1ชานชาลาที่ 28
ท้องฟ้าเรื่อสีควันไฟเฟือนฟุ้ง มองดูแบนราบเหมือนกระดาษปอนด์ฉ่ำสีน้ำที่ถูกพู่กันเกลี่ยเสมอทั่วพื้นผิว ทึมเทาคล้ายฉากในหนังฟิล์มนัวร์

ความมืดโรยตัวลงแช่มช้า ใต้หลังคาชานชาลา แสงไฟค่อย ๆ สว่างขึ้นชดเชยแสงจากท้องฟ้าที่ค่อย ๆ จางไป ป้ายโฆษณาเครื่องดื่มขนาดใหญ่โดดเด่นเป็นรูปวัยรุ่นกำลังเล่นกีต้าร์ขณะเพื่อน ๆ ส่งเครื่องดื่มให้กันมีน้ำตกเป็นฉากหลัง ใต้ภาพเป็นตัวอักษร 'ไม่ว่าเที่ยวที่ไหนก็ได้รสชาติ' ถัดลงมาเป็นชั้นวางของขบเคี้ยวขายนักเดินทาง
สายลมเย็นของค่ำคืนแผ่วผ่าน เสียงเครื่องยนต์ครางหึ่งสม่ำเสมอ มีเสียงประกาศของทางสถานีแทรกเป็นระยะ คนเดินทางสวนกันไปมาอยู่ขวักไขว่
ตรงชานชาลาที่ 28 ข้าพเจ้านั่งรอที่พักสำหรับค่ำคืนนี้
โมงยามไร้เหย้าที่เรียกว่าการเดินทางนั้นโดดเดี่ยวเปลี่ยวเหงานัก แม้นรู้ดีมีผู้คนร่วมทางอีกมาก มีผู้โดยสารเต็มคันรถ แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวยังคงคลี่คลุมหุ้มใจ ความเร้าใจของการได้ออกเดินทางพบโลกแปลกใหม่ไม่มีอยู่เลย รู้สึกคล้ายเป็นเพียงผงฝุ่นอาศัยติดรถคันใหญ่ไปอีกสถานที่หนึ่งด้วยราคา 794 บาท เพื่อจะไปยังอีกสถานที่ และอีกที่..เดินทางไปเรื่อย ๆ
กฎข้อหนึ่งของการเดินทางคือ 'ไม่คาดหวัง'
ทั้งหมดที่ข้าพเจ้ามีคือ ถุงนอน เสื้อผ้าสองชุด สมุดดินสอ สีน้ำพู่กัน และจิตใจที่ว่างเปล่า เพียงปล่อยเวลาให้ไหลไปพร้อมพัดพาเศษฝุ่นดินไร้ค่าผงหนึ่งไปยังดินแดนแปลกถิ่น..ผู้คนแปลกหน้า..
เป้าหมายไม่ใช่ปลายทาง..แต่เป็นจุดเริ่มต้น เดินทางเป็นวงกลมเพื่อผ่านพบ และกลับยังสถานที่ซึ่งชีวิตประจำวันฝังกายอยู่
หากพอจะเก็บเศษชิ้นส่วนความทรงจำรายทางได้บ้าง นั่นคงเป็นที่ระลึกของการระเหเร่ร่อน 
จวนได้เวลา 19:00 น.
รถบัสสองชั้นปรับอากาศเคลื่อนเข้าเทียบชานชาลา ได้เวลาออกเดินทางอีกครั้งแล้ว ข้าพเจ้ายัดสมุดหนังสือลงย่าม ล้วงตั๋วออกมา เดินไปขึ้นรถ
อดสงสัยไม่ได้..รถออกเดินทางหรือข้าพเจ้าออกเดินทาง?
แล้วก็พบว่า..เปล่าเลยเราไม่ได้เดินทางไปไหน เรายังอยู่บนโลกใบนี้ ข้าพเจ้าเพียงอาศัยหลับชั่วคืน เพื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบฉากใหม่เรื่องราวใหม่ ๆ ในเช้าวันรุ่ง..
OOO