ไอเย็นปะทะใบหน้า ผมชะงัก เม้มขอบปากปรับสายตามองเงาแสงในร้าน ทางร้านเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หากไม่ใช่เพราะผ่านเปลวแดดแล้วเข้ามาในที่แสงน้อยปุบปับก็เป็นตาฝาดที่เห็นไอเย็นบางเบาลอยอ้อยอิ่งในแสงสลัวเหมือนเรืองหมอกยามรุ่งสางอย่างนั้น

ผมก้าวข้ามธรณีประตู

ช่วงหนึ่งก้าวกลับรู้สึกทอดยาวราวเคลื่อนสู่อีกสถานที่แสนไกล กลิ่นอ่อน ๆ คล้ายไม้หอมหลากชนิดรวมกันแซมกลิ่นอบเชยกานพลูโชยมาแล้วแผ่วหายแล้วกลับมาอีกเหมือนลอยผ่าน เสียงหวีดหวิวอึงแก้วหูเมื่อครู่หายไปแล้ว ยินแต่เสียงแห่งความวิเวกเหมือนอยู่ในโลกเวิ้งว้าง ความรู้สึกเมื่อยล้าปลาสนาการสิ้น

"เชิญข้างในก่อนค่ะ"

ที่แท้ผมยืนค้างอยู่ตรงประตู หลับตารอให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ นั้นวนกลับมา ได้ยินเสียงเรียกซ้ำจึงสืบเท้าเข้าไป

หญิงสาวนั่งบนตั่งสีทอง ผมยาวรวบมวยไว้ด้านหลังเผยลำคอระหง วงหน้าสงบนิ่งริมฝีปากอิ่มเผยอยิ้มแก้มอวบ เธอวางพวงมาลัยมะลิลงบนพานขยับปลายเท้าอ่อนช้อยสู่พื้นไม้เรียบลื่นสะท้อนเงา ผ้าผืนงามทอลายสอดดิ้นทองคลี่เคลื่อนทิ้งตัวลงตามปลายเท้าละมุนผ่อง ทับทรวงเนื้อหนาสีหมากสุกขับผิวไหล่สะท้อนแสงไฟเรืองเรื่อ เธอซ้อนมือขยับลุก

'เหมือนเตรียมเข้าฉากละครของหลุยส์' ผมคิด

หญิงสาวเดินตรงมา รอยยิ้มประกายตาสะกดผมนิ่งงัน เธอสูงประมาณไหล่ กลิ่นหอมอ่อน ๆ นั่นมาจากตัวเธอนี่เอง..

"กำลังมองหาคันฉ่องตัวเล็ก ๆ ที่แกะสลักลายหฤทัยใช่ไหมคะ?"

ผมสะดุ้ง "คุณทราบได้ไงครับ?" รู้ว่าถามโง่ ๆ แต่อดไม่ได้ เธออาจสุ่มเดา ไม่ก็เปรยเชิงทักทายใช่หรือไม่จะเป็นไรอย่างน้อยได้เปิดสนทนากับลูกค้า แต่เปิดได้ตรงเผงจนผมงง

เธอยิ้มจ้องผมนิ่ง จากนั้นเดินไปทางหลังตู้พระธรรมผายมือหันมายิ้ม ผมก้าวตาม

อยู่นี่เองอุปกรณ์ประกอบฉากที่ผมตามหา ผมย่อตัวคุกเข่าพินิจคันฉ่องโบราณ สงสัยอยู่ว่าจะสู้ราคาไหวไหม

"เท่าไหร่ไม่ทราบครับ?"

"ดิฉันมิใช่คนขายดอกค่ะ" เธอตอบ "แต่หากคุณต้องการทราบประวัติดิฉันพอทราบอยู่บ้าง"

"ดีสิครับ" ผมพูดทั้งตายังสำรวจลายไม้ตรงหน้า "คุณค่าของเก่านอกจากอยู่ที่ลายงานศิลป์แล้วก็เห็นจะเป็นที่มาที่ไปนี่แหละครับ..ของเก่าในตลาดโดยมากเป็นของใหม่ทำให้ดูเก่า.." ผมพลั้งปากชะงักคำเกรงทำเธอลำบากใจ เหลียวมอง..ริมฝีปากอิ่มยังยิ้มอ่อนหวาน

"ประวัติก็อาจปั้นแต่งขึ้นใหม่ได้นะคะ"

คราวนี้ผมเป็นฝ่ายยิ้ม ยื่นมือลูบขอบกระจกขยับข้อมือพอเห็นเวลา--บ่ายสาม

"ประวัติคันฉ่องตัวนี้เป็นอย่างไรครับ?" ผมเอ่ย "หากคุณจะกรุณา.."

"เราไปนั่งที่ตั่งดีไหมคะ?"

ผมพยักหน้าขยับลุกเดินตามเธอ กลิ่นหอมรวยรินลอยมากับไอเย็น ผมรอเธอนั่งแล้วจึงนั่งตาม ลำแสงสปอร์ตไลท์ดวงเล็กทอดจากทางเดียวทำให้ทั้งร้านเต็มด้วยเงา ราวทุกอย่างที่นี่มีสองร่างในเวลาเดียว เป็นเวลาของอีกยุคสมัย กางเกงยีนส์เสื้อยืดคอย้วยของผมกลายเป็นสิ่งแปลกปลอม หญิงสาวนั่งเก็บขาพับเพียบบนตั่งเรียวนิ้วหยิบดอกมะลิร้อยเข้าพวง..จากนั้นเริ่มเล่า..

(มีต่อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น