ยนโปรแกรมกันอีกรอบ(โปรแกรมเมอร์เริ่มเซ็ง)เที่ยวแถวใกล้กรุงเทพฯ แบบไปเช้าเย็นกลับ สักสามสี่ที่คงดูเข้าที วันละที่-วันละที่ ตะลอนกันให้ฉ่ำปอด
สถานที่แรกในโปรแกรมทัวร์คือ นมัสการหลวงพ่อโสธร อีกสองสามที่ยังตกลงกันไม่ได้(ไม่รู้งานนี้มีฟาร์วเปล่า?)
แล้วท่านล่ะ ตกลงจะไปโน่น ไปนี่ หรือไปนั่น เผื่อจะได้จ๊ะเอ๋กัน อ้อ..อย่าลืมดอกกุหลาบแดงปักหน้าอกด้านซ้ายด้วยนะ จะได้รู้ว่าคนไหน ^_^
คารวะ
พายอาร์
ยามเย็นสวัสดิ์ขะรับท่านคุณพระ
ตอบลบข้าพเจ้าจะปักกุหลาบแดง (ไม่สิ..เหลือง)หน้าอกด้านซ้ายเดิน แอ่วสาวลาวแถว ๆ หลวงพระบาง ปะก็ทักเลยนะทั่ลล์
สะพายย่ามออกเดินทางมาแต่เมื่อเย็นวานแล้วล่ะขะรับ วันนี้ไปทำพาสปอร์ต ได้วันศุกร์ มีเวลาหาข้อมูลสองวัน ตอนนี้ยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนเข้าลาวทางไหนดีเลยทั่น ท่านเคยไปเปล่าช่วยบอกที
ยังนั่งจุ้มปุ๊กจิ้มเน็ตได้อีกสองวัน จากนั้นจะหายหน้าสักสัปดาห์ แล้วจะเอา 'สบายดีหลวงพระบาง' สารคดีเดินทางฉบับซำเหมาพเนจรมาฝาก (หากไม่โดนแม่ดวงจำปากุหลาบปากซันยึดตัวไว้เสียก่อนน่ะนะ)
คารวะ
ว้าว..ว........อิจฉาจัง
ตอบลบน่าจะบอกกันก่อนหน้านี้ จะได้ขอย่ำต๊อกไปด้วย กลับมาจะตะโกนบอกเพื่อนดังๆ ว่า
ตูไปเมืองนอกมาแล้วโว้ย!
เที่ยวให้สนุกนะเจ้าคะ ถ่ายรูปสวยๆ มาอวดกันมั่งก็ดี เผื่อบางทีข้าเจ้าจะได้ตามไปเหยียบรอยเท้าทั่น
เห็นคำ"กุหลาบปากซัน"แล้วให้คิดถึงเพลง
http://www.ijigg.com/songs/V2CD4AFCPAD
http://www.esnips.com/doc/a854e21d-1d5b-41c7-be10-c9b043155867/%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%C2%B8%C3%A0%C2%B8%C2%AB%C3%A0%C2%B8%C2%A5%C3%A0%C2%B8%C2%B2%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%C2%B2%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%20%C3%A0%C2%B8%C2%B1%C3%A0%C2%B8%20/?widget=flash_player_candle
เอามาฝากสองเวอร์ชั่นเลยละกัลล์ (เลือกไม่ถูก)
เจอกันเมื่อท่านกลับมา(หากไม่ตรงหลงเสน่ห์กุหลาบปากซันซะก่อนน่ะนะ)
คารวะ
พายอาร์
ปล. พอจะแจ้งที่อยู่ให้ทราบได้รึเปล่าเจ้าคะ จะส่ง ส.ค.ส. ปีใหม่ไปให้ เมล์ข้าเจ้า mituna24@hotmail.com
ขอบพระคุณสำหรับเพลงกุหลาบปากซันสวัสดิ์ขะรับท่านคุณพระ
ตอบลบปะเวอร์ชั่นเสียงร้องสำเนียงลาวชอบใจนักแต่จัดการให้โค้ดเปิดออโต้ไม่ได้ จำยอมใช้ฉบับลุงสีเผือกที่คุ้นเคยมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
สามปีแล้วขอรับข้าพเจ้าไม่เคยออกเดินทาง เก็บเงินทุกบาททุกสะตางค์ไว้สำหรับย่ำเดินบนถนนอักษร ตะลอนครานี้ก็เป็นแบบซำเหมาพเนจรอด(เบียร์)มื้อกินมื้อ มีสหายร่วมทางย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ เอาไว้เที่ยวต่อไปข้าพเจ้าจะบอกล่วงหน้า(สักปีดีไหม?);)
คารวะ
ธุลีดิน
ตู้ปณ.๙
ปณจ.ระโนด
อ.ระโนด
จ.สงขลา
กรุณาอย่าลืมให้ที่อยู่ไว้บนซองด้วยนะขอรับ