หนึ่งมิถุนาฯสวัสดิ์ขะรับท่านสายที่เคารพรักยากหาใดเปรียบ

ยังขยับปลายนิ้วไม่ได้ด้วยเกิดอาการคันยุบยิบเหมือนโดนใบตำแย หากไม่เกาคงอึดอัดเป็นอึ่งอ่างนั่งพองอยู่ข้างโอ่ง

ตั้งใจไว้ว่าเช้านี้จะเริ่มวันด้วยนิยายสักหลายบรรทัด เนื่องเพราะย้ายปลายนิ้วไปจากนิยายที่ค้างไว้นานเหลือเกิน ช่วงวิบากกรรมที่ผ่านมา ข้าพเจ้าพยายามแล้วที่จะคงการเดินทางของตัวอักษรให้ได้ แต่ทุกข์ทรมานของเปลวแดดแผดจัดจ้าผสมผเสพายุฝนเป็นระยะไม่อาจคาดเดา หลายครั้งมากระหน่ำช่วงดึกดื่นคืนค่อน ทำเอาปวดหัวตัวร้อน สังขารจิตใจไม่เป็นอันตั้งกายตั้งตัว

คิดนำสภาวารมณ์เข้าสู่อารมณ์เรื่องคราใด ทรมานใจคล้ายกินยาขมชงน้ำเต้าทองซังโหงวโล้วเลี่ยนเต้ เมื่อต้องฝืดฝืนเสียขนาดนั้น บอกตัวเองว่าไม่รู้จะเขียนไปทำไม ไม่ก็อาจเป็นเพราะมิได้เขียนเพื่อเลี้ยงปากท้อง อุตสาหะจึงหย่อนเป็นสายว่าวต้องลมอ่อน หยุดคิดหยุดเขียนนิยาย หันไปจับหนังสืออ่านเสีย เพราะมิต้องใช้กำลังสมาธิมากมายเหมือนนั่งเขียนเรื่อง

ยามนี้ย้ายข้าวของเข้าอยู่ในขนำ (หลังคา) ใหม่เป็นที่เรียบร้อย ไม่สุขสบายเท่าขนำหลังเก่า ต้องผจญกับเสียงรถ ควันฝุ่นรถที่ผ่านไปมา (ขนำลูกนี้อยู่ริมทางดิน ห่างจากขนำที่ล้มสามคันบ่อ (ประมาณสามร้อยเมตร) เป็นขนำที่ข้าพเจ้าไม่เคยคิดจะอยู่เลยให้ตายสิบัตไล้เยียร์) แต่ข้าพเจ้าไม่มีทางเลือก ซ่อมแซมแค่อาศัยไปก่อนกว่าสิ้นปีแล้วค่อยคิดใหม่

ถึงตอนนี้ชักมีอาการผวากับโชคชะตา ข้าพเจ้าได้ชีวิตสุขสงบเพียงชั่วครู่ยาม จู่ ๆ ชะตาพลิกผันจนน่าหวาดเสียว แทบสิ้นเนื้อประดาตัว (หนังสือ) (ตอนนี้หนังสือห้าสิบเปอร์เซ็นที่เหลือหน้าตาบวมฉึ่ง ข้าพเจ้าตัดใจทิ้งไม่ลงพยายามตากแดดจนคนตากตัวแดงเป็นจิ้งเหลนลนไฟ โดยเฉพาะพจน์ฯ ประจำโต๊ะ สภาพยังกะใช้งานมาแล้วร้อยปีแน่ะทั่น)

ยังไม่ทราบชะตากรรมจะมามุกไหนกับข้าพเจ้าอีก

เอาเถอะ..ชีวิตผ่านมา อบรมจิตใจมากพอแล้วที่จะวางเฉยยิ้มรับไม่ว่าจะดีงามหรือเลวร้ายเพียงใด

เพียงคิดตั้งใจนำตัวหนังสือเดินหน้าต่อไป

เริ่มหนึ่งมิถุนายนเริ่มออกเดินทางอีกครั้ง

แต่ก่อนออกเดินทาง คันไม้คันมือ เห็นทีจะแย่แน่หากไม่ได้เกา ด้วยปะความท่านแหมะไว้วันวานให้หวามใจนัก

แอบอู้งานมานั่งห้อยเท้าต่องแต่งรับลมชมวิวอยู่ตรงชานขนำ แสงแดดเจิดจำรัสบางคราหมู่เมฆลอยผ่านดวงอาทิตย์เป็นม่านบางๆกรองแสงรัศมีสีทองให้สงบซบเซาลง สายลมพัดพลิ้วโชยชายมาระเรื่อยรื่น พาลให้คิดถึงทุ่งหญ้าโบกไสวล้อสายลมในแสงแดดอ่อนอุ่น ผีเสื้อเริงระบำเย้ายั่วดอกไม้อยู่ไปมา

สมองคนเรานี่ดีจัง เราไม่ได้อยู่ในสถานที่สวยงาม แต่เราก็ทำให้สถานที่สวยงามนั้นมาอยู่ในจินตนาการเราได้

ท่านเล่นแผลวจากงานมานั่งห้อยเท้า บอกเล่าภาษากวีที่ชานขนำเยี่ยงนี้ มีหรือเจ้ากบน้อยมุดหัวอยู่ในกะลาจะไม่พลอยห้อยหูฟังสังคีตอักษรา

ราวมีอาคันตุกะผ่านทางพกพิณสายมานั่งประเลงกล่อมขนำไพร ความเปรมใจนั้นมิพักกล่าวเลย

พาลให้คิดถึงทุ่งหญ้าโบกไสวล้อสายลมในแสงแดดอ่อนอุ่น ผีเสื้อเริงระบำเย้ายั่วดอกไม้อยู่ไปมา

พบพานจังหวะคำของท่านลงตัวเยี่ยงนี้ เป็นที่สมใจนัก ภาษาเช่นนี้ต้องเรียงร้อย ใช่เพียงพล่อยพิมพ์กล่าว ความงามแพรวพราวจึงเปล่งประกายออกมา

ความสุขใจของผู้เหย้าราวสดับคีตาสำเนียงไพเราะ ซึ่งไม่เป็นการสมควรเลยหากเพียงรับฟังแล้วอมยิ้มนิ่งเฉยเสียเป็นอั้งโล่ไม่รู้ร้อน จึงใคร่เรียนว่าวันใดท่านสุขใจแผลวงานมาอีก โปรดได้รับทราบว่าเจ้ากบน้อยคอยเงี่ยหูฟังรอยเท้าสังคีตอักขราแห่งท่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน (จนกว่าเจ้านายจะยื่นซองขาวให้ท่านอย่างเป็นทางการ) แลขออนุญาตนำอักษรางามเก็บไว้ในอัปลักษณ์ความนี้ (ว่าแต่มานั่งห้อยขาชานขนำแล้วบอกว่าสถานที่ไม่สวยงามได้จะได..ฮึขะรับ!)

กล่าวมาพอให้เป็นที่บรรเทาอาการคันปลายกระดองใจ ขอท่านจำเริญอักขระละไมยิ่ง ๆ ขึ้นไป

ลงมือเขียนนิยายล่ะ

คารวะ

3 ความคิดเห็น:

  1. ใกล้ดึกสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    ท่านทำให้ข้าพเจ้าตัวกลมยังกะลูกโป่งแน่ะ ความจริงไอ้จุดที่ท่านยกมานั้นข้าพเจ้าก็ไม่ได้เรียงร้อยมากมายอะไรหรอกเจ้าค่ะ เพียงแค่เขียนออกมาตามความรู้สึก บวกด้วยความตั้งใจ ก็เท่านั้นเอง

    วันนี้ข้าพเจ้านอนแอนด์นั่งแช่อิ่มทั้งวัน เมื่อคืนเลิกงานถือนิยายติดมือมาจากที่ทำงานสองเล่ม อ่านจบก่อนนอนตอนตีสองไปหนึ่งเล่ม ตื่นมาตอนสายอ่านอีกเล่มที่เหลือเสร็จสมอารมณ์หมายไปเมื่อนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสอง

    อาบน้ำแต่งตัวตั้งใจลงไปหาอะไรกิน ได้ชาเย็นติดมือมาหนึ่งถุงบวกด้วยหนมปังในเซเว่นอีกหนึ่งแถว

    เดินแกว่งถุงหนมปังดูดชาเย็นวืดๆ มาถึงห้องชาเย็นหมดถุงพอดี แกะหนมปังยัดใส่ปากไปสามแผ่นตามชาเย็นที่ล่วงหน้าไปก่อนแล้ว

    เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อนยาก รอจน OS ทำหน้าที่พร้อมสรรพ เปิดไฟล์นิยายที่เขียนมาจนจะถึงสิบชาติแล้วแต่ยังไม่จบสักกะทีขึ้นมานั่งขมวดคิ้วว่าจะเอาไงกับมันต่อได้มั่ง เลื่อนเม้าท์ขึ้นลงไปมาอยู่สี่ห้ารอบ ตัดสินใจปิดไฟล์นิยายตัวนั้น ไม่มีอะไรดอกเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าแค่เหนื่อยที่นั่งเลื่อนเมาท์ขึ้นๆลงๆ ตาลายด้วย (ฮา)

    หยิบสมุดขึ้นมาเขียนกลอน นั่งกุมขมับอยู่พักนึง(ไม่รู้เหมือนกันไอ้พักนึงนี่มันนานแค่ไหน) ข้าพเจ้าปิดสมุดเดินเวียนรอบห้อง เผื่อโชคดีเจอสักวรรคของกลอนลอยอยู่ในอากาศที่เดินผ่าน เดินไปสี่ห้าก้าวรอบห้องแระ!

    กลับมาเปิดสมุดต่อ เค้นอยู่อักพักนึงได้มาสามบท ต้องจอดเทียบท่าก่อนเจ้าค่ะไปต่อไม่ไหว(ขืนดันทุรังเด๋วเรือล่ม จมน้ำขึ้นมาไม่มีใครช่วยผายปอด แย่เลย^^)

    กลับมาดูนิยายต่อ แต่เขียนต่อไปได้ เลยนั่งอ่านตั้งแต่ต้นถือโอกาสเกลาไปในตัว จะได้ซ่อมไอ้จุดที่ยังค้างอยู่อีกสองสามจุดกลางเรื่องด้วย ได้กลับไปอ่านที่เขียนรู้สึกดีชะมัด บางครั้งยังนั่งคิด 'คิดออกมาได้ไงวะเนี่ย เรานี่เก่งใช่หยอก เหอะๆ'

    แต่นิยายกว่า 200 หน้าจะอ่านพร้อมเกลารวดเดียวจบมันดูจะมีความสามารถมากไป พลังวัตรข้าพเจ้ายังไม่ถึงขั้นนั้น อ่านไปถึงหน้าที่ 30 เหลือบดูนาฬิกา แม่จ้าว! สองทุ่มกว่า ปิดไฟล์นิยายปิดคอมพ์ลุกขึ้น รู้สึกหัวหมุนติ้วๆ ท้องร้องคร๊อกๆ นึกขึ้นได้ว่านอกจากชาเย็นแอนด์หนมปังสามแผ่นยังไม่ได้เจี๊ยะข้าวเลยสักเม็ด ตาลีตาเหลือกออกหาอะไรใส่ท้องก่อนจะล้มตึงชักตาตั้งขาดใจโดยไม่มีใครให้อำลาอาลัย

    ตอนนี้ท้องอิ่มหนำเรียบร้อยแระ

    หากช่วงนี้ข้าพเจ้าหายไปก็ไม่ต้องสงกาอาลัยนะเจ้าคะ คงต้องจมกับนิยายอีกสักพัก คราวนี้จะขับเคี่ยวกับมันให้ถึงที่สุด ฮึ่ม!

    ด้วยความเคารพ
    สายลม

    ตอบลบ
  2. อิ่มรอบบ่ายสวัสดิ์ขอรับท่านสายที่เคารพรัก

    ลีลาเล่าท่านชักเข้าฝัก เปิดทิ้งไว้ด้วยชาเย็นหนมปังปอนด์ แล้วพาข้าพเจ้าไปไหนต่อไหน (ทั้งที่วนเวียนอยู่หน้าจอและรอบห้องสี่ห้าก้าวก็เหอะ) เผลอเพลินชั่วแผลบท่านวกกลับมาปิดด้วยหนมปังชาเย็น เป็นที่บานใจ

    คงหาได้เจตนาดังเช่นบอกไว้ข้างต้น

    แต่การประเลงโดยมิพักครุ่นพะวง ปล่อยปลายนิ้วพลิ้วไหวไปตามความรู้สึกนั่นแล..เข้าฝัก!

    อานิสงส์ของการนี้ใช่เพียงใช้กับความเรียงสั้น ๆ เมื่อฝึกจนเคยนิสัยแล้ว ทักษะการใช้จะขยายกว้างใหญ่ขึ้นเพื่อนำไปจัดการกับนิยายซึ่งมีเรื่องราวซับซ้อนตัวละครหลากหลาย

    เมื่อทักษะแม่นมั่นเสียอย่าง เขียนอย่างไรก็ไม่ออกทะเล ท่านธรรมดาดั่งทองกิมย้ง ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางก็เพราะนิยายของท่านไม่ว่าโครงเรื่องขยายออกไปเพียงไร สุดท้ายก็ยังสามารถขมวดปมถักร้อยให้เป็นหนึ่งเดียวงดงามดุจผืนไหมทองคำไร้ตะเข็บ ขณะนักเขียนกำลังภายในคนอื่น ๆ ปล่อยเรื่องราวเรื่อยไหลจนไม่อาจควบคุม กระทั้งมีบ้างบางท่านจบเรื่องแบบต้นกลางท้ายไปคนละทาง (จาก 'โก้วเล้ง..มังกรเมรัย')

    ทักษะเช่นนี้ใช่จะยากเย็นเกินฝึกฝนเลย เพียงเริ่มด้วยความสั้น ๆ เยี่ยงท่านกระทำ กระทำจนคุ้นมือ จนเขียนโดยมิพักครุ่นคำนวณ

    ผู้น้อยเองก็มีความสุขนั่งอ่านลายสือท่านที่เต็มกอบเต็มคำ หากจะหายไปสักกี่ทิวาราตรีมิเป็นที่น่าวิตก ขอเพียงยามกลับมามีชะลอมอักษรเต็มตะกล้า เท่านี้ผู้น้อยเอมใจยิ่งแล้ว

    แลหากจะมีชาเย็นหนมปังปอนด์ติดมือมาด้วย นั่นก็ยิ่งอร่อยเหาะ

    ก้มหน้าก้มตาเขียนนิยายนะขอรับ ข้าพเจ้าเองก็จะกระทำเช่นนั้น

    คารวะ

    ตอบลบ
  3. ลืมถาม..
    ใคร่รู้ว่านิยายสองเล่มนั้นเรื่องอะไรขะรับ? (อยากรู้..อยากรู้)
    อีกอย่าง ต้องขอประทานโทษที่ทำให้ต้นร่างนิยายท่านหนกสูญ หากไม่ใช่เป็นเพราะส่งให้ข้าพเจ้าก็คงไม่เกิด ประทานโทษจริง ๆ

    ดิลล์ หน้าจ๋อย

    ตอบลบ